การดื่มน้ำ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพโดยรวม และสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนัก การดื่มน้ำอาจช่วยได้ เพราะนอกจากน้ำจะเป็นเครื่องดื่มที่ดีที่สุดในการควบคุมน้ำหนักเนื่องด้วยน้ำไม่มีแคลอรี่ น้ำยังมีคุณสมบัติอีกหลายประการที่เป็นประโยชน์ต่อการลดน้ำหนักอีกด้วย
ประโยชน์ของ การดื่มน้ำ เพื่อการลดน้ำหนัก
ช่วยในการเผาผลาญพลังงาน
การดื่มน้ำอาจมีส่วนช่วยในการเผาผลาญพลังงานได้ งานวิจัยจากวารสาร The Journal of Clinical Endocrinology & Metabolism ในปี พ.ศ. 2546 เกี่ยวกับผลของดื่มน้ำต่ออัตราการเผาผลาญพลังงาน โดยศึกษาผลของการดื่มน้ำ 500 มล. ต่อการเผาผลาญพลังงานในอาสาสมัครสุขภาพดี 14 ราย (ชายและหญิงอย่างละ 7 คน) พบว่า การดื่มน้ำอาจทำให้อัตราการเผาผลาญขึ้นประมาณ 30% ภายในเวลาเพียง 10 นาที และสูงสุดที่ช่วง 30-40 นาที โดยผลรวมคืออัตราการเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 100 กิโลจูล หรือ 24 กิโลแคลอรี โดย 40% ของพลังงานที่เผาผลาญไปมาจากการปรับน้ำจากอุณหภูมิห้อง ประมาณ 22 องศาเซลเซียส ให้ร้อนขึ้นเท่าระดับร่างกายประมาณ 37 องศาเซลเซียส
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยเหล่านี้ยังไม่มีข้อสรุปว่ามีผลในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม
ลดความอยากอาหาร
การดื่มน้ำก่อนกินอาหารอาจช่วยลดความอยากอาหารได้ แต่ส่วนใหญ่จะมีผลในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ เนื่องจากมีงานวิจัยที่ศึกษาในผู้สูงอายุ แสดงให้เห็นว่า การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร เป็นเวลามากกว่า 12 สัปดาห์ อาจทำให้ลดน้ำหนักได้ 2 กิโลกรัม
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่มีกลุ่มตัวอย่างเป็นวัยกลางคน ที่มีน้ำหนักเกินและอ้วน โดยให้กลุ่มตัวอย่างดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารแต่ละมื้อ ผลการวิจัยพบว่าช่วยลดน้ำหนักได้มากกว่า 44% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ดื่มน้ำมากขึ้น
มากไปกว่านั้นยังมีงานวิจัยที่ให้ข้อมูลว่า การดื่มน้ำก่อนการกินอาหารเช้า มีส่วนช่วยลดปริมารแคลอรี่ที่ได้รับในมื้ออาหารได้ 13% อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารจะดีต่อวัยกลางคนและผู้สูงอายุ แต่สำหรับวัยที่อายุน้อยกว่าไม่ได้มีผลในการลดปริมาณแคลอรี่แต่อย่างใด
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญของการลดน้ำหนัก ซึ่งการดื่มน้ำจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และข้อต่อเคลื่อนที่ได้ดี นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยให้ปอด หัวใจ และอวัยวะอื่นๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาที่ออกกำลังกาย นอกจากนั้น การดื่มน้ำยังช่วยลดความเสี่ยง เช่น ตะคริวและความเมื่อยล้า ดังนั้น จึงควรดื่มน้ำในช่วงเวลาก่อน ระหว่างและหลังการออกกำลังกาย
การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ
จริงๆ แล้ว ไม่มีมาตรฐานสำหรับปริมาณน้ำที่ควรดื่มอย่างเพียงพอ บางคนอาจต้องการน้ำมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปัจจับหลายอย่าง เช่น อายุ ขนาดร่างกาย ระดับของกิจกรรมที่ทำ สภาพอากาศ รวมถึงสภาวะสุขภาพส่วนตัว โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแต่ละคนต่างก็มีคำแนะนำในเรื่องปริมาณของน้ำที่ควรดื่มแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายไม่ขาดน้ำในแต่ละวัน เคล็ดลับต่อไปนี้อาจช่วยในการเพิ่มปริมาณการดื่มน้ำให้มากขึ้นได้
- ดื่มน้ำหนึ่งแก้วเต็มๆ เวลากินอาหารแต่ละมื้อ
- เวลาเดินทางออกนอกบ้าน ควรพกพาน้ำติดตัวไปด้วยเสมอ
- ดื่มน้ำเพิ่มขึ้นเวลาออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรง
- ดื่มน้ำเพิ่มขึ้นในยามที่อากาศร้อน
- กินผักและผลไม้ที่มีปริมาณน้ำสูงให้มากขึ้น เช่น องุ่น แตงโม มะเขือเทศ แตงกวา ผักกาดหอม
ข้อควรระวังในการดื่มน้ำมากเกินไป
แม้ว่าการดื่มน้ำอาจจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่การดื่มน้ำมากเกินไปจนไตไม่สามารถขับออกได้ทันก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เพราะจะทำให้สมดุลของเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ (hyponatremia) และส่งผลให้เกิดอาการ ดังต่อไปนี้
- ตัวบวมน้ำ โดยเฉพาะในบริเวณแขน ขา และหน้าท้อง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องอืด
- ปวดหัว
- วิงเวียนศีรษะ
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ปวดกล้ามเนื้อ เป็นตะคริว
- สับสน มึนงง
นอกจากนี้ ผู้ที่มีสภาวะบางอย่าง เช่น ผู้ป่วยโรคไตและผู้ป่วยโรคหัวใจ ก็ควรระมัดระวังปริมาณการบริโภคน้ำด้วยเช่นกัน
[embed-health-tool-bmr]