ภาวะโลหิตจาง เป็นภาวะที่ร่างกายมีปริมาณเซลล์เม็ดเลือดแดง ที่ทำหน้าที่ส่งออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆของร่างกายไม่เพียงพอ สาเหตุอย่างหนึ่งของภาวะโลหิตจาง ซึ่งเป็นภาวะที่เซลล์เม็ดเลือดแดงน้อยลง ก็คือ การขาดโฟเลต (folate) หรือ โลหิตจางจากการขาดโฟเลต
โฟเลต คือ วิตามินบีที่รู้จักกันในชื่อกรดโฟลิค เมื่อขาดโฟเลตความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า เมกะโลไซต์หรือเมกะโลบลาสต์จะพบได้ในไขกระดูก (bone marrow) ซึ่งทำให้ภาวะที่เกิดกับเซลล์เม็ดแดงชนิดนี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ภาวะโลหิตจางเมกะโลบลาสต์ (megaloblast anemia) Hello คุณหมอ จึงชวนมารู้จักกับ ภาวะโลหิตจางจากการขาดโฟเลต นี้กันค่ะ
คุณสมบัติทางชีวภาพของโฟเลต
กรดโฟลิค เป็นกลุ่มของสารเคมีและสสารทางชีวภาพ ที่มีคุณสมบัติคล้ายกัน ได้แก่ กรดโฟลิคเตตระไฮโดรฟิวแรน (folic acid tetrahydrofuran) เป็นองค์ประกอบพื้นฐานของกรดโฟลิค ซึ่งรูปออกฤทธิ์ของกรดโฟลิค
กรดโฟลิคถูกส่งไปยังเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตับ ในปัจจุบันยังไม่สามารถระบุปริมาณของกรดโฟลิคได้แน่ชัด การระบุปริมาณกรดโฟลิคสำรองได้ เป็นไปได้ว่ามีปริมาณน้อย แต่มากพอสำหรับความต้องการของร่างกายใน 4-5 เดือน
สาเหตุของ ภาวะโลหิตจางจากการขาดโฟเลต
- เกิดจากการขาดสารอาหาร โภชนาการที่ไม่ดี หรือทานอาหารไม่ครบทุกหมู่
- เกิดจากการดูดซึมของลำไส้ที่เป็นแผล อาการดูดซึมอาหารที่ผิดปกติ ท้องร่วงเรื้อรัง วัณโรคในลำไส้ และการขาดกรดโฟลิค หรือภาวะการดูดซึมที่ผิดปกติอันเกิดจากการใช้ยา เช่น ยาบาร์บิทูริค (bacbituric) และยาต้านป้องกันอาการชัก (anticonvulsants) ยาต้านมาลาเรีย และยาต้านการเผาผลาญในมะเร็ง
- เกิดจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นและพัฒนาการทางร่างกายที่รวดเร็วในเด็ก หญิงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร และผู้ที่เป็นโรคมาลาเรีย
- ความเสี่ยงของภาวะขาดกรดโฟลิค และผลที่ตามมาอาจรุนแรงขึ้น อันเนื่องมาจากสาเหตุร่วมที่กล่าวมา
การป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดโฟเลต
- การป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดโฟเลต ทำได้โดยการดูแลสารอาหารที่ได้รับ การรู้จักแหล่งของสารอาหารที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผักใบเขียวและส่วนประกอบอื่นๆ ในอาหาร หญิงตั้งครรภ์และระหว่างให้นมบุตร รวมถึงผู้ป่วยโรคมาลาเรีย ที่ต้องระมัดระวังการขาดโปรตีน และพลังงานที่อาจจำกัด ภาวะ โลหิตจางเกิดจากการขาดโฟเลต เนื่องจากอาการของโรคทั้งสองมักเกิดขึ้นพร้อมกัน
- ควรเข้ารับการรักษาโรคระบบทางเดินอาหารเรื้อรังโดยเร็ว เนื่องจากโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ลดประสิทธิภาพการดูดซึมกรดโฟเลต
- ควรใช้ยาที่ปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาที่ลดประสิทธิภาพการดูดซึมกรดโฟเลต เช่น ยาบาร์บิทูริค (bacbituric) ยาต้านชัก (anticonvulsants) ยาสำหรับโรคลมชัก (epilepsy) ยารักษาโรคมาลาเรีย ยาต้านการเผาผลาญ
- หญิงตั้งครรภ์เป็นกลุ่มที่มักเกิดภาวะโลหิตจาง จึงควรได้รับวิตามินอาหารเสริมปริมาณ 500 มิลลิกรัมต่อวัน ตั้งแต่อายุครรภ์ 6 เดือน และในกลุ่มหญิงให้นมบุตร การได้รับธาตุเหล็กปริมาณ 30-240 มิลลิกรัม เป็นอีกหนึ่งวิธีในการป้องกันภาวะโลหิตจาง
การรักษาภาวะโลหิตจาง จากการขาดโฟเลต
การให้ผู้ป่วยได้รับกรดโฟเลตปริมาณ 5 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นการช่วยรักษาระดับของกรดโฟเลตสำรองในร่างกาย การรักษาภาวะโลหิตจางด้วยกรดโฟลิคไม่อันตราย เนื่องจากไม่มีปัจจัยการสะสมของยา การให้ยาทางหลอดเลือด ควรใช้เฉพาะกรณีที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบการดูดซึม
ในกรณีที่คุณมีอาการภาวะโลหิตจางรุนแรง และการรักษาด้วยการให้กรดโฟลิคให้ผลไม่ชัดเจน อาจมีความเกี่ยวข้องกับการขาดธาตุเหล็ก หรือมีการติดเชื้อร่วมด้วย คุณอาจต้องเข้ารับการรักษาด้วยหลายวิธีร่วมกัน
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัย หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmr]