วิธีลดการเกิดรอยคล้ำใต้ตา
การใช้ผลิตภัณฑ์รอบดวงตาเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก เนื่องจากผิวรอบดวงตาเป็นผิวที่มีความบอบบางสูงและเสี่ยงเกิดอาการแพ้หรืออักเสบได้ง่ายกว่าผิวบริเวณอื่น นี่จึงเป็นสาเหตุของปัญหาใต้ตาคล้ำที่เราต้องพบเจอ คุณจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนและผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัยกับผิวรอบดวงตาของคุณ
การเกาหรือขยี้ตาแรงๆ จะทำให้ผิวรอบดวงตาเกิดอาการช้ำ และเส้นเลือดฝอยบริเวณนั้นอาจได้รับผลกระทบ ส่งให้ผิวใต้ตาคล้ำได้ ดังนั้น การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าว จะเป็นผลดีกับคุณมากที่สุด
เป็นที่ทราบกันดีว่าถุงชาที่ชงแล้ว นำไปแช่ในตู้เย็นราว 2 – 3 นาทีแล้วแปะไว้บริเวณดวงตาประมาณ 5 นาที สามารถช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาได้ โดยอาศัยสารในชาอย่าง คาเฟอีน และแทนนีน (Tannin) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในผักและผลไม้รสฝาด ช่วยลดอาการบวม อีกทั้งยังช่วยให้เส้นเลือดใหญ่และเส้นเลือดฝอยหดตัว จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมถุงชาถึงนิยมนำมาช่วยในเรื่องรอยใต้ตาคล้ำนัก
การรับประทานวิตามินซีช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจนและการไหลเวียนโลหิต เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น กระบวนการสร้างคอลลาเจนของร่างกายจะลดลง เมื่อผิวใต้ตาสูญเสียคอลลาเจน และร่างกายไม่สามารถผลิตคอลลาเจนมาทดแทนได้ดีเท่าที่ควร ทำให้ผิวใต้ตาคล้ำ การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
อย่างที่เราทราบกันดีว่า แสงแดดเป็นตัวการที่กระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มมาก เราจึงต้องสวมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันรังสียูวี ที่จะเข้าไปทำร้ายผิวรอบดวงตา ป้องกันไม่ให้เกิดรอยคล้ำใต้ตาขึ้นได้
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จำเป็นอย่างยิ่งในการซ่อมแซมและฟื้นฟูร่างกาย ไม่ใช่แค่เพียงรักษารอยคล้ำรอบดวงตา แต่ร่างกายทุกส่วนล้วนต้องการการนอนหลับพักผ่อนราวๆ 8 – 10 ชั่วโมง แต่การนอนหลับก็ต้องเป็นการนอนหลับสนิทอย่างมีคุณภาพ แลไม่นอนมากเกินไป เพราะก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นคุณควรนอนแต่พอดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป จึงจะเป็นผลดีกับร่างกายและผิวใต้ตามากที่สุด