backup og meta

วิธีนับรอบเดือน ช่วยคำนวณวันไข่ตก เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 2 สัปดาห์ก่อน

    วิธีนับรอบเดือน ช่วยคำนวณวันไข่ตก เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์

    วิธีนับรอบเดือน ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ ด้วยการคำนวณวันไข่ตก การจดบันทึกรอบเดือนหรือประจำเดือนจึงเป็นสิ่งสำคัญ อีกทั้งยังช่วยให้คำนวณวันปลอดภัยในรอบเดือน เป็นการคุมกำเนิดด้วยวิธีธรรมชาติ

    ประจำเดือน คืออะไร

    ในทุกเดือนไข่ 1 ใบจะเคลื่อนตัวออกจากรังไข่ โดยไข่ที่ออกมาจะเคลื่อนไปตามท่อรังไข่หรือปีกมดลูกไปยังมดลูก ในช่วงเวลานั้นหากไข่ผสมกับตัวอสุจิก็จะเคลื่อนไปฝังตัวที่มดลูก แต่หากไข่ไม่ได้รับการผสมกับตัวอสุจิ ผนังมดลูกและไข่จะหลุดลอกออกมาทางช่องคลอด เลือดที่ไหลออกมาทางช่องคลอดของผู้หญิง จะเรียกว่า ประจำเดือน แต่ละครั้งจะมีประมาณ 3-7 วัน

    วิธีนับรอบเดือน

    ช่วงเวลาระหว่างประจำเดือนแต่ละครั้งจะเริ่มนับตั้งแต่วันแรกที่ประจำเดือนมาจนถึงวันก่อนมีประจำเดือนครั้งต่อไป โดยทั่วไป ระยะห่างของแต่ละรอบเดือนอยู่ที่ 24-38 วัน สามารถลองเทียบได้จากวันแรกของประจำเดือนรอบนี้ กับวันแรกของประจำเดือนครั้งก่อน

    คำนวณหาวันปลอดภัยด้วยวิธีนับรอบเดือน

    การคำนวณหาวันปลอดภัยเป็นการคุมกำเนิดที่เหมาะกับผู้ที่มีรอบประจำเดือนสม่ำเสมอ ช่วงที่ปลอดภัยหรือมีเพศสัมพันธ์แล้วไม่ตั้งครรภ์ คือ ก่อน 7 หลัง 7 เป็นช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์ต่ำ จึงต้องใช้วิธีนับรอบเดือนเพื่อหาช่วงก่อนมีประจำเดือน 7 วัน และหลังจากมีประจำเดือน 7 วัน วิธีนี้มีความผิดพลาดได้ค่อนข้างสูง หากใช้วิธีนับรอบเดือนเพื่อการคุมกำเนิด ควรใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย 

    • วิธีคำนวณกรณีประจำเดือนมาสม่ำเสมอให้วันที่ 12 – 16 เป็นวันที่ ไม่ปลอดภัย เช่น หากประจำเดือนห่างกันรอบละ 30 วัน วันที่ 1-7 หลังมีประจำเดือน และก่อนมีประจำเดือน 7 วันจะเป็นระยะปลอดภัย

    นับวันตกไข่ด้วยวิธีนับรอบเดือน

    ในแต่ละเดือนไข่ที่ตกจะรอปฏิสนธิอยู่ที่ปลายท่อนำไข่ 12-24 ชั่วโมง การนับวันตกไข่ด้วยตัวเอง โดยทั่วไปผู้หญิงจะมีรอบเดือนทุก 28 วัน ให้นับหลังจากวันที่ประจำเดือนมาเป็นวันที่ 1 ส่วนวันที่ 14 จะเป็นวันที่ตกไข่ หากต้องการมีบุตรควรมีเพศสัมพันธ์ 1-2 วันก่อนไข่ตก เพราะอสุจิจะรอปฏิสนธิอยู่ในรังไข่ได้ 2 วัน จึงพอดีกับวันไข่ตก หรือหากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงกลางรอบประจำเดือนประมาณ 10-14 วันนับหลังจากวันแรกของประจำเดือนรอบล่าสุด ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้

    สังเกตอย่างไรว่าอยู่ในช่วงวันตกไข่

    1. มูกที่ปากมดลูก เกิดจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ทำให้มูกที่ปากมดลูกที่มีลักษณะคล้ายไข่ขาวดิบ เกิดความข้นเหนียวและยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อนำพาอสุจิเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ง่ายขึ้น
    2. อารมณ์ทางเพศเพิ่มขึ้น ขณะตกไข่จะส่งผลให้มีเลือดมาหล่อเลี้ยงบริเวณช่องคลอด รวมถึงการสร้างของเหลวหล่อลื่นมากเป็นพิเศษ 
    3. อุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มขึ้น ระหว่างการตกไข่ ร่างกายจะมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสูงขึ้น อุณหภูมิร่างกายจึงสูงขึ้นเล็กน้อยประมาณ 0.5 องศาเซลเซียส
    4. เจ็บคัดเต้านมและปวดท้องน้อยข้างเดียว อาการปวดท้องน้อยข้างเดียวในขณะที่มีการตกไข่ เพราะรังไข่เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพให้เหมาะสมกับการฝังตัวของตัวอ่อน แต่เมื่อไม่เกิดการปฏิสนธิ ผนังภายในรังไข่จะมีการหลุดลอกส่งผลให้ปวดท้องน้อยได้มากขึ้น

    สำหรับผู้ที่ต้องการความแม่นยำสามารถใช้ชุดตรวจการตกไข่ โดยตรวจด้วยปัสสาวะเพื่อคาดคะเนการตกไข่ได้อย่างแม่นยำ 

    หรือเลือกใช้ เครื่องคำนวณวันตกไข่ของ Hello คุณหมอ !

    สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ

    • ความเครียดจากปัญหาชีวิต การเรียน การทำงาน อาจทำให้ไข่ไม่ตกได้
    • เกิดความผิดปกติของฮอร์โมนที่ควบคุมการทำงานรังไข่ เช่น อร์โมนไทรอยด์ ฮอร์โมนต่อมใต้สมองหรือว่าฮอร์โมนน้ำนม
    • ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรังในผู้หญิง จากภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ พบได้บ่อยจากการทำงานที่ผิดปกติของตัวรังไข่ ทำให้ผู้หญิงมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
    • อาการเลือดออกที่ผิดปกติ ที่ไม่ใช่เลือดจากประจำเดือน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 2 สัปดาห์ก่อน

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา