backup og meta

ลูกไม่ดิ้น ควรทำอย่างไร

ลูกไม่ดิ้น ควรทำอย่างไร

ลูกไม่ดิ้น หรือดิ้นน้อยลง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ต่าง ๆ เช่น ทารกได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ การพัฒนาการของทารกมีปัญหา ภาวะตายคลอด หรืออาจจะเกิดจากการที่คุณแม่ไม่ทันได้สังเกตการเคลื่อนไหวของลูก หรือลูกน้อยในครรภ์กำลังนอนหลับอยู่ก็ได้เช่นกัน หากคุณแม่สังเกตพบว่าลูกไม่ดิ้น ควรรีบทำการตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อแม่และลูกน้อยในครรภ์

[embed-health-tool-due-date]

ลูกไม่ดิ้น เป็นอันตรายหรือเปล่า

การรับรู้ถึงอาการลูกดิ้นครั้งแรก อาจแตกต่างกันออกไป ตามปกติแล้ว คุณแม่ตั้งครรภ์มักจะสามารถสังเกตอาการลูกดิ้นครั้งแรกได้ เมื่อเข้าสู่ช่วงสัปดาห์ที่ 18-20 ของการตั้งครรภ์ แต่สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ครั้งแรก ก็อาจไม่ทันสังเกตอาการลูกดิ้นจนกว่าจะมีอายุครรภ์ 25 สัปดาห์ขึ้นไป

จำนวนครั้งและความถี่ในการดิ้นของลูกจะเพิ่มมากขึ้นตามอายุครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงการตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 3 ที่อาจสังเกตพบว่าลูกดิ้นมากถึงวันละประมาณ 30 ครั้ง การดิ้นของลูกเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าเด็กมีสุขภาพแข็งแรง ดังนั้น คุณหมอจึงมักจะแนะนำให้คุณแม่คอยติดตามนับจำนวนครั้งที่ทารกดิ้น เพื่อสังเกตดูความผิดปกติ

การที่ลูกไม่ดิ้น หรือลูกมีการดิ้นน้อยลง อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปกติต่อทารก ดังต่อไปนี้

  • ความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อของทารก
  • ทารกได้รับออกซิเจนหรือสารอาหารไม่เพียงพอ
  • น้ำหนักตัวของทารกในครรภ์น้อยเกินไป
  • ภาวะตายคลอด (Still birth)

นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ เช่น การใช้ยาแก้ปวด ยากดประสาท การสูบบุหรี่ ก็อาจส่งผลกระทบต่อการดิ้นของลูกได้เช่นกัน คุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรเข้ารับการตรวจกับคุณหมอให้เร็วที่สุด หากสังเกตพบว่าลูกมีอาการไม่ดิ้น หรือดิ้นน้อยลง เพื่อสาเหตุที่แน่ชัด

อย่างไรก็ตาม การที่คุณแม่เกิดความเครียด มีสิ่งอื่นมาดึงดูดความสนใจมากเกินไป หรือแผลเป็นภายในช่องท้องและมดลูก ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่ทันสังเกตว่าลูกดิ้น และทำให้เข้าใจว่าลูกไม่ดิ้นได้เช่นกัน

ลูกไม่ดิ้น ทำอย่างไรดี

หากคุณแม่สังเกตพบว่าลูกไม่ดิ้น อาจลองกระตุ้นลูกน้อยในครรภ์ ด้วยวิธี ดังต่อไปนี้

  • เปลี่ยนท่านอน โดยนอนตะแคงด้านซ้าย พร้อมกับใช้หมอนหรือผ้านุ่ม ๆ หนุนท้องเอาไว้ อาจช่วยให้คุณแม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของลูกได้ง่ายขึ้น
  • เปลี่ยนท่าทาง เปลี่ยนเป็นลุกขึ้นยืน หรือเดินเล่น เคลื่อนไหวร่างกายไปมา อาจทำให้ทารกในครรภ์ตื่น และดิ้นได้
  • ดื่มน้ำเย็นมาก ๆ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอาจส่งผลให้ลูกพยายามเคลื่อนไหวเพื่อรับมือกับความเย็น
  • ใช้เสียงกระตุ้น เช่น เปิดเพลงดัง ๆ ร้องเพลง อาจช่วยให้รู้สึกตัว และมีการตอบสนอง

หากลองทำตามวิธีเหล่านี้แล้วลูกมีการตอบสนอง ก็อาจหมายความว่าไม่มีปัญหาร้ายแรงใด ๆ แต่หากคุณแม่สังเกตพบว่าลูกมีอาการไม่ดิ้น ดิ้นน้อยลง หรือไม่มีการตอบสนองต่อการกระตุ้นเหล่านี้ ควรรีบพบคุณหมอเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอาการอย่างเร่งด่วน โดยคุณหมออาจตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ตรวจอัลตราซาวด์ วัดขนาดตัว ตรวจวัดปริมาณน้ำคร่ำ หากผลออกมาเป็นปกติก็อาจไม่มีปัญหาใด ๆ แต่หากพบความผิดปกติ คุณหมอก็จะได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงที

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Fetal Movement: Feeling the Baby Kick. http://www.webmd.com/baby/fetal-movement-feeling-baby-kick#2. Accessed May 30, 2017

Your baby’s movements. https://www.nhs.uk/conditions/pregnancy-and-baby/baby-movements-pregnant/. Accessed May 30, 2017

Baby movements during pregnancy. https://www.pregnancybirthbaby.org.au/baby-movements-during-pregnancy. Accessed October 29, 2021.

Your baby’s movements in pregnancy. https://www.rcog.org.uk/globalassets/documents/patients/patient-information-leaflets/pregnancy/pi-your-babys-movements-in-pregnancy.pdf. Accessed October 29, 2021.

First Fetal Movement: Quickening. https://americanpregnancy.org/healthy-pregnancy/pregnancy-health-wellness/first-fetal-movement/. Accessed October 29, 2021.

เวอร์ชันปัจจุบัน

22/11/2022

เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

ครรภ์เป็นพิษ และผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อแม่และทารกในครรภ์

การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ ในแต่ละสัปดาห์ ที่คุณแม่ควรรู้


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 22/11/2022

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา