นวดกดจุด คือการนวดโดยเน้นกดลงในส่วนที่ต้องการเท่านั้น เช่น ศีรษะ ต้นคอ ไหล่ มือ หลัง หน้าท้อง เท้า ต้นขา นอกจากนี้การนวดกดจุดมีในรูปแบบการนวดสะท้อนกลับที่อาจนวดเพียงแค่ฝ่ามือหรือฝ่าเท้าเท่านั้น โดยจะกำหนดจุดฝ่าเท้าและฝ่ามือแทนอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ยกตัวอย่าง ส่วนบนของฝ่าเท้าและฝ่ามือคือศีรษะ ลำคอ ส่วนกลางของฝ่าเท้าและฝ่ามือคือหน้าอก แขน ไหล่ หน้าท้อง เป็นต้น การนวดแบบกดจุดอาจช่วยลดความเครียด ลดความวิตกกังวล เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบย่อยอาหาร บรรเทาอาการเจ็บปวดในระหว่างการคลอดบุตร และบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อได้
จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Complementary Therapies in Medicine เมื่อปี พ.ศ. 2550 ที่ศึกษาเกี่ยวกับการนวดกดจุดเพื่อบรรเทาอาการกับอาการปวดหลังส่วนล่าง โดยมีผู้เข้าร่วมที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างรับการทดสอบด้วยการนวดกดจุดเป็นเวลา 40 นาที สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 6 สัปดาห์ติดต่อกัน จากนั้นวัดผลด้วยการให้ตอบแบบสอบถามการสำรวจสุขภาพ พบว่า ผู้ที่เข้ารับการนวดกดจุดมีอาการปวดหลังส่วนล่างดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในระยะยาวเพื่อให้ทราบถึงประสิทธิภาพของการนวดกดจุดในการรักษาอาการปวดหลัง
ยังมีอีกการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Medical Sciences Published by Tottori University Medical Press ปี พ.ศ. 2560 ที่ศึกษาเกี่ยวกับผลของการนวดกดจุดต่อภาวะท้องผูกในผู้สูงอายุ โดยคัดเลือกผู้สูงอายุที่มีอาการท้องผูกจำนวน 60 คน แบ่งออกเป็นกลุ่มที่ได้รับการนวดกดจุด 30 คน และกลุ่มที่รับการทดสอบวิธีอื่น 30 คน โดยกลุ่มที่ได้รับการนวดกดจุดจะถูกนวดบริเวณฝ่าเท้า 3 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งละ 30 นาที เป็นเวลา 1 เดือน พบว่า การนวดกดจุดอาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูกในผู้สูงอายุได้อย่างมีนัยสำคัญ
การนวดแบบสวีดิช คือ ศาสตร์การนวดโดยใช้เทคนิคการมือสับ ทุบ ตบ และคลึงบริเวณกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นด้วยแรงเบาและหนักสลับกันตามจังหวะ และอาจใช้น้ำมันในการนวดร่วมด้วยเพื่อช่วยลดการเสียดสี เพิ่มความผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดความเครียด ลดความวิตกกังวล และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
จากการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine เมื่อปี พ.ศ. 2556 ที่ศึกษาเกี่ยวกับผลของการนวดบำบัดแบบสวีดิชต่อความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจในสตรีที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โดยคัดเลือกผู้เข้าร่วมจำนวน 23 คน อายุ 35-60 ปี ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ให้เข้ารับการนวดแบบสวีดิชเป็นเวลา 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง จากนั้นทำการวัดระดับความดันโลหิตทั้งก่อนและหลังการนวดเพื่อนำมาเปรียบเทียบ พบว่า การนวดแบบสวีดิชอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดีตามจังหวะการบีบและการนวด ส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจดีขึ้นและลดความดันโลหิตลงอย่างมีนัยสำคัญ
การนวดด้วยหินร้อน เป็นการนวดด้วยหินบะซอลต์ (Basalt) ซึ่งเป็นหินภูเขาไฟชนิดหนึ่ง ที่สามารถกักเก็บความร้อนได้ดี และถูกนำมาทำให้พื้นผิวเรียบในขนาดเล็กหรือขนาดกลางที่เหมาะสำหรับวางและนวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยก่อนนวดผู้เชี่ยวชาญจะนำหินไปอบเพิ่มความร้อนประมาณ 130-145 องศาเซลเซียส และนำออกมาวางทิ้งไว้ให้อุณหภูมิลดลงเพื่อป้องกันผิวไหม้ จากนั้นจะนำมาวางตามแนวกระดูกสันหลัง หน้าท้อง หน้าอก ฝ่ามือ เท้า และใช้รูปแบบการนวดเป็นวงกลมวนบนผิวด้วยแรงเบา หรือใช้รูปแบบการนวดสวีดิชร่วมด้วย การนวดด้วยหินร้อนอาจช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเอ็นที่ยึดตึง ทำให้รู้สึกสบายตัวและนอนหลับง่ายขึ้น
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย