ปลายเล็บร่น (Onycholysis) เป็นภาวะที่เล็บแยกออกจากผิวหนัง เนื่องจากการบาดเจ็บหรือการติดเชื้อ นอกจากนั้นยังอาจมีสาเหตุมาจากปัญหาอื่นๆ อีกด้วย แม้ปลายเล็บร่นจะไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปพบคุณหมอเป็นการด่วน แต่การดูแลรักษาให้หายก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นทาง Hello คุณหมอ จึงได้นำเรื่องนี้มาฝากกัน
คำจำกัดความ
ปลายเล็บร่น (Onycholysis) คืออะไร
ปลายเล็บร่นเป็นศัพท์ทางการแพทย์ เมื่อเล็บของคุณแยกออกจากผิวหนังที่อยู่ข้างใต้ ซึ่งมันไม่ใช้เรื่องแปลกและสามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายประการ อาการนี้จะคงอยู่เป็นเวลาหลายเดือน เนื่องจากเล็บมือหรือเล็บเท้าจะไม่ติดกลับเข้าไปยังฐานเล็บที่อยู่ใต้เล็บ เมื่อเล็บใหม่งอกขึ้นมาแทนที่เล็บเก่า อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นควรจะหายไป โดยเล็บมือจะใช้เวลา 4-6 เดือนในการงอกใหม่ ส่วนเล็บเท้าอาจจะใช้เวลา 8-12 เดือน
อาการ
อาการของ ปลายเล็บร่น
หากคุณกำลังมีอาการปลายเล็บร่น อาการที่คุณสามารถสังเกตได้ก็คือ เล็บของคุณจะเริ่มลอกขึ้นต้านบนหลุดจากฐานเล็บที่อยู่ข้างใต้ โดยปกติจะไม่มีอาการเจ็บปวดในขณะที่เกิดขึ้น โดยเล็บที่ได้รับผลกระทบอาจกลายเป็นสีเหลือง สีเขียว สีม่วง สีขาว หรือสีเทา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุ
ควรไปพบหมอเมื่อใด
หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใดๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ
สาเหตุ
สาเหตุของปลายเล็บร่น
การบาดเจ็บที่เล็บอาจทำให้เกิดปลายเล็บร่นได้ การสวมรองเท้าที่คับจนเกิดไปก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งเช่นกัน นอกจากนั้นอาการนี้อาจเป็นผลมาจากการแพ้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเล็บ เช่น น้ำยาล้างเล็บเคมี หรือเล็บปลอม ปลายเล็บร่มอาจเป็นอาการของเชื้อราที่เล็บหรือโรคสะเก็ดเงิน
ส่วนสาเหตุอื่นๆ ได้แก้ ปฏิกิริยาต่อยา หรือการบาดเจ็บ แม้แต่การเคาะเล็บซ้ำๆ เหมือนตีกลองก็ก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้เช่นกัน บางครั้งปลายเล็บร่นอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อยีสต์ที่ร้ายแรง หรือโรคต่อมไทรอยด์ นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากคุณได้รับวิตามินหรือแร่ธาตุที่จำเป็นไม่เพียงพอ เช่น ธาตุเหล็ก
การรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การรักษาปลายเล็บร่น
การหาสาเหตุของการเกิดปลายเล็บร่นของคุณถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เมื่อพบสาเหตุแล้วการรักษาพื้นฐานจะช่วยแก้ไขปัญหาปลายเล็บร่นได้
การตัดเล็บให้สั้นก็เป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ก็ไม่แนะนำให้พยายามตัดเล็บส่วนลึกมากจนเกินไป เมื่อเล็บส่วนที่ได้รับผลกระทบของอาการปลายเล็บร่นงอกออกมาคุณจะสามารถตัดเล็บที่ร่นออกได้ ในขณะที่เล็บใหม่จะงอกเข้ามาแทนที่ นอกจากนั้นการรักษาปลายเล็บร่นยังสามารถทำได้ ดังนี้
การรักษาสภาพพื้นฐาน
สาเหตุของปลายเล็บร่น จนทำให้เล็บแยกออกจากเนื้อจะต้องได้รับการวินิจฉัยเสียก่อนที่อาการที่เกิดขึ้นจะหยุดลง บางคนอาจจะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องไปพบคุณหมอเกี่ยวกับปัญหาเล็บ แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป หากคุณมีอาการปลายเล็บร่น และเป็นซ้ำๆ อาจจะต้องได้รับการวินิจฉัยและได้รับใบสั่งยาเพื่อรักษา
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ปลายเล็บร่นนั้นอาจเป็นอาการของโรคสะเก็ดเงิน สมาคม The Psoriasis and Psoriatic Arthritis Association ประมาณการเอาไว้ว่า ผู้ที่ป่วยเป็นโรคสะเก็ดเงินร้อยละ 50 จะมีปัญหาเกี่ยวกับเล็บร่วมด้วย
สำหรับเล็บที่ได้รับผลกระทบจากโรคสะเก็ดเงิน การรักษาโรคสะเก็ดเงินที่เล็บอาจเป็นเรื่องยาก แพทย์อาจสั่งวิตามินดีหรือคอร์ติโคสเตียรอยด์เฉพาะที่ เพื่อรักษาโรคสะเก็ดเงินที่เล็บ นอกจากนั้น การตรวจเลือดอาจแสดงให้เห็นว่า คุณมีภาวะต่อมไทรอยด์หรือขาดวิตามินหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาหารปลายเล็บร่นได้ ในกรณีนี้แพทย์อาจสั่งจ่ายยาหรืออาหารเสริมชนิดรับประทาน เพื่อรักษาอาการที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการเกิดปลายเล็บร่นของคุณ
การรักษาเองที่บ้าน
ในระหว่างนี้คุณอาจจะลองรักษาอาการปลายเล็บร่นด้วยตัวเองที่บ้าน อย่าพยายามทำความสะอาดใต้เล็บมากจนเกินไป เพราะมันอาจทำให้ปัญหาแย่ลงกว่าเดิม หรืออาจจะเป็นการทำให้แบคทีเรียลงไปใต้เล็บลึกกว่าเดิม
จากการศึกษาในปี 2013 งานหนึ่ง แสดงให้เห็นว่า ทีทรีออยล์สามารถช่วยรักษาเชื้อราและการติดเชื้อยีสต์ที่เกิดขึ้นใต้เล็บได้ การใช้ส่วนผสมของทีทรีออยล์ที่เจือจางด้วยน้ำมันตัวพา เช่น โจโจ้บาออย หรือน้ำมันมะพร้าว อาจช่วยกำจัดเชื้อราได้ โดยคุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเล็บแห้งสนิทในขณะที่รักษา
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเอง
ปลายเล็บร่นอาจเป็นผลมาจากความไวของผิวหนังต่อผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเล็บ เช่น กาว อะคริลิก หรืออะซิโตน ที่ใช้ในการทำเล็บมือและเล็บเท้า หากคุณมีอาการแพ้จากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ขอแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการเข้าร้านทำเล็บ หันมาเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารก่อภูมิแพ้ ในการทาเล็บเองที่บ้าน และสำหรับเล็บปลอมที่ใช้ติดกับเล็บอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของฐานเล็บได้ อาจส่งผลให้เกิดปลายเล็บร่นได้เช่นกัน
หากคุณมีเชื้อราหรือยีสต์ที่ก่อให้เกิดอาการปลายเล็บร่น คุณสามารถหยุดยั้งการแพร่กระจายได้ โดยการดูแลเล็บอย่างเหมาะสม อย่ากัดเล็บ เพราะจะทำให้โรคลุกลามจากเล็บหนึ่งไปยังอีกเล็บหนึ่งปลายเป็นส่งผลต่อปากของคุณได้อีกด้วย หากเล็บเท้าของคุณเกิดปลายเล็บร่น ควรสวมถุงเท้าที่สะอาดและให้เท้าได้สัมผัสกับอากาศแห้งให้ได้มากที่สุดในแต่วัน
[embed-health-tool-bmi]