ลูกปวดฟัน อาจมีสาเหตุมาจากปัญหาฟันผุ หนองในฟัน เคลือบฟันแตก โรคเหงือก อาหารติดซอกฟัน หรือปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขอนามัยภายในช่องปากที่ไม่เหมาะสม จนทำให้ลูกมีอาการปวดฟันเกิดขึ้น ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรดูแลสุขภาพช่องปากของลูกอยู่เสมอ และหากลูกปวดฟันควรพาลูกเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการรักษา
[embed-health-tool-vaccination-tool]
ลูกปวดฟัน เกิดจากสาเหตุอะไร
อาการลูกปวดฟันอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการไม่รักษาสุขอนามัยภายในช่องปาก จนทำให้เยื่อฟันที่เต็มไปด้วยเส้นประสาท เนื้อเยื่อ และหลอดเลือดที่บอบบางระคายเคืองหรือติดเชื้อแบคทีเรีย จนก่อให้เกิดอาการปวดฟันรุนแรงตามมา ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ลูกปวดฟันที่พบได้บ่อยนั่นคือฟันผุ นอกจากนี้ อาการลูกปวดฟันยังอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุอื่น ๆ ดังนี้
- หนองในฟัน เกิดขึ้นเมื่อมีปัญหาฟันผุทำให้เกิดหนองภายในรากฟันซี่ที่ผุ ส่งผลให้มีอาการปวดรุนแรงและปวดมากขึ้นเมื่อสัมผัสกับฟัน หากปล่อยไว้เป็นเวลานานอาจทำให้หนองเพิ่มมากขึ้นภายในเหงือกและทำให้เหงือกบวมแดง
- เคลือบฟันแตก เกิดจากการกัดวัตถุแข็ง ๆ จนทำให้ฟันแตก โดยแนวการแตกหักของฟันอาจอยู่ต่ำกว่าขอบเหงือกที่อาจมองเห็นได้ยาก และอาจทำให้มีอาการเสียวฟัน ปวดฟันเมื่อรับประทานของเหลวร้อนหรือเย็น
- โรคเหงือก เป็นปัญหาเหงือกอักเสบเนื่องจากการไม่รักษาสุขอนามัยภายในช่องปาก ส่งผลให้มีอาการเหงือกระคายเคือง บวมแดง เจ็บปวด และอาจมีเลือดออก
- อาหารติดซอกฟัน การรับประทานอาหารอาจทำให้มีเศษอาหารติดตามซอกฟัน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดฟัน ดังนั้น การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันหลังรับประทานอาหารอาจช่วยลดอาการปวดฟันได้
- ฟันคุด เป็นการงอกขึ้นมาของฟันกรามซี่ในสุด ซึ่งส่วนใหญ่ฟันคุดจะเกิดขึ้นในช่วงอายุประมาณ 18-21 ปีขึ้นไป แต่สำหรับเด็กที่ฟันคุดงอกเร็วอาจทำให้มีอาการปวดฟันเกิดขึ้นได้
- การเคลื่อนไหวฟันในการบดเคี้ยวซ้ำ ๆ เช่น เคี้ยวหมากฝรั่ง นอนกัดฟัน เคี้ยวอาหารแข็ง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้ฟันสึกกร่อนได้ง่าย และอาจทำให้เกิดอาการปวดฟันได้
ลูกปวดฟัน มีอาการอย่างไร
คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตอาการลูกปวดฟันได้ ดังนี้
- ปวดฟันตลอดเวลา
- ปวดฟันรุนแรงขึ้นเมื่อสัมผัสฟันซี่ที่ปวด
- อาการปวดฟันแย่ลงเมื่อรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น
- เจ็บกรามเบา ๆ รอบฟันที่ปวด
- มีไข้ ปวดศีรษะ
- เหนื่อย อึดอัดและรู้สึกไม่สบายตัว
- ปากมีกลิ่นเหม็น และอาจมีหนองที่มีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย
ลูกปวดฟันควรรักษาอย่างไร
เมื่อลูกปวดฟันรุนแรง คุณหมออาจรักษาโดยพิจารณาจากอายุ อาการ และสุขภาพทั่วไปของเด็ก นอกจากนี้ ยังอาจขึ้นอยู่กับสภาพความรุนแรงของปัญหาช่องปากที่ทำให้เกิดอาการปวดฟัน ดังนี้
- ยาปฏิชีวนะ สำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรียภายในช่องปาก
- ยาแก้ปวด ช่วยบรรเทาอาการปวด และลดไข้
- การกลั้วและบ้วนปากด้วยน้ำเกลือ อาจช่วยขจัดเชื้อแบคทีเรียและบรรเทาอาการปวดได้
- การถอนฟัน สำหรับเด็กที่มีอาการฟันผุรุนแรง อาจต้องถอนฟันเพื่อไม่ให้อาการปวดฟันเกิดซ้ำ
- การระบายหนองที่เต็มไปด้วยเชื้อแบคทีเรีย คุณหมออาจทำในกรณีที่จำเป็น เพื่อกำจัดหนองและเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอาการปวดฟัน
- การอุดฟัน หากฟันผุไม่รุนแรง คุณหมออาจวินิจฉัยให้อุดฟัน
- การรักษารากฟัน (Root Canal) เป็นการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อเยื่อที่อักเสบและติดเชื้อออกจากบริเวณโพรงฟัน และทำความสะอาดภายในโพรงฟัน จากนั้นจะอุดคลองรากฟันเพื่อบูรณะตัวฟันให้สวยงาม
การป้องกันไม่ให้ลูกปวดฟัน
คุณพ่อคุณแม่อาจป้องกันอาการปวดฟันของลูก ด้วยการให้ลูกแปรงฟันเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน หรืออาจแปรงฟันหลังรับประทานอาหารด้วย เพื่อกำจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟัน จากนั้นควรสอนให้ลูกใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วย อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อกำจัดเศษอาหารที่แปรงสีฟันอาจเข้าไม่ถึง
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการให้ลูกรับประทานอาหารหรือกัดวัตถุแข็งที่อาจทำให้เกิดปัญหาฟันแตกได้ รวมถึงควรพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์ทุก ๆ 6 เดือนหรือ 1 ปี เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน