วิธีตรวจครรภ์ สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล หรือวิธีตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ และไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล
วิธีตรวจครรภ์ สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล หรือวิธีตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ และไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
อาการแรกที่ต้องสงสัยว่า กำลังตั้งครรภ์ คือ การที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ หลังจากที่ประจำเดือนขาดเกิน 1 สัปดาห์ หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ จึงควรตรวจครรภ์โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ ที่เป็นการทดสอบฮอร์โมนเอชซีจี (Human chorionic gonadotropin : hCG) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นมาระหว่างตั้งครรภ์ หลั่งออกมาในกระแสเลือด และมีฮอร์โมนบางส่วนถูกขับออกมาทางปัสสาวะ โดยชุดทดสอบการตั้งครรภ์จะทดสอบฮอร์โมนเอชซีจีในปัสสาวะ ด้วยการทำปฏิกิริยากับสารเคมีที่เคลือบบนชุดทดสอบตั้งครรภ์
อุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์ โดยการตรวจปัสสาวะ มีอยู่ 3 แบบ
ผลทดสอบการตั้งครรภ์ หากเส้นสีแดงขึ้น 2 ขีด ทั้งตัวอักษร C และ T อาจหมายความว่า ตั้งครรภ์ ซึ่งความเข้มของแถบสีจะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของระดับฮอร์โมน แต่ถ้าเส้นขีดที่ตรงกับตัว T สีจางมาก ให้ทำการทดสอบการตั้งครรภ์อีกครั้งโดยรออย่างน้อย 2-3 วัน หากตรวจแล้วขึ้นขีดเดียวที่ตัว C ผลคือ อาจไม่ตั้งครรภ์
นอกจากนี้ การใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ ควรระวังผลลบลวง จากการตรวจเร็วเกินไป จึงแสดงผลเพียง 1 ขีด โดยเฉพาะในช่วงก่อน 6 วันหลังจากปฏิสนธิที่ระดับฮอร์โมนเอชซีจี ยังต่ำจนไม่อาจตรวจเจอได้ ดังนั้น เมื่อพบอาการผิดปกติสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ ควรตรวจอีกครั้ง
การวินิจฉัยการตั้งครรภ์ในโรงพยาบาล แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกาย การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการตรวจคลื่นความถี่สูง ดังนี้
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
พลอย วงษ์วิไล
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย