- มีเลือดออกและมีรอยช้ำบริเวณที่ถูกเข็มเจาะ
- รู้สึกปวด บวมเล็กน้อย
- อาจมีอาการหน้ามืด เป็นลม หากรู้สึกวิงเวียนศีรษะควรแจ้งให้คุณหมอทราบในทันที
- อาจติดเชื้อ แต่เป็นความเสี่ยงที่พบได้ค่อนข้างยาก
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจเลือดหามะเร็ง
คุณหมออาจแนะนำให้เตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจเลือดหามะเร็งด้วยการงดอาหาร วิตามิน ยา หรืออาหารเสริมบางชนิด งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการดื่มชาสมุนไพรและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นเวลา 12 ชั่วโมงก่อนถึงวันกำหนดตรวจเลือด โดยดื่มได้แต่เพียงน้ำเปล่า เพื่อป้องกันสารอาหารถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดจนทำให้ผลลัพธ์การตรวจเลือดคลาดเคลื่อน
การตรวจหามะเร็งด้วยวิธีอื่น
นอกจากวิธีตรวจเลือดหามะเร็งแล้ว คุณหมออาจตรวจหามะเร็งด้วยวิธีอื่น ๆ ดังต่อไปนี้
- อัลตร้าซาวด์ การตรวจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนที่กระทบกับเนื้อเยื่อในร่างกายและสร้างภาพโครงสร้างของร่างกายออกมาปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เหมาะสำหรับการตรวจหาก้อนเนื้อ เนื้องอก ปัญหาการทำงานของต่อมลูกหมาก มดลูก รังไข่
- ซีที สแกน (CT Scan) การสแกนด้วยการเอกซเรย์ ซึ่งจะแสดงผลภาพโครงสร้างไปยังคอมพิวเตอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก กล้ามเนื้อ เนื้องอก ภาวะลิ่มเลือด มะเร็ง โรคหลอดเลือด โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับ รวมไปถึงตรวจสุขภาพเพื่อหาอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ อาการผิดปกติหลังจากผ่าตัด สตรีตั้งครรภ์อาจต้องหลีกเลี่ยงการตรวจนี้ เพื่อป้องกันทารกในครรภ์ได้รับรังสีขณะตรวจ
- เอกซเรย์ วิธีที่รวดเร็วและสะดวกที่สุด โดยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการสร้างภาพโครงสร้างภายในร่างกายออกมาเป็นภาพขาวดำ การเอกซเรย์เหมาะสำหรับการตรวจโรคข้ออักเสบ หลอดเลือดอุดตัน ปัญหาทางเดินอาหาร ปอดบวม มะเร็งเต้านม มะเร็งกระดูก แต่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น คลื่นไส้ คัน ลมพิษ ความดันโลหิตต่ำ วิงเวียนศีรษะ
- การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เป็นเครื่องขนาดใหญ่ที่คุณหมออาจให้ผู้ป่วยนอนลงบนเตียงตรวจ ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนผู้ป่วยเข้าไปสแกนด้วยใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นวิทยุ เพื่อสร้างภาพอวัยวะและเนื้อเยื่อภายในร่างกาย สามารถตรวจสอบได้ทุกส่วน เช่น หน้าอก สมอง ไขสันหลัง กระดูก ตับ มดลูก ต่อมลูกหมาก ข้อต่อ
- การตรวจด้วยสารกัมมันตรังสี (Nuclear Scan) คุณหมอจะฉีดสารกัมมันตรังสีเข้าหลอดเลือดและสแกนด้วยเครื่องตรวจจับกัมมันตรังสีที่ไหลทั่วร่างกาย เพื่อสร้างภาพอวัยวะบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม สตรีตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรแจ้งให้คุณหมอทราบก่อนเข้ารับการตรวจวิธีนี้ เพราะคุณหมออาจจำเป็นต้องใช้การตรวจหามะเร็งด้วยวิธีอื่นแทน เช่น การอัลตร้าซาวด์ เพื่อความปลอดภัยของทารก
- การส่องกล้องตรวจ เป็นการส่องกล้องผ่านทางจมูก ปาก หรือบริเวณใกล้เคียงที่สังเกตเห็นความผิดปกติ เพื่อตรวหาเซลล์มะเร็ง เนื้องอก ติ่งเนื้อ โดยคุณหมออาจตรวจควบคู่กับการเอกซเรย์ เพื่อให้เห็นรายละเอียดและความผิดปกติภายในได้มากขึ้น การส่องกล้องอาจมีหลายรูปแบบ ได้แก่
- การส่องกล้องหลอดลม (Bronchoscopy) เพื่อตรวจดูความผิดปกติตามทางเดินหายใจจนถึงปอด บางคนอาจได้รับการเอกซเรย์ทรวงอกด้วย ความเสี่ยงของวิธีนี้อาจส่งผลให้มีไข้เล็กน้อย เลือดออก ปอดยุบ
- การส่องกล้องตรวจท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (ERCP) ใช้ตรวจหาปัญหาที่เกิดขึ้นภายในถุงน้ำดี ท่อน้ำดี ตับและตับอ่อน โดยการสอดกล้องขนาดเล็กที่เรียกว่า เอนโดสโคป ผ่านช่องปากลงไปในลำคอ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ปวดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อในท่อน้ำดี การอุดตันของท่อตับอ่อน เนื้องอก อย่างไรก็ตาม สตรีตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการตรวจด้วยวิธีนี้ เพราะอาจส่งผลให้ทารกได้รับรังสีจนเสี่ยงพิการแต่กำเนิด
- การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) เป็นการตรวจโดยการส่องกล้องซึ่งติดไว้บริเวณปลายท่อขนาดเล็กเอาไว้เข้าไปบริเวณลำไส้โดยตรง เหมาะสำหรับการตรวจคัดกรองหาติ่งเนื้อ มะเร็งลำไส้ และความผิดปกติอื่น ๆ ภายในช่องท้อง เช่น ท้องร่วงเรื้อรัง อาการปวดท้องรุนแรง
- การส่องกล้องในกระเพาะปัสสาวะ (Cystoscopy) วิธีนี้อาจมีให้เลือก 2 รูปแบบ คือการสอดกล้องที่ติดอยู่บริเวณปลายท่อยาวชนิดยืดหยุ่นได้ และการสอดกล้องที่ติดอยู่บริเวณปลายท่อยาวชนิดแข็ง ทั้งนี้ อาจขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณหมอและภาวะสุขภาพของผู้ป่วย นิยมใช้ในการตรวจคัดกรองมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โดยเฉพาะในผู้ที่เสี่ยงการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ มีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ มีอาการปัสสาวะเป็นเลือด
- การตรวจชิ้นเนื้อ คุณหมออาจให้ยาระงับประสาทหรือฉีดยาชา เพื่อคลายความกังวล ก่อนกรีดแผลขนาดเล็กบริเวณที่พบความผิดปกติ แล้วนำเนื้อเยื่อออกมาตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ บางครั้งคุณหมออาจนำชิ้นเนื้อออกมาพร้อมกับวิธีการส่องกล้อง หรือใช้เข็มขนาดเล็กเจาะดูดเนื้อเยื่อ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย