แพ้ท้องหนักมาก เป็นอาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง และต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายชั่วโมงไปจนถึงหลายวันติดต่อกัน ส่งผลให้ร่างกายขาดน้ำและเสียสมดุลแร่ธาตุ จนอาจทำให้มีอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดหัว มึนงง อ่อนล้า หรือหมดสติ ดังนั้น หากมีอาการแพ้ท้องหนักมากจึงควรเข้าพบคุณหมอและรับการรักษา เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกในท้อง
[embed-health-tool-due-date]
แพ้ท้องหนักมาก เกิดขึ้นได้อย่างไร
อาการแพ้ท้องเป็นอาการที่เกิดขึ้นในคนท้อง โดยเฉพาะในช่วง 1-2 เดือนแรกของการตั้งท้อง มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนล้า และอ่อนเพลีย ซึ่งอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อเข้าไตรมาสที่ 2 หรือประมาณช่วงเดือนที่ 3 ของการตั้งท้อง แต่บางคนอาจมีอาการแพ้ท้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดการตั้งท้องได้
โดยปกติอาการแพ้ท้องมักจะทำให้รู้สึกคลื่นไส้เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ในแต่ละวัน และอาจมีอาการอาเจียนเกิดขึ้น 1-2 ครั้ง/วัน แต่สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ท้องหนักมาก อาการคลื่นไส้อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมงใน 1 วัน และอาจอาเจียนบ่อยกว่าปกติ จนส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำและเสียสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย
อาการแพ้ท้องหนักมาก
การแพ้ท้องหนักมากอาจทำให้คนท้องมีอาการ ดังนี้
- อาเจียนมากกว่า 3 ครั้ง/วัน
- ร่างกายขาดน้ำและเสียสมดุลเกลือแร่อย่างรุนแรง ซึ่งอาจสังเกตได้จากปริมาณปัสสาวะที่น้อยลง ปัสสาวะมีสีเข้ม ผิวแห้ง ปากแห้ง
- น้ำหนักลดลง
- อ่อนเพลีย หน้ามืดเวียนหัว มึนงง หรือหมดสติ
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการรุนแรงขึ้นหรือมีอาการต่อไปนี้ควรเข้าพบคุณหมอ เพื่อรับของเหลวทางหลอดเลือดดำ ซึ่งอาจช่วยทดแทนน้ำที่สูญเสียไปและรับยาบรรเทาอาการคลื่นไส้ รวมทั้งแก้ไขภาวะเกลือแร่ในเลือดต่ำที่มักจะพบร่วมกัน
- อาการคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันจนไม่สามารถรับประทานอาหารได้
- อาเจียนเป็นสีน้ำตาลหรือมีเลือดปน
- รู้สึกเหนื่อย มึนงง สับสน หรือวิงเวียนศีรษะมาก
- เป็นลม
- หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
- ปัสสาวะน้อยมากหรือไม่มีเลย
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการแพ้ท้องหนักมาก
ผู้ที่มีปัจจัยต่อไปนี้อาจมีความเสี่ยงในเกิดอาการแพ้ท้องหนักมาก
- เคยมีประวัติแพ้ท้องอย่างรุนแรง หรือคนในครอบครัวมีประวัติแพ้ท้องอย่างรุนแรง
- มีประวัติสุขภาพบางประการ เช่น เมารถ ไมเกรน น้ำหนักเกิน โรคของเนื้อรก (Gestational Trophoblastic Disease หรือ GTD) ซึ่งนำไปสู่การเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติในมดลูก
- กำลังตั้งท้องลูกแฝด
วิธีรักษาอาการ แพ้ท้องหนักมาก
การรักษาอาการแพ้ท้องหนักมากอาจขึ้นอยู่ความรุนแรงของอาการที่เกิดขึ้น โดยคุณหมออาจแนะนำวิธีการรักษา ดังนี้
- การรักษาด้วยยาช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้ ตั้งแต่ยาในรูปแบบรับประทาน เช่น พราซิล (Plasil) ดอมเพอริโดน (Domperidone) ดอกซีลามีน (Doxylamine) หรือหากไม่ดีขึ้นหรือไม่สามารถรับประทานยาได้ก็มีการปรับเป็นยาในรูปแบบการฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำได้
- วิตามินเสริมบางชนิด ช่วยลดอาการคลื่นไส้จากการตั้งครรภ์ได้ เช่น ไพริดอกซีน (Pyridoxine) หรือวิตามินบี 6 เพื่อบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน โดยรับประมาณครั้งละ 10-25 มิลลิกรัม อย่างน้อย 3 ครั้ง/วัน หากใช้เกินกว่านี้อาจทำให้เส้นประสาทเสียหายชั่วคราวได้
- การให้ของเหลวเข้าเส้นเลือดดำ เพื่อช่วยรักษาปริมาณของเหลวในร่างกาย ใช้สำหรับคนท้องที่มีอาการแพ้ท้องหนักมากจนไม่สามารถดื่มของเหลวทางปากได้
- การให้อาหารทางสายยาง ใช้รักษาผู้ที่มีอาการอาเจียนรุนแรงจนไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้
การป้องกันอาการแพ้ท้องหนักมาก
อาจไม่มีวิธีป้องกันอาการแพ้ท้องหนักมากได้อย่างสมบูรณ์ แต่วิธีต่อไปนี้อาจช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องหนักมากได้
- การรับประทานอาหารมื้อเล็ก ๆ บ่อยครั้งตลอดทั้งวัน อาจช่วยป้องกันอาการกรดไหลย้อนและอาการคลื่นไส้อาเจียนได้
- ผู้ที่ต้องรับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็กระหว่างตั้งท้อง ควรรอให้อาการคลื่นไส้ดีขึ้นก่อนจึงค่อยรับประทาน หรือรับประทานพร้อมกับการรับประทานอาหาร อาจช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ที่เป็นผลข้างเคียงจากอาหารเสริมธาตุเหล็กได้
- เข้าพบคุณหมอตามนัดหมาย พูดคุยเกี่ยวกับอาการแพ้ท้องหนักมากเพื่อรับคำแนะนำและรับยาบรรเทาอาการคลื่นไส้ดังกล่าวข้างต้น