ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงของไข้หวัดใหญ่
ปัจจัยเสี่ยงของไข้หวัดใหญ่ อาจมีดังนี้
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ติดเชื้อ HIV อาจเสี่ยงติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ง่าย และอาจมีอาการนานกว่าปกติ
- อายุ ไข้หวัดใหญ่มักพบได้บ่อยในเด็กที่อายุตั้งแต่ 6 เดือน-5 ปี และผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
- สภาพแวดล้อม ผู้ที่ต้องดูแลคนป่วย ผู้ที่ต้องพบปะคนจำนวนมาก อาจเสี่ยงรับเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ง่าย
- โรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคอ้วน อาจเพิ่มความความเสี่ยงให้เป็นโรคไข้หวัดใหญ่
- ผู้ที่ตั้งครรภ์ ผู้หญิงตั้งครรภ์อาจเสี่ยงเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของการตั้งครรภ์
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยไข้หวัดใหญ่
คุณหมอจะซักประวัติและตรวจดูอาการเบื้องต้น จากนั้นอาจตรวจเพิ่มเติม ดังนี้
- การตรวจพีซีอาร์ (Polymerase chain reaction หรือ PCR) ด้วยการป้ายคอหรือจมูก เพื่อเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งไปตรวจหาเชื้อไวรัส โดยสามารถตรวจไข้หวัดใหญ่และโควิด-19ไปพร้อม ๆ กันได้
- การตรวจวินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่อย่างรวดเร็ว (Rapid Influenza Diagnostic Tests หรือ RIDTs) เป็นการทดสอบหาแอนติเจน (Antigens) ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สามารถทราบผลได้ภายในเวลาประมาณ 15 นาที แต่ไม่สามารถแยกแยะสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้
การรักษาไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่อาจหายไปได้เองโดยไม่ต้องรักษา แต่หากมีอาการรุนแรง หรือเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน คุณหมออาจให้ยาต้านไวรัส เช่น โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) ซานามิเวียร์ (Zanamivir) เพื่อช่วยฆ่าเชื้อไวรัส ช่วยให้หายไวขึ้น และช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ทั้งนี้ การใช้ยาต้านไวรัสอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ควรรับประทานยาพร้อมกับอาหาร และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด
การดูแลตัวเองเมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่
การดูแลตัวเองเพื่อช่วยบรรเทาอาการของไข้หวัดใหญ่ อาจทำได้ดังนี้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำ และช่วยขับปัสสาวะ
- ใช้ยาแก้ปวด เช่น ยาพาราเซตามอล เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะและลดไข้
- หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านหรือพบปะผู้คน เพื่อลดการแพร่กระจายโรค
การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่
วิธีการดูแลตัวเองด้วยวิธีดังต่อไปนี้ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไข้หวัดใหญ่ได้
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้านและพบปะผู้คน
- ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด หรือทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยกำจัดเชื้อโรคที่อาจติดมากับมือ และช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค
- ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยเด็กที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไปควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงในการเกิดไข้หวัดใหญ่
- ไม่ควรนำมือมาสัมผัสใบหน้า จมูก และปาก เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย
- ปิดปากทุกครั้งที่ไอและจาม
- ทำความสะอาดบริเวณบ้าน โดยเฉพาะพื้นผิวต่าง ๆ ที่ต้องสัมผัสเป็นประจำ เช่น โต๊ะ ประตู เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
- หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการป่วย และหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่แออัด
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 30 นาที เพื่อช่วยเสริมสร้างร่างกายและระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย