การ ตรวจวัดการแข็งตัวของเลือด (Activated Clotting Time) คือการตรวจสอบประสิทธิภาพของสารต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาเฮพาริน หรือยากลุ่มทรอมบินอินฮิบิเตอร์
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
การตรวจวัดการแข็งตัวของเลือด (Activated clotting time หรือ ACT) เป็นการตรวจสอบประสิทธิภาพของสารต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาเฮพาริน (heparin) หรือยากลุ่มทรอมบินอินฮิบิเตอร์ (thrombin inhibitors) ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการผ่าตัดขยายเส้นเลือด (angioplasty) การฟอกไต (kidney dialysis) และการผ่าตัดบายพาสหัวใจ (CPB)
การตรวจชนิดนี้จะวัดระยะเวลาการแข็งตัวของเลือด หลังจากให้สารกระตุ้น แพทย์จะติดตามอาการของคุณในขณะที่คุณเข้ารับการรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาเฮพาริน
การตรวจวัดการสร้างสภาวะลิ่มเลือด (Activated Partial Thromboplastin Time หรือ APTT) และการตรวจวัดการแข็งตัวของเลือด (ACT) จะใช้เพื่อติดตามอาการของผู้ที่กำลังรักษาด้วยยาเฮพาริน จากการเข้ารับการผ่าตัดบายพาสหัวใจ (Cardiopulmonary Bypass หรือ CPB) แต่การตรวจวัดการแข็งตัวของเลือด มีข้อดีมากกว่าการตรวจวัดการสร้างสภาวะลิ่มเลือด
ประการแรก การตรวจวัดการแข็งตัวของเลือดให้ผลที่แน่นอนกว่า เมื่อมีการให้ยาเฮพารินเพื่อต้านการแข็งตัวของเลือดในปริมาณสูง วิธีการนี้มีประโยชน์ในกรณีที่มีการใช้ยาเฮพารินปริมาณสูง เช่น การทำบายพาสหัวใจ ซึ่งต้องใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดมากกว่าลิ่มเลือดถึง 10 เท่า การตรวจวัดการสร้างสภาวะลิ่มเลือด ไม่สามารถวัดภาวะปริมาณยาที่สูงได้ ระยะเวลาที่เหมาะสมในการแข็งตัวของเลือดคือ 400-480 วินาที ในผู้ป่วยที่รับการผ่าตัดบายพาสเลือดเลือดหัวใจ
ประการที่สอง การตรวจวัดการแข็งตัวของเลือดมีค่าใช้จ่ายถูกกว่า และทำได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังมีขั้นตอนน้อยกว่าด้วย
เนื่องจากการตรวจวัดการแข็งตัวของเลือดมีค่าใช้จ่ายถูกกว่า และสามารถทำได้ง่ายกว่า คือ แทบจะสามารถทำได้ที่บ้าน การตรวจชนิดนี้จึงเหมาะกับกลุ่มผู้ป่วยดังนี้
ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลการตรวจมีดังต่อไปนี้
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดปรึกษาแพทย์
คุณไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษก่อนเข้ารับการตรวจนี้ แต่แพทย์อาจทำการตรวจสุขภาพทั่วไป โดยคุณสามารถสอบถามแพทย์ได้ว่าต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษหรือไม่
คุณควรสวมเสื้อแขนสั้น เพื่อให้เจาะเลือดบริเวณแขนได้สะดวก
เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ที่ทำการเจาะเลือดจะดำเนินการต่อไปนี้
การรัดยางที่ต้นแขนอาจแน่นมาก จนคุณอาจรู้สึกเจ็บแขนได้บ้าง แต่คุณอาจไม่รู้สึกใดๆ จากเข็มเจาะ หรืออาจมีเพียงความรู้สึกเหมือนมดกัดหรือแมลงต่อยเท่านั้น
หลังเจาะเลือด คุณควรปิดแผลด้วยพลาสเตอร์ และกดบริเวณรอยเจาะเพื่อห้ามเลือด และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังการเจาะเลือด
หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับการตรวจวัดการแข็งตัวของเลือด โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจข้อควรปฏิบัติได้ดีขึ้น
ค่าปกติที่ระบุไว้ ณ ที่นี้ ซึ่งเรียกว่า ค่าอ้างอิง (reference range) เป็นเพียงแนวทางเท่านั้น ค่าเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปตามห้องปฏิบัติการ และห้องปฏิบัติการของคุณอาจมีค่าปกติที่แตกต่างออกไป รายงานจากห้องปฏิบัติการควรมีช่วงค่าที่ห้องปฏิบัติการของคุณใช้
นอกจากนี้ แพทย์จะประเมินผลการตรวจของคุณโดยยึดตามสุขภาพของคุณและปัจจัยอื่นๆนั่นหมายความว่า ค่าที่อยู่นอกเหนือจากค่าปกติที่ระบุไว้ ณ ที่นี้ อาจยังคงเป็นค่าปกติสำหรับคุณและห้องปฏิบัติการของคุณ
ค่าปกติ
เลือดแข็งตัวภายใน 70-120 วินาที
หากคุณรับการรักษาการต้านการแข็งตัวของเลือด เวลาที่ใช้สำหรับการแข็งตัวของเลือดปกติ คือ 150-600 วินาที
ค่าผิดปกติ
ระยะเวลาการแข็งตัวของเลือดที่นานขึ้น เกิดจากสาเหตุดังนี้
ระยะเวลาในการแข็งตัวของเลือดจะสั้นลง เนื่องจากเลือดอุดตันที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือดผิดปกติ
ค่าปกติสำหรับการตรวจวัดการแข็งตัวของเลือดอาจมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับห้องปฏิบัติการและโรงพยาบาล โปรดปรึกษาแพทย์หากมีคำถามใดๆ เกี่ยวกับผลการทดสอบอย่างละเอียด
หากมีคำถามใดๆ เกี่ยวกับการตรวจคาร์บอนมอนอกไซด์ในเลือด โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจคำแนะนำของแพทย์ได้ดีขึ้น
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย