หากจำนวนโพรไบโอติกในร่างกายมีน้อย จะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ค่อยดีจนทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ท้องผูก ท้องเสีย หรือท้องอืด โพรไบโอติดยังส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน หากรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอ เหนื่อยง่าย เป็นหวัดบ่อย หรือแม้กระทั่งมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง อาจเป็นสัญญาณว่า คุณจะต้องเพิ่มจำนวนแบคทีเรียชนิดดีอย่างโพรไบโอติกให้แก่ร่างกายแล้ว
โพรไบโอติก รักษาสิว คืออะไร
งานวิจัยของ Robert H. Siver นายแพทย์จากโรงพยาบาล Union Memorial ในเมืองบอลทิมอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ให้คนไข้ที่มีปัญหาสิวจำนวน 300 คนกินโพรไบโอติก 2 ชนิด คือแล็กโทบาซิลลัส แอซิโตฟิลัส (Lactobacillus acidophilus) กับแล็กโทบาซิลลัส บัลกาลิคัส (Lactobacillus bulgaricus)
ผลการทดลองพบว่า 80% ของผู้ที่เป็นสิวมีอาการดีขึ้น อีกงานวิจัยหนึ่งที่สอดคล้องกันคืองานวิจัยจากประเทศอิตาลี ที่ให้ผู้ที่เป็นสิวกินโพรไบโอติก ชนิดแอล. แอซิโตฟิลัส (L. acidophilus) และบี. บิฟิตัม (B. bifidum) ปริมาณ 250 มิลลิกรัม ผลการวิจัยพบว่าคนที่เป็นสิวมีอาการดีขึ้นอย่างสังเกตเห็นได้ที่เป็นแบบนี้เนื่องจากโพรไบโอติกนั้นช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งส่งผลต่ออาการอักเสบที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิว
เมื่อร่างกายได้รับโพรไบโอติก ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันดีขึ้น อาการอักเสบลดลง ส่งผลทำให้คนที่เป็นสิวมีผิวหน้าดีขึ้น นอกจากนี้ด้วยความที่โพรไบโอติกเป็นแบคทีเรียที่ดี ส่วนแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวนั้นเป็นแบคทีเรียที่ไม่ดี การเพิ่มจำนวนโพรไบโอติกในร่างกายจึงทำให้ช่วยลดจำนวนแบคทีเรียที่ไม่ดี ซึ่งทำให้สิวลดลงด้วย
วิธีใช้โพรไบโอติกรักษาสิว
หากใครที่ลองมาทุกวิธีแล้วแต่ก็ยังมีสิวอยู่ อยากให้ลองดูวิธีการรักษาจากระบบภายในร่างกาย บางทีสาเหตุที่ทำให้สิวไม่หายอาจเป็นเพราะร่างกายอ่อนแอ ระบบย่อยอาหารและระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่ดี สิวเลยไม่หายซักที วิธีใช้โพรไบโอติกช่วยในการรักษาสิวจึงอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
การเพิ่มโพรไบโอติกในร่างกายสามารถทำได้ง่ายๆด้วยการกินอาหารที่มีโพรไบโอติก ได้แก่ โยเกิร์ต ซุปมิโซะ น้ำเต้าหู้ กิมจิ หรือในพวกของดองเช่น แตงกวาดอง กะหล่ำปลีดอง แต่การกินอาหารเหล่านี้อาจไม่ได้เพิ่มแค่โพรไบโอติก แต่อาจเพิ่มสารอาหารที่ไม่ดีต่อร่างกายมาด้วย เช่น อาหารที่มีโซเดียมมากเกินไป ดังนั้นจึงควรกินในปริมาณที่พอดี ไม่กินเยอะเกินไปจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ