- ต้องมีความอดทนขณะรักษาสิว
การรักษาสิวอาจจำเป็นต้องทายาลดสิวติดต่อกันประจำทุกวัน และอาจใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 เดือนจนกว่าจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และยิ่งเป็นสิวอักเสบหรืออุดตันเยอะก็จะทำให้ต้องใช้เวลานานขึ้น นอกจากนี้ ในระหว่างรักษา สิวอาจลุกลามหรือมีอาการแย่ลงได้
ทั้งนี้ ผลการรักษาย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้นจนรูขุมขนอุดตันและเกิดสิวใหม่เรื่อย ๆ มลภาวะหรือสิ่งที่ทำให้ผิวระคายเคืองที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น เช่น ฝุ่นพีเอ็ม 2.5 การใส่หน้ากากอนามัย อาการแพ้ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแพ้เหงื่อ แพ้เครื่องสำอาง แพ้สารเคมี การรักษาสิวเพื่อตัดวงจรสิวและหยุดการเกิดสิวใหม่จึงต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก บางครั้งอาจรู้สึกท้อหรือไม่สบายใจเพราะรักษาแล้วสิวไม่หายเสียที หากรักษาเป็นเวลานานแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบคุณหมอผิวหนังเพื่อรับการรักษาอย่างตรงจุด
- เลือกส่วนผสมที่เหมาะกับอาการของสิว
ผู้เป็นสิวเลือกส่วนผสมที่เหมาะกับอาการของสิว เช่น สิวอักเสบเป็นตุ่มแดง ควรเลือกยาลดสิวที่มีเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) สิวอุดตันและลดการอักเสบ ควรเลือกยาลดสิวที่มีวิตามินเออย่างอะดาพาลีน (Adapalene) หรือยาทาที่ออกฤทธิ์เป็นกรดอย่างบีเอชเอ (Beta Hydroxy Acid) รูขุมขนอุดตันจนทำให้เกิดสิว ควรเลือกยาลดสิวที่มีกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) เพื่อลดความมันบนใบหน้าและกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป สิวที่เกิดจากแบคทีเรีย ควรเลือกยาปฏิชีวนะอย่างด็อกซีซัยคลิน (Doxycycline) เตตราซัยคลิน (Tetracycline) ทั้งนี้ การเลือกยาลดสิว ควรเลือกยาลดสิวที่มีส่วนผสมในการรักษาสิวเพียงอย่างเดียว ไม่ควรใช้ส่วนผสมหลายอย่างหรือมีส่วนผสมของสเตียรอยด์
วิธีดูแลผิวเมื่อเป็นสิว
การดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อเป็นสิว ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย