ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยเกลื้อน
การวินิจฉัยเกลื้อน อาจทำได้ดังนี้
- เก็บตัวอย่างผิวหนังกำพร้าหรือผิวหนังชั้นนอกบริเวณที่เป็นเกลื้อนมาตรวจสอบโดยใช้กล้องจุลทรรศน์
- ใช้โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (Potassium Hydroxide) ซึ่งเป็นสารที่มีค่าความเป็นด่างสูงมาช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังบริเวณที่เป็นเกลื้อนออก และนำผิวที่ลอกออกนั้นไปตรวจผ่านทางกล้องจุลทรรศน์
- ใช้แสงอัลตราไวโอเลตส่องไปบริเวณที่ได้รับผลกระทบ หากแสงเปลี่ยนเป็นสีส้มทองแดงหรือเรืองแสง ก็อาจแสดงว่าเป็นเกลื้อน
การรักษาเกลื้อน
การรักษาเกลื้อน อาจทำได้ดังนี้
- โคลไตรมาโซล (Clotrimazole) หรือคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) เป็นยาต้านเชื้อราในรูปแบบครีมทาผิวหนัง ใช้เพื่อหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อรา ก่อนทายานี้ควรทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่ได้รับผลกระทบแล้วเช็ดให้แห้ง โดยทาวันละ 2 ครั้ง หรือตามดุลพินิจของคุณหมอ และควรสังเกตอาการแพ้รุนแรง เช่น แสบไหม้ผิว ระคายเคือง ตุ่มแดง ผิวหนังบวม วิงเวียนศีรษะรุนแรง
- ซีลีเนียม ซัลไฟด์ (Selenium Sulfide) เป็นยาที่มีในรูปแบบแชมพูและโลชั่น ใช้เพื่อรักษาเกลื้อนและกลาก โดยใช้ทาหรือฟอกบริเวณที่เป็นเกลื้อน ยกเว้นบริเวณใบหน้าและอวัยวะเพศ ทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาด หากพบว่ามีอาการระคายเคืองผิวหนังควรหยุดใช้และแจ้งให้คุณหมอทราบ
- ไมโคนาโซล (Miconazole) เป็นยาที่มีในรูปแบบสเปรย์ ครีม แป้ง และยาทิงเจอร์ ใช้เพื่อช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อราและรักษาการติดเชื้อราที่ส่งผลให้เกิดเกลื้อน โดยควรทาลงบนผิวหนังที่ได้รับผลกระทบวันละ 2 ครั้ง ช่วงเช้าและกลางคืนหรือก่อนนอน บางคนอาจมีอาการดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์ และควรสังเกตอาการแพ้รุนแรง เช่น มีผื่น รู้สึกระคายเคือง แสบร้อนผิวหนัง หากพบอาการเหล่านี้ควรแจ้งคุณหมอให้ทราบอย่างรวดเร็ว
- เทอร์บินาฟีน (Terbinafine) เป็นยาต้านเชื้อราที่มีในรูปแบบครีมและเจล โดยใช้ทาบริเวณผิวหนังที่ได้รับผลกระทบวันละ 1-2 ครั้ง หรือตามดุลพินิจของคุณหมอ ก่อนใช้ยานี้ควรล้างมือและทำความสะอาดผิวบริเวณที่เป็นเกลื้อนให้สะอาด จากนั้นเช็ดให้แห้งสนิทและทาลงบนผิวและรอบ ๆ รอยเกลื้อน
- ซิงค์ ไพริไธโอน (Zinc pyrithione) ที่มีในรูปแบบสบู่ใช้สำหรับการรักษาเกลื้อน โดยทำความสะอาดผิวแทนสบู่ปกติ เพื่อช่วยต้านเชื้อรา
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันเกลื้อน
การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันเกลื้อน อาจทำได้ดังนี้
- ไม่สวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นและหนาเกินไป โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้น เพราะอาจทำให้ร่างกายขับเหงื่อมากและอับชื้น ซึ่งอาจกระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อรา
- ควรเลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เหงื่อออกมากเกินไป
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจกระตุ้นให้ผิวมัน เช่น การออกกำลังกายกลางแจ้ง การตากแดดเป็นเวลานาน
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โลชั่น และครีมกันแดดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือสูตรไม่เหนียวเหนอะหนะ เพื่อป้องกันผิวมันมากและป้องกันรูขุมขนอุดตัน
- อาบน้ำเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น ฝึกซ้อมกีฬา ออกกำลังกาย เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกหรือเหงื่อที่อาจกระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อรา
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย