อาการ ปวดท้องหน่วงๆ ตั้งครรภ์อ่อนๆ ที่สามารถพบได้ทั่วไปในช่วงการตั้งครรภ์ระยะแรก หรือในช่วง 12 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ อาจเกิดจากมดลูกขยายตัว เอ็นและกล้ามเนื้อยืดออกเมื่อท้องโตขึ้น ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงจนทำให้ท้องผูกหรือท้องอืด มีแก๊สในทางเดินอาหาร โดยทั่วไปอาการปวดท้องหน่วงอาจหายไปเองเมื่อขยับเปลี่ยนท่าทาง พักผ่อนให้เพียงพอ เข้าห้องน้ำ หรือแก๊สในทางเดินอาหารลดลง แต่หากอาการไม่หายไป รุนแรงขึ้น หรือมีความผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม
[embed-health-tool-due-date]
ปวดท้องหน่วงๆ ตั้งครรภ์อ่อนๆ เกิดจากอะไร
อาการปวดท้องหน่วงขณะตั้งครรภ์ระยะแรก อาจเกิดจากสาเหตุต่อไปนี้
- มดลูกขยายตัว จนอาจทำให้เอ็นและกล้ามเนื้อโดยรอบมดลูกยืดตัวออก ส่งผลให้ปวดท้องข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างแบบปวดหน่วงคล้ายเป็นตะคริวหรือคล้ายปวดประจำเดือน อาจมีอาการเมื่อไอ จาม หรือเปลี่ยนท่าทาง คุณแม่บางรายอาจมีอาการปวดท้องหน่วงและปวดหลังในช่วงแรกของการตั้งครรภ์เนื่องจากตัวอ่อนฝังตัวที่เยื่อบุโพรงมดลูก
- อาหารไม่ย่อย อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารคลายตัวและทำให้การบีบตัวของกระเพาะและลำไส้ลดลง อาหารจะตกค้างในทางเดินอาหารนานขึ้น เกิดเป็นอาการเสียดท้อง กรดไหลย้อน ร่วมกับอาหารไม่ย่อย เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น ทารกจะเจริญเติบโตมากขึ้นและอาจกดเบียดทางเดินอาหารมากขึ้น ทำให้ย่อยอาหารได้ยากขึ้น
- ท้องผูก อาการท้องผูกหรือขับถ่ายไม่สะดวก เป็นอาการที่พบได้ทั่วไปในหญิงตั้งครรภ์ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การได้รับของเหลวน้อยเกินไป การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์หรือใยอาหารที่ช่วยในการย่อยไม่มากพอ การขาดการออกกำลังกายและการทำกิจกรรมทางกาย การรับยาเสริมธาตุเหล็ก อาการวิตกกังวล ปัจจัยเหล่านี้อาจนำไปสู่อาการท้องผูกที่ทำให้ปวดท้องหน่วงๆ ในช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ ได้
- ท้องอืด ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนของหญิงตั้งครรภ์จะเพิ่มขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อลำไส้ (Intestinal muscles) คลายตัว ส่งผลให้อาหารค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่นานกว่าปกติ และเกิดแก๊สในกระเพาะอาหารมากขึ้น ร่วมกับมีอาการปวดท้อง
นอกจากนี้ อาการปวดท้องหน่วงๆ ในช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ ยังอาจเกิดจากภาวะสุขภาพบางประการ เช่น
- การแท้ง หากมีอาการปวดท้องหน่วงและรุนแรงบริเวณท้องน้อยด้านขวา ร่วมกับมีจุดเลือดหรือก้อนเลือดไหลออกจากช่องคลอด อาจเป็นอาการแท้งบุตร ควรไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงโดยเร็วที่สุด
- ไส้ติ่งอักเสบ คือ ภาวะติดเชื้อของไส้ติ่งที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาเร่งด่วน ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดบริเวณใต้ลิ้นปี่ต่อมาปวดลงมาบริเวณท้องน้อยด้านขวา คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ไม่อยากอาหาร มีไข้ อ่อนเพลีย เป็นต้น
- นิ่วในถุงน้ำดี การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและการทำงานของระบบย่อยอาหารที่ช้าลงในขณะตั้งครรภ์ อาจทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ ผู้มีนิ่วในถุงน้ำดีอาจมีอาการเสียดท้อง ปวดแปล๊บบริเวณท้องส่วนบนด้านขวา คลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ ไม่อยากอาหาร เป็นต้น แม้นิ่วในถุงน้ำดีมักจะหายได้เองโดยไม่ต้องรักษา แต่หญิงตั้งครรภ์เป็นนิ่วในถุงน้ำดี และเริ่มมีอาการดังกล่าว ควรไปปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับวิธีรักษาและการดูแลตัวเองที่เหมาะสม
- การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อาจทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อยและเจ็บขณะถ่ายปัสสาวะ โดยทั่วไปสามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดแบคทีเรียที่ทำให้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ทั้งนี้ คุณแม่ท้องที่มีสัญญาณของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะควรไปพบคุณหมอตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะถุงน้ำคร่ำอักเสบทำให้น้ำเดินก่อนกำหนด ภาวะมดลูกพัฒนาช้า การคลอดก่อนกำหนด ภาวะทารกน้ำหนักตัวน้อย
วิธีดูแลตัวเองเมื่อ ปวดท้องหน่วงๆ ตั้งครรภ์อ่อนๆ
วิธีดูแลตัวเองเมื่อปวดท้องหน่วงๆ ตั้งครรภ์อ่อนๆ อาจทำได้ดังนี้
- ควรรับประทานอาหารมื้อเล็กหลายมื้อต่อวัน แทนการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ เพื่อให้ร่างกายสามารถย่อยอาหารได้เร็วขึ้น และควรดื่มน้ำให้มากเพื่อช่วยให้ลำไส้สามารถดูดซึมอาหารได้ง่ายขึ้น อาหารเคลื่อนตัวผ่านทางเดินอาหารได้ไวขึ้น อาจช่วยลดอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด และท้องผูกที่ทำให้ปวดท้องหน่วงๆ ได้
- ออกกำลังกาย เช่น เดินเร็ว โยคะ ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก อาจช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ได้ ทั้งนี้ไม่ควรออกกำลังกายหักโหมเกินไป
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร เช่น อาหารที่มีไขมันสูง ถั่ว กะหล่ำปลี น้ำอัดลม
- นอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-9 ชั่วโมง/วัน และขณะพักผ่อน พยายามนั่ง นอนราบ หรือเปลี่ยนท่าบ่อยๆ อาจช่วยลดอาการปวดท้องหน่วงๆ ได้
เมื่อไหร่ควรไปพบคุณหมอ
อาการปวดท้องในช่วงตั้งครรภ์ระยะแรกเป็นอาการที่พบได้ทั่วไป และอาจไม่ได้เป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพร้ายแรงสำหรับหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์เสมอไป อย่างไรก็ตาม หากหญิงตั้งครรภ์ปวดท้องหน่วงๆ ร่วมกับมีอาการต่อไปนี้ อาจเป็นสัญญาณของภาวะสุขภาพที่รุนแรง ควรไปพบคุณหมอโดยเร็วเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป
- ปวดท้องหรือปวดหลังอย่างต่อเนื่องหรือรุนแรง
- อาการปวดแย่ลงในตอนกลางคืนหรือขณะนอนราบ
- มีอาการปวดร่วมกับมีรอยแดงหรืออาการบวม
- อาเจียน คลื่นไส้ หรือท้องเสีย
- ปวดศีรษะรุนแรงต่อเนื่อง
- รู้สึกวิงเวียนศีรษะ คล้ายจะเป็นลม
- สายตาพร่ามัว
- เลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด
- มีตกขาวสีน้ำตาล
- รู้สึกเจ็บขณะถ่ายปัสสาวะ