โลหิตจางขณะตั้งครรภ์ เป็นภาวะผิดปกติที่มักพบในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์และช่วงสัปดาห์ที่ 20 ของการตั้งครรภ์ อาจเกิดจากคุณแม่ได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอ หรือคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นโรคที่ส่งผลให้ร่างกายผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงได้น้อยลง คุณแม่จึงควรไปตรวจครรภ์ตามนัดเสมอ เพราะหากผลสัญญาณของภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์ คุณหมอจะได้รักษาได้ทันท่วงที ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพของทารกในครรภ์
[embed-health-tool-due-date]
โลหิตจางขณะตั้งครรภ์ คืออะไร
ภาวะโลหิตจาง (Anemia) คือ ภาวะที่เม็ดเลือดแดงหรือระดับฮีโมโกลบินในเลือดมีปริมาณน้อยกว่าปกติ เซลล์เม็ดเลือดแดงจึงไม่แข็งแรงพอจะนำพาออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายคุณแม่และส่งต่อให้ทารกในครรภ์
โดยปกติ ในระหว่างการตั้งครรภ์ร่างกายจะต้องผลิตเลือดมากขึ้นเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของทารก หากคุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ โดยเฉพาะสารอาหารที่ต้องใช้ในการผลิตเลือดอย่างธาตุเหล็กก็อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง และส่งผลให้มีอาการอ่อนเพลีย ง่วงซึม หายใจลำบาก ปวดศีรษะ และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ต่าง ๆ เช่น การคลอดก่อนกำหนด ปัญหาการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
สาเหตุของภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์
สาเหตุของภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์ที่พบบ่อย มีดังต่อไปนี้
- ตั้งครรภ์ 2 ครั้งในระยะเวลาใกล้กัน
- อาเจียนบ่อยเนื่องจากแพ้ท้อง
- ประจำเดือนก่อนตั้งครรภ์มามากเป็นประจำ
- รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ เนื่องจากอาจจำกัดชนิดอาหารเข้มงวดมากเกินไป หรือรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำเพียงอย่างเดียว จนทำให้โลหิตจางได้
- ได้รับอาหารเสริมธาตุเหล็กไม่เพียงพอ ในกรณีที่ตั้งครรภ์หลังจากแท้งได้ไม่นาน
- มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับเลือดเรื้อรัง
- มีน้ำหนักน้อยในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ หรือมีปัญหาการคลอดในการตั้งครรภ์ครั้งก่อน
- มีโอกาสเสี่ยงแท้งลูก เคยมีเลือดออกในช่วงตั้งครรภ์ หรือเคยตกเลือดในรูปแบบอื่น ๆ
อาการของภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์
อาการของภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์ที่ควรสังเกต มีดังนี้
- อ่อนเพลีย ง่วงซึม ทนความเจ็บปวดได้น้อยกว่าปกติ
- รู้สึกไม่สบายตัว ครั่นเนื้อครั่นตัว
- ผิวซีดกว่าปกติ
- ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อง่ายกว่าปกติ
- หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว
- ปวดศีรษะ
- เมือกที่ด้านในเปลือกตาล่างซีดขาว เพราะหากจำนวนเม็ดเลือดแดงปกติ เปลือกตาล่างด้านในมักจะเป็นสีชมพู
การรักษาโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์
โดยปกติ เมื่อเป็นโลหิตจางขณะตั้งครรภ์ คุณหมอมักรักษาด้วยการให้รับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็กหรืออาหารเสริมกรดโฟลิคเพิ่มเติมจากการรับประทานวิตามินบำรุงครรภ์ตามปกติ ความเข้มข้นของธาตุเหล็กจะกลับสู่ปกติภายใน 2-3 สัปดาห์หลังรับการรักษา
อย่างไรก็ตาม อาหารเสริมธาตุเหล็กอาจทำให้เกิดอาการท้องผูก ไม่สบายท้อง และอุจจาระเปลี่ยนสีเป็นเขียวเข้มหรือดำได้ จึงควรรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์หรือใยอาหารเพิ่มขึ้น และดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียง หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบคุณหมอ ทั้งนี้ คุณแม่ที่มีภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์จำเป็นต้องรับธาตุเหล็กเสริมไปจนถึงช่วงหลังคลอด เนื่องจากร่างกายสูญเสียเลือดมากระหว่างคลอด และควรเข้ารับการตรวจเลือดหลังคลอด 6 สัปดาห์
การป้องกันภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์
แม้ว่าคุณแม่ตั้งครรภ์จะรับประทานอาหารที่ครบถ้วนก็สามารถเกิดภาวะโลหิตจางได้ ดังนั้น ควรไปพบคุณหมอตามนัดอย่างสม่ำเสมอ หากพบสัญญาณภาวะโลหิตจางจะได้รักษาได้ทัน อย่างไรก็ตาม การรักษาทำได้ยากกว่าการป้องกัน คุณแม่จึงควรดูแลตนเองด้วยวิธีต่อไปนี้ ร่วมกับการตรวจครรภ์ตามนัด
- รับประทานอาหารเสริมกรดโฟลิค ร่วมกับอาหารเสริมธาตุเหล็ก
- รับประทานอาหารเสริมธาตุเหล็กชนิดเม็ดและชนิดน้ำตามที่คุณหมอแนะนำ
- รับประทานวิตามินบี 12 ชนิดเม็ด หรือรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี เช่น ไข่ เนื้อสัตว์ นม
- รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เนื่องจากจำเป็นต่อการดูดซึมธาตุเหล็ก
- เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กทั้ง 2 ชนิด ได้แก่ ธาตุเหล็กฮีม (Heme Iron) ซึ่งพบได้ในเนื้อสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะในเนื้อแดง และธาตุเหล็กไม่ใช่ฮีม (Non-Heme Iron) ซึ่งพบในผักใบเขียว เช่น บรอกโคลี ถั่ว