backup og meta

เพราะเหตุใดแม่ที่ตั้งครรภ์จึงไม่ควรกลั้นปัสสาวะ

เพราะเหตุใดแม่ที่ตั้งครรภ์จึงไม่ควรกลั้นปัสสาวะ

มดลูกที่ขยายตัวขณะตั้งครรภ์อาจไปเบียดกระเพาะปัสสาวะจนส่งผลให้แม่ตั้งครรภ์ปวดปัสสาวะบ่อย ๆ แต่ในบางครั้งคุณแม่ก็อาจไม่สะดวกเข้าห้องน้ำทันทีและเลือกกลั้นปัสสาวะแทน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ แต่เคยสงสัยไหมว่า เพราะเหตุใดแม่ที่ตั้งครรภ์จึงไม่ควรกลั้นปัสสาวะ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า เมื่อปัสสาวะที่มีเชื้อแบคทีเรียค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นอันตรายทั้งกับคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ เช่น ภาวะกรวยไตอักเสบขณะตั้งครรภ์ การคลอดก่อนกำหนด ภาวะแท้ง คุณแม่จึงควรปัสสาวะทุกครั้งที่ปวด และดูแลสุขอนามัยของตัวเองให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพดังกล่าว

[embed-health-tool-due-date]

เพราะเหตุใดแม่ที่ตั้งครรภ์จึงไม่ควรกลั้นปัสสาวะ

ในช่วงตั้งครรภ์ ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปมักทำให้ร่างกายของแม่ตั้งครรภ์เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย และหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็คือ การปวดปัสสาวะบ่อย ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในไต ส่งผลให้ไตทำงานมากกว่าปกติ ร่างกายกำจัดของเสียส่วนเกินเร็วขึ้น จึงผลิตปัสสาวะมากขึ้น นอกจากนี้ ขนาดของมดลูกที่ขยายตัวขึ้น จะไปกดทับกระเพาะปัสสาวะที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ทำให้กักเก็บปัสสาวะได้น้อยลงและจำเป็นต้องขับถ่ายปัสสาวะออกจากร่างกายบ่อยขึ้น นี่เองที่ทำให้แม่ตั้งครรภ์ต้องเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะบ่อย ๆ

การปวดปัสสาวะแต่กลั้นปัสสาวะไว้ ไม่ยอมไปขับถ่ายทันที อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infections หรือ UTI) เช่น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เนื่องจากมีแบคทีเรียจำนวนมากสะสมอยู่ในทางเดินปัสสาวะเป็นเวลานาน และการติดเชื้ออาจลุกลามไปตามท่อไตจนนำไปสู่การติดเชื้อที่ไต ยิ่งในคนท้องที่ระบบภูมิคุ้มกันมักอ่อนแอลง ก็ยิ่งทำให้เสี่ยงเกิดภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้ง่ายขึ้นไปอีก

การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ อาจทำให้แม่ตั้งครรภ์เสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

  • การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะเรื้อรัง รุนแรง หรือเชื้อลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ เช่น ท่อไต กรวยไต
  • การติดเชื้อในกระแสเลือดที่อาจรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
  • กลุ่มอาการหายใจลำบากในผู้ใหญ่ (Adult respiratory distress syndrome) อาจเกิดจากปอดติดเชื้อแบคทีเรียที่ลุกลามมาจากทางเดินปัสสาวะ ทำให้ของเหลวจากหลอดเลือดในบริเวณใกล้เคียงรั่วไหลเข้าไปในถุงลมเล็ก ๆ ในปอด และส่งผลให้มีอาการหายใจลำบาก
  • โรคโลหิตจางจากการอักเสบ (Anemia of inflammation) อาจส่งผลให้สูญเสียธาตุเหล็กในเลือด และทำให้เม็ดเลือดแดงมีปริมาณน้อยลงและอายุของเม็ดเลือดแดงสั้นลง จนทำให้เกิดภาวะโลหิตจางขณะตั้งครรภ์
  • ภาวะกรวยไตอักเสบขณะตั้งครรภ์ อาจเกิดจากท่อไตถูกมดลูกเบียดจนอุดตันและกรวยไตอักเสบ
  • ภาวะไตล้มเหลว (Kidney failure) เกิดขึ้นเมื่อเชื้อแบคทีเรียลุกลามไปที่ไต หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา อาจสร้างความเสียหายให้กับไตและเกิดภาวะไตล้มเหลวได้

นอกจากนี้ เชื้อแบคทีเรียยังอาจลุกลามไปถึงทารกในครรภ์ และส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์และความผิดปกติของทารก เช่น การคลอดก่อนกำหนด  ภาวะถุงน้ำคร่ำรั่วก่อนกำหนด ภาวะทารกมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ ภาวะตายแรกคลอด (Stillbirth) ภาวะแท้งเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพดังกล่าว หากรู้สึกปวดปัสสาวะ แม่ตั้งครรภ์ควรถ่ายปัสสาวะทันทีไม่ควรกลั้นปัสสาวะ

สัญญาณและอาการของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

หากแม่ตั้งครรภ์มีอาการต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะขณะตั้งครรภ์ควรไปพบคุณหมอให้เร็วที่สุดเพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม

  • รู้สึกเจ็บหรือแสบร้อนขณะปัสสาวะ
  • ต้องถ่ายปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ โดยเฉพาะในตอนกลางคืน
  • หากปวดปัสสาวะแล้วต้องถ่ายปัสสาวะทันที ไม่สามารถรอได้
  • ปัสสาวะมีสีขุ่น คล้ำ หรือมีกลิ่นแรง
  • มีเลือดปนอยู่ในปัสสาวะ
  • ปวดท้องส่วนล่าง ปวดหลังบริเวณใต้ซี่โครง
  • มีไข้ หรือถ้าเป็นรุนแรงจนมีการติดเชื้อในกระแสแลือด อาจเกิดภาวะ Hypothermia หรืออุณหภูมิร่างกายต่ำได้ โดยอาจต่ำกว่า 36 องศาเซลเซียส

หากการติดเชื้อรุนแรงและเชื้อลุกลามไปที่ไต อาจทำให้มีอาการต่อไปนี้

  • มีไข้
  • คลื่นไส้
  • อาเจียน
  • ปวดหลังส่วนบนหรือปวดหลังข้างเดียว

วิธีลดความเสี่ยงการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

วิธีลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะในผู้หญิงตั้งครรภ์ อาจทำได้ดังนี้

  • ดื่มน้ำและของเหลวให้เพียงพอในแต่ละวัน อย่างน้อย 8-10 แก้ว/วัน
  • หลังถ่ายปัสสาวะหรือเข้าห้องน้ำ ควรทำความสะอาดและซับบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนักให้แห้ง โดยซับจากหน้าไปหลัง เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
  • หากทำได้ ควรถ่ายปัสสาวะทันทีที่ปวดปัสสาวะ ไม่ควรกลั้นปัสสาวะไว้นาน
  • สวมกางเกง กระโปรง และชั้นในที่ไม่รัดแน่นจนเกินไป
  • ควรทำความสะอาดร่างกายและถ่ายปัสสาวะทุกครั้งหลังมีเพศสัมพันธ์ อาจช่วยความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอวัยวะเพศหรือสบู่ที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำส้ม อาหารรสจัด และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะอาจกระตุ้นการขับปัสสาวะและอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะระคายเคืองได้
  • หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด (Vaginal douching) เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อและอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบได้

วิธีช่วยไม่ให้แม่ตั้งครรภ์ต้องกลั้นปัสสาวะ

  • ให้แม่ตั้งครรภ์นอนหลับหรือพักผ่อนในบริเวณที่อยู่ใกล้ห้องน้ำ จะได้เข้าห้องน้ำได้สะดวกฃ
  • ควรถ่ายปัสสาวะก่อนนอนเสมอ จะได้ไม่ต้องลุกไปถ่ายปัสสาวะบ่อย ๆ ในตอนกลางคืน
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น โกโก้ กาแฟ ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการขับปัสสาวะและทำให้ปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ในปริมาณมากก่อนนอน จะได้ไม่ปวดปัสสาวะจนต้องลุกเข้าห้องน้ำบ่อย ๆ

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

UTIs During Pregnancy. https://www.webmd.com/women/guide/pregnancy-urinary-tract-infection. Accessed September 6, 2022

Urinary Tract Infection In Pregnancy. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK537047/. Accessed September 6, 2022

Urinary tract infections (UTIs) during pregnancy. https://www.pregnancybirthbaby.org.au/urinary-tract-infections-utis-during-pregnancy. Accessed September 6, 2022

Urinary tract infection during pregnancy: current concepts on a common multifaceted problem. https://www.tandfonline.com/doi/full/10.1080/01443615.2017.1370579. Accessed September 6, 2022

Urinary tract infections (UTIs). https://www.nhs.uk/conditions/urinary-tract-infections-utis/. Accessed September 6, 2022

เวอร์ชันปัจจุบัน

31/10/2022

เขียนโดย ศุภานิช สุริโย

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์

อัปเดตโดย: Duangkamon Junnet


บทความที่เกี่ยวข้อง

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์

ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ ที่พบได้บ่อยมีอะไรบ้าง


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์

สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 31/10/2022

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา