หลังจากที่ประชาชนทุกคน รวมไปถึงทีมแพทย์ และหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วโลกนั้น ได้ทำการต่อสู้กับเชื้อไวรัสร้ายอย่าง โควิด-19 มาอย่างยาวนาน ล่าสุดที่ผ่านมา บริษัท ไฟเซอร์ (Pfizer) ประเทศสหรัฐอเมริกา มีการทำการทดลองร่วมกับ บริษัท ไบออนเทค (BioNTech) เยอรมนี ได้ออกมาเผยการทดสอบของ วัคซีนป้องกันโควิด-19 จากอาสาสมัครที่ได้รับการลงทะเบียนจำนวน 43,538 คน พร้อมกันว่า วัคซีนดังกล่าวค่อนข้างมีประสิทธิภาพเฉลี่ยถึง 90% เลยทีเดียว ที่จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้
ไฟเซอร์ เผย การทำงานของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดใหม่
บริษัท ไฟเซอร์ ได้ทำการใช้เทคโนโลยีผลิตวัคซีน ที่มีชื่อเรียกว่า Messenger RNA หรือ mRNA ขึ้น เพื่อให้เข้าไปช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้ที่ได้รับวัคซีน โดยเป็นการใช้สารพันธุกรรมหลอกให้เซลล์ผลิตโปรตีน ซึ่งโปรตีนนั้นจะสร้างลักษณะคล้ายไวรัส ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันคุ้นชินเรียนรู้ที่จะรับมือ และโจมตีกับไวรัสได้อย่างเท่าทัน
แต่ในขณะเดียวกัน บริษัท ไฟเซอร์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า วัคซีน mRNA อาจไม่สามารถช่วยป้องกันผู้ป่วยที่ประสบกับโควิด-19 ในระดับรุนแรง หรือในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอได้ และจำเป็นที่ต้องให้ประชากรนั้นมีการได้รับวัคซีนอยู่ต่อเนื่อง อาจเป็นรายปี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ร่างกายคุณ และลดปัญหาในการสร้างแอนติบอดีที่กระทบต่อวัคซีนซ้ำไปมา
วัคซีนป้องกันโควิด-19 เริ่มใช้งานเมื่อใด
การคาดการณ์ของบริษัท ไฟเซอร์ ในการนำวัคซันป้องกันโควิด-19 มาใช้นั้น อาจเริ่มต้นภายในปี พ.ศ. 2564 หลังจากการผ่านการอนุมัติผลจากองค์การอาหารและยา (FDA) โดยมีปริมาณจำกัดอยู่ที่ 1.3 พันล้านวัคซีน ซึ่งขณะนี้มีรัฐบาลจากหลากหลายประเทศได้ร่วมทำสัญญาการออกคำสั่งซื้อแล้ว และจะเร่งผลิตวัคซีนนี้ออกไปอย่างเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม เกณฑ์ในการให้วัคซีนขึ้นอยู่กับการจัดการของหน่วยงานแต่ละประเทศ หากเป็นไปได้ควรจัดลำดับความสำคัญโดยอาจเริ่มจากให้วัคซีนแก่ผู้สูงอายุเสียก่อน และตามด้วยเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ภายในโรงพยาบาล หรือผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ ที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้คนมากที่สุด แล้วจึงดำเนินการให้วัคซีนแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี ไล่ลงมาตามลำดับต่อไป
วัคซีน mRNA สามารถป้องกันได้ในระยะยาว หรือไม่
หากปัจจุบันยังคงไม่มีการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น ก็อาจเป็นไปได้ว่า วัคซีน mRNA อาจยังใช้ได้ผลในการป้องกันเชื้อไวรัสนี้อยู่ แต่จำเป็นที่ต้องได้รับอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย แต่หากเกิดกรณีมีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมขึ้น โดยที่เราไม่สามารถรับรู้ล่วงหน้าได้ ก็อาจทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนนี้ถดถอยลง
อย่างไรก็ดี วิธีที่จะช่วยเพิ่มการป้องกันให้คุณห่างไกลจากไวรัส ยังคงเป็นวิธีการเว้นระยะห่างทางสังคม การสวมใส่หน้ากากอนามัย และการใช้ทำความสะอาดด้วยสบู่ หรือเจลล้างมือแอลกอฮอล์ อยู่เสมอ เพราะการที่เชื้อไวรัสโควิด-19 จะเข้าสู่ร่างกายได้มักเป็นช่องทางการสัมผัสเชื้อโดยตรง เช่น ละอองน้ำลายบนอากาศที่มาจากการไอหรือจาม การรับประทานอาหารและน้ำจากภาชนะเดียวกัน เป็นต้น