สิว เป็นปัญหาผิวที่พบได้ทั่วไป สิวชนิดที่พบได้บ่อย เช่น สิวอักเสบ สิวหัวดำ สิวหัวขาว สามารถพบได้ในคนแทบทุกเพศทุกวัยและทุกสภาพผิว การรักษาสิวอาจทำได้โดยการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ทายาตามที่คุณหมอหรือเภสัชกรแนะนำ อย่างไรก็ตาม หลังสิวหาย อาจทิ้งรอยสิวไว้ได้ จึงอาจต้องหาวิธี ลดรอยสิว รอยดำ ที่ดีต่อสุขภาพ เหมาะสมกับปัญหาสิว และสุขภาพผิวที่สุด
[embed-health-tool-ovulation]
วิธีการ ลดรอยสิว
ลดเลือนรอยสิว ด้วยตัวเองทำได้ง่าย ๆ
ก่อนจะตัดสินใจ ลดเลือนรอยสิว ด้วยตัวเอง สิ่งแรกที่ควรทำ คือ ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้คุณหมอวินิจฉัยปัญหาสิวและรอยสิว รอยดำที่มี หากสะดวกรักษาที่คลีนิกหรือโรงพยาบาล ก็สามารถเข้ารับการรักษาได้เลย แต่หากไม่สะดวก ก็สามารถลดเลือนรอยสิวด้วยตัวเองได้ ด้วยกรดที่นิยมใช้ในการลดรอยสิว ดังนี้
- กรดอัลฟาไฮดรอกซี
กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เอเอชเอ (AHA)” เป็นกรดผลไม้ พบได้ในผลิตภัณฑ์รักษาสิวแบบเวชสำอางทั้งที่สามารถหาซื้อใช้ได้เอง และที่ใช้ในคลีนิกหรือโรงพยาบาล เอเอชเอจะช่วยขจัดเซลล์ผิวและสิ่งอุดตันในรูขุมขน แก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ลดเลือนรอยขุระขระบนผิว ลดเลือนรอยสิว รอยแผลเป็นให้จางลง แต่การใช้เอเอชเอ ต้องระวังเป็นพิเศษ อย่าใช้บ่อยหรือใช้มากเกินไป เพราะจะทำให้เซลล์ผิวเสื่อมเร็วขึ้น ผิวชั้นนอกบางลง และไวต่อแสงแดดมากขึ้น ดังนั้น ระหว่างใช้เอเอชเอ ต้องไม่ลืมทาครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันปัญหาผิวที่อาจเกิดขึ้นจากแสงแดด
- เรตินอล
เรตินอล คือวิตามินเอรูปแบบหนึ่ง ที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากมาย ผลิตภัณฑ์เรตินอลมีทั้งแบบครีม เซรั่ม เจล เป็นต้น นอกจากจะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดีแล้ว เรตินอลยังช่วยทำให้รอยสิว รอยดำ รอยแผลเป็นต่าง ๆ ดูจางและเรียบเนียนขึ้นได้ด้วย แต่เรตินอลมักจะทำให้เกิดผลข้างเคียง คือจะทำให้ผิวไวต่อแสงแดดเป็นพิเศษ ฉะนั้นจึงควรทาครีมกันแดดทุกวันเวลาที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล
- กรดซาลิไซลิก
กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือบีเอชเอ (BHA) เป็นสารที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์รักษาสิว ผลัดเซลล์ผิว รักษารอยสิว สามารถช่วยแก้ปัญหารูขุมขนอุดตัน ลดรอยบวม รอยแดง รอยดำ ผลัดเซลล์ผิวในบริเวณที่มีปัญหาได้เป็นอย่างดี จึงช่วยให้ผิวใสและเรียบเนียนขึ้น แต่อาจก่อให้เกิดผิวแห้งหรืออาการระคายเคืองได้ ฉะนั้นไม่ควรใช้บ่อย และควรใช้ในบริเวณที่มีปัญหาเท่านั้น
ลดเลือนรอยสิวโดยผู้เชี่ยวชาญ
ถ้าการเยียวยาปัญหา ลดเลือนรอยสิว ด้วยตัวเองไม่ได้ผล คุณควรไปพบคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อจะได้ใช้วิธีการรักษาดังต่อไปนี้
- การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี (Dermabrasion)
นี่เป็นวิธี ลดเลือนรอยสิว ที่ได้ผลวิธีหนึ่ง โดยใช้การพ่นเกล็ดอัญมณีที่มีขนาดเล็กละเอียดคล้ายเม็ดทรายลงไปบนผิวหน้า เพื่อขัดลอกผิวที่เป็นปัญหาออกไป ซึ่งการกรอผิววิธีนี้จะส่งผลลึกลงไปถึงผิวหนังชั้นหนังแท้ ข้อดีของการกรอผิวด้วยวิธีนี้คือ หลังจากรักษารอยสิวด้วยวิธีนี้ ไม่จำเป็นต้องดูแลผิวหน้าเป็นพิเศษ แต่ต้องอาศัยการทำอย่างต่อเนื่องจึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน การกรอผิวแบบนี้เหมาะกับการรักษารอยสิวแบบหลุมตื้นและหลุมกว้าง แต่ก็ช่วยให้รอยสิวแบบหลุมลึกดูตื้นขึ้นได้เช่นกัน
- การลอกผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peels)
การลอกผิวด้วยสารเคมีเป็นการใช้กรดที่มีความเข้มข้นสูงลอกผิวหนังชั้นบนสุดออกไป เพื่อทำให้แผลเป็นที่เป็นหลุมลึกดูตื้นขึ้น ซึ่งมีอยู่หลากหลายแบบและหลากหลายความเข้มข้น จึงควรปรึกษากับคุณหมอว่าแบบไหนเหมาะจะใช้รักษารอยสิวได้ดีที่สุด ซึ่งการลอกผิวด้วยสารเคมีนี้มักจะเหมาะกับรอยสิวที่เป็นหลุมลึก
- การใช้เลเซอร์ลอกผิว (Laser Resufacing)
การใช้เลเซอร์ก็มีหลักการเดียวกับการลอกหน้าด้วยสารเคมี และการกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี จุดประสงค์คือการลอกผิวหนังชั้นบนสุดออกไป แต่วิธีนี้จะช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วกว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากทำเลเซอร์ลอกผิว ต้องใช้ผ้าปิดแผลไว้จนกว่าแผลจะหายดี การรักษาด้วยเลเซอร์เหมาะกับรอยสิวทุกชนิด และคนผิวขาวมักจะเห็นผลดีกว่าคนผิวคล้ำ
- การฉีดสารเติมเต็ม (Fillers)
คุณหมอจะใช้สารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ที่อาจทำขึ้นจากคอลลาเจน ไขมันของตัวเอง หรือสารเติมเต็มชนิดอื่น ๆ โดยฉีดเข้าไปใต้ผิว เพื่อทำให้รอยบุ๋มจากสิวดูเต็มและเรียบเนียนขึ้น ซึ่งสารเติมเต็มส่วนใหญ่จะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือนเท่านั้น จึงต้องมีการฉีดเติมอยู่เรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้เห็นรอยบุ๋ม
- ฟื้นฟูผิวหน้าด้วยเข็ม (Microneedling)
การ ลดเลือนรอยสิว ด้วยวิธีนี้จะใช้ลูกกลิ้งที่มีเข็มขนาดเล็กจิ๋ว กลิ้งลงไปบนผิวในบริเวณที่เป็นรอยแผลเป็น เพื่อทำให้เกิดแผลเล็ก ๆ ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาเยียวยา มีหลักฐานยืนยันว่า การฟื้นฟูผิวหน้าด้วยเข็มแบบนี้ ช่วยทำให้รอยสิวดูตื้นขึ้น แต่อาจต้องใช้เวลาถึง 9 เดือนกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่ก็ถือว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียง
- การฉีดยา
เป็นการใช้ยา เช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ยาเคมีบำบัดสูตร 5-FU อินเตอร์เฟอรอน (Interferon) ฉีดเข้าไป เพื่อทำให้รอยสิวที่มีความนูน ๆ ดูนิ่มและแบนลง โดยต้องทำทุก 2-3 สามสัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน