ถ้าผมจะสงสารตัวเองว่าผมต้องหาเงิน ผมก็ต้องสงสารคนป่วยว่าเขาก็ต้องรับผลการรักษา เขากับผมทุกข์คนละแบบ แต่เรามีเป้าหมายเดียวกัน คือ เขาต้องรอดเพื่อลูกของเรา ยิ่งถ้าตัดพ้อ มันบั่นทอนกำลังใจของเรา เราเลยลุยให้เต็มที่ทำหน้าที่สามีให้ดีที่สุด
กับคุณนุ่นผมจะไม่คุยเรื่องโรค มีแต่บอกว่า พรุ่งนี้ไปหาหมอนะ ผลเป็นแบบนี้ต้องทำแบบนี้นะ หลายครั้งที่ผ่านมาที่เขารอด เพราะเขาเชื่อและเขามั่นใจในการตัดสินใจของเรา ระหว่างวันผมจะไม่คุยเรื่องปัญหา หรือรู้สึกเหนื่อย ผมให้เขาใช้ชีวิตอย่างสบายใจเต็มที่
สิ่งที่คุณวิทวัสได้เรียนรู้จากเส้นทางการรักษามะเร็งของแม่นุ่นคืออะไร
ผมทำตามหน้าที่เท่าที่ทำได้ คุณนุ่นก็อดทนได้มากที่สุดแล้ว มันก็จบแบบที่ดีพอที่เราทำได้ แต่ผมไม่ชอบให้คนมาบอกว่าผมทำดีที่สุดแล้ว เพราะถ้าดีที่สุดก็คือเขาต้องยังอยู่ ผมทำได้แค่นี้ และเขาก็อยู่ได้แค่นี้ มันอาจจะไม่จบแบบ happy ending แต่ก็จบแบบชีวิตมนุษย์คือ คนเราห้ามความตายไม่ได้ ผมทำตามหน้าที่เท่าที่ทำได้ คุณนุ่นก็อดทนได้มากที่สุดแล้ว มันก็จบแบบที่ดีพอที่เราทำได้
คุณวิทวัสมีวิธีรับมือกับความสูญเสียอย่างไร
การที่เรารักษามานาน ทำให้ทุกคนในครอบครัวมีส่วนร่วมกับประสบการณ์นี้ ไม่ต้องอธิบายอะไรมากให้กับลูก ๆ หรือพ่อแม่ เพราะทุกคนมีส่วนร่วม คุณนุ่นเป็นคนป่วยที่มีญาติและเพื่อนมาเยี่ยมจากทุกสารทิศ เขาได้เจอทุกคน ถ้าผมเลือกตายได้ ผมก็อยากตายได้แบบเขา ที่รายล้อมไปด้วยคนรัก
คิดว่าอะไรคือปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งของแม่นุ่น
ต้องใช้คำว่าไม่ทราบสาเหตุ เพราะไม่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม นอกจากนี้ มะเร็งชนิด HER2 ไม่ใช่โรคที่ติดต่อผ่านทางพันธุกรรม ถ้าปัจจัยเสี่ยงคือการทำงานหนัก ผมมองว่าคนทำงานหนักกว่าเราก็มีมากกว่าเยอะ ผมจึงใช้คำว่าเขาโชคร้ายที่เป็นมะเร็ง
การคัดกรองมะเร็งตั้งแต่อายุน้อย มีความสำคัญอย่างไร
คุณหมอบางคนบอกว่า ควรคัดกรองมะเร็งตอนอายุ 35 หรือ 40 ซึ่งเป็นช่วงอายุที่เหมาะสมต่อการตรวจคัดกรอง แต่ผมในฐานะที่เป็นผู้ดูแลผู้ป่วย ผมมองว่า หากคุณรู้สึกถึงความผิดปกติ คุณมีสิทธิ์ที่จะไปตรวจคัดกรองได้ทันที อยากให้เอางานวิจัย หรือสถิติวางไว้ข้าง ๆ ก่อน ผมเคยถามคุณหมอว่า คนไข้ที่อายุน้อยที่สุดที่คุณหมอเคยดูแลอายุเท่าไหร่ บางคนบอก 18 บ้าง 20 บ้าง แล้วในปัจจุบัน คนเป็นมะเร็งเต้านมตั้งแต่อายุน้อย ๆ มีมากกว่าแต่ก่อน ดังนั้นควรเข้ารับการคัดกรองตั้งแต่อายุน้อย ๆ หากเป็น จะได้รักษาได้ทันท่วงที ดับไฟตั้งแต่ต้นลม
ในขณะที่คนมองว่ามะเร็งเป็นเรื่องไกลตัว คุณวิทวัสมีความเห็นอย่างไร
โรคมะเร็งเป็นโรคที่ทุก ๆ ครอบครัว ได้สัมผัสกับมันไม่มากก็น้อย ไม่ครอบครัว ก็เพื่อนรอบตัว ไม่ว่าเป็นใครก็สามารถป่วยเป็นมะเร็งได้ ในปัจจุบันคนรุ่นใหม่ให้ความสนใจกับเรื่องโรคภัยมากขึ้น และคนกลัวเรื่องมะเร็งมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เทรนด์ในการรักสุขภาพ เรื่องการกิน การออกกำลังกาย จะเห็นคนมาสนใจสุขภาพมากขึ้น สังคมมาถูกทาง ผมว่าเขาสนใจ และอ้างอิงกับวิชาการมากกว่าความเชื่อแบบสมัยก่อน
ผู้ป่วยและครอบครัว ควรมีวิธีคิดในการเลือกวิธีการรักษาอย่างไร
เวลามีคนนึงที่ป่วย สายมูเตลูก็มา สายธรรมชาติก็มี สายจีนก็มา ผมแนะนำยากมาก เพราะแต่ละครอบครัวมีวัฒนธรรมการดูแลที่แตกต่าง แต่อยากให้ตัดสินใจทุกอย่างด้วยเหตุผล เหตุผลเกิดจากวิทยาศาสตร์ ตัวเลขที่วัดได้ ผมเชื่อหลักเหตุและผลทางวิทยาศาสตร์ เวลาฟังหมอ ให้ฟังในเนื้อหา อย่าไปใช้อารมณ์ในการฟัง ให้ตัดสินใจด้วยเหตุและผล ผู้ดูแลมีส่วนสำคัญมาก เพราะเราต้องเจอผู้ป่วยทุกวัน ไม่ใช่หมอ ไม่ใช่แค่หาข้าวหายาให้กิน แต่หมายถึงให้กำลังใจ เตรียมความพร้อมในเรื่องของการบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ควรเป็นผู้ดูแลที่เป็นหมอที่บ้าน ศึกษาหาความรู้ แล้วจะบริหารจัดการหลาย ๆ อย่างได้โดยที่ไม่เหนื่อยหรือตกใจมากนัก
สิ่งสำคัญที่สุดที่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ครั้งนี้คืออะไร
ตั้งแต่ก่อนตรวจแล้วเจอมะเร็ง คุณนุ่นเคยบอกผมว่าเหมือนมีก้อนที่เต้านมเล็ก ๆ แต่ไม่เจ็บ ผมบอกว่าถ้าไม่เจ็บก็คงไม่เป็นไรมั้ง มันเป็นความผิดพลาดมากที่สุด ความประมาท ความไม่รู้ ทำให้ชีวิตเราต้องลำบาก จึงไม่ควรมองข้ามเล็กๆ น้อย กับเรื่องสุขภาพร่างกายเรา ถ้าเราพบความผิดปกติ อย่าประมาทกับปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เราอาจจะเสียเวลาสักหน่อยในการไปหาหมอ แต่เรื่องโรคภัย ระวังไว้ดีที่สุด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย