คุณแม่ตั้งครรภ์อาจมีอาการวิงเวียนศีรษะ ปวดหัว เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดอาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรหลีกเลี่ยงการยืนเป็นเวลานาน และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานแก้ปวดอื่น ๆ ระหว่างตั้งครรภ์ นอกเหนือจากที่แพทย์สั่ง เช่น ยาไอบูโพรเฟน เพราะอาจทำให้ปิดกั้นทางเดินเลือดในหัวใจของทารก เพิ่มความเสี่ยงที่ส่งผลให้ไตทารกทำงานผิดปกติ นำไปสู่ทารกพิการแต่กำเนิด การแท้งบุตร ถ้าอาการปวดศีรษะไม่ดีขึ้น คุณหมออาจแนะนำให้รับประทานยาอะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) ดื่มน้ำให้มาก ๆ และเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ อย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
- ปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
ร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์อาจผลิตเลือดมากขึ้น เพื่อนำเลือดไปหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ ทำให้อาจมีอาการเยื่อบุจมูกบวม คัดจมูก หายใจไม่สะดวก และเสี่ยงเลือดกำเดาไหล คุณแม่ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เปิดเครื่องทำความชื้น และทาปิโตเลียมเจลเพิ่มความชุ่มชื้นรอบจมูก และช่วยลดน้ำมูก
ระหว่างการตั้งครรภ์ เหงือกของคุณแม่อาจอ่อนแอลง ทำให้มีเลือดออกง่าย โดยเฉพาะขณะขัดฟันหรือแปรงฟัน อีกทั้งอาการแพ้ท้องอาจทำให้คุณแม่อาเจียนบ่อยครั้งส่งผลให้สารเคลือบฟันถูกทำลาย เสี่ยงต่อฟันผุคุณแม่จึงควรรักษาสุขภาพช่องปากให้ดี เลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่ม และกลั้วปากด้วยน้ำเกลือเพื่อลดการระคายเคือง
การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนระหว่างตั้งครรภ์อาจกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเมลานินที่เป็นเซลล์สร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดฝ้าบนหน้า เส้นสีดำบนหน้าท้อง รอยแตกลายที่ขา หน้าอก หน้าท้อง ก้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มักจะเกิดขึ้นกับสตรีตั้งครรภ์และอาจหายเองหลังคลอด
คุณแม่อาจทาครีมโลชั่นลดรอยแตกลาย และควรหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด โดยเฉพาะช่วงเวลา 10.00-14.00 น. ที่มีแดดแรงจัด หรือทาครีมกันแดดอย่างน้อย SPF 30 เพราะแสงแดดอาจส่งผลให้ปัญหาผิวแย่ลง
เนื่องจากหน้าท้องที่ขยายใหญ่ขึ้นจากการเจริญเติบโตของทารกอาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม ส่งผลให้มีอาการปวดขาและข้อต่อต่าง ๆ เพราะต้องรองรับน้ำหนักตัว บางคนอาจเป็นตะคริว โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดตะคริวควรยืดกล้ามเนื้อก่อนนอน เลือกรองเท้าที่สวมใส่สบาย หรือประคบน้ำแข็งหรือนวดเมื่อเกิดเป็นตะคริว
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย