backup og meta

ลูกปวดฟันผุ คุณพ่อคุณแม่ควรรับมืออย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงจิตรลดา ชินสุวรรณ · พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 21/04/2022

    ลูกปวดฟันผุ คุณพ่อคุณแม่ควรรับมืออย่างไร

    ปวดฟันผุ เป็นโรคติดเชื้อเรื้อรังที่อาจพบได้บ่อยในเด็ก อาการที่อาจเกิดจากเนื้อฟันอักเสบและติดเชื้อ โดยอาการมักเกิดขึ้นหลังจากฟันได้รับความเสียหายหรือเกิดโพรงที่เนื้อฟัน ซึ่งเป็นผลมาจากการรักษาสุขอนามัยในช่องปากไม่ดี เนื่องจากการสะสมของน้ำตาลและแป้งจากอาหารทำให้แบคทีเรียภายในปากเจริญเติบโต ผลิตกรดทำลายฟันจนกลายเป็นฟันผุ ส่งผลให้ ลูกปวดฟันผุ

    อาการปวดฟันผุ

    เด็กแต่ละคนอาจมีอาการปวดฟันผุแตกต่างกัน แต่อาการที่อาจพบได้บ่อยอาจมีดังนี้

    • เด็กมีอาการปวดฟันผุอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
    • เด็กมักมีอาการปวดฟันมากขึ้นเมื่อสัมผัสกับฟันซี่ที่ผุ
    • เด็กอาจรู้สึกปวดฟันมากขึ้นเมื่อเคี้ยวอาหาร หรือรับประทานอาหารร้อนหรือเย็น
    • เด็กอาจรู้สึกเจ็บปวดกรามหรือบริเวณรอบ ๆ ฟันซี่ที่ผุ
    • เด็กบางคนอาจมีไข้ร่วมกับอาการเหนื่อย อ่อนแรง วิงเวียนศีรษะ

    ลูกปวดฟันผุ เพราะอะไร

    ฟันผุ เป็นสาเหตุของอาการปวดฟันผุ เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลและแป้ง ซึ่งเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียในช่องปาก แบคทีเรียเหล่านี้จะผลิตกรดซึ่งทำลายเคลือบฟันคือผิวฟันด้านนอกจนเนื้อฟันอาจมีสีดำหรือสีน้ำตาล เมื่อเวลาผ่านไปและไม่แปรงฟันให้สะอาดหรือไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง กรดจะค่อย ๆ ทำลายเนื้อฟันไปเรื่อย ๆ จนเป็นโพรงที่ฟันและทำให้มีอาการปวดฟันผุเกิดขึ้น

    วิธีรักษาอาการปวดฟันผุ

    การรักษาอาการปวดฟันผุ คุณหมออาจวินิจฉัยอาการด้วยตาเปล่าหรืออาจใช้เครื่องเอ็กซ์เรย์ฟันร่วมด้วยหากฟันผุรุนแรงมากและเป็นโพรงลึกลงไปถึงรากฟัน คุณหมออาจมีวิธีรักษาฟันผุเพื่อบรรเทาอาการหรือทำให้หายปวดฟันได้ ดังนี้

    • การกินยา เช่น ปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวดฟัน
    • การบ้วนน้ำเกลืออุ่น ๆ เพื่อบรรเทาอาการปวดฟัน
    • การถอนฟันซี่ที่ผุ วิธีนี้จะช่วยทำให้อาการปวดฟันผุหายได้แต่อาจต้องสูญเสียฟันหากฟันซี่ที่ผุ
    • การอุดฟัน เป็นการกำจัดเอาเนื้อฟันส่วนที่ผุออกและใช้วัสดุอุดฟันปิดช่องว่าง
    • การระบายหนองที่ติดเชื้อออก ฟันผุที่เกิดขึ้นเป็นเวลานานอาจติดเชื้อและมีหนองมาก คุณหมออาจพิจารณาระบายหนองออกเพื่อลดการติดเชื้อ
    • การรักษาคลองรากฟัน ซึ่งเป็นช่องว่างที่อยู่ในรากฟัน เพื่อกำจัดเอาเนื้อเยื่อโพรงฟันและคลองรากฟันที่อักเสบและติดเชื้อออก จากนั้นทำความสะอาดและอุดปิดช่องว่างที่คลองรากฟัน

    หากอาการฟันผุมีการติดเชื้อรุนแรง คุณหมออาจให้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและให้ยาปฏิชีวินะผ่านทางหลอดเลือดดำ

    วิธีป้องกันอาการปวดฟันผุ

    คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันปัญหาฟันผุให้กับลูกได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

  • ควรเริ่มแปรงฟันให้ลูกตั้งแต่เริ่มมีฟันน้ำนมซี่แรก
    • ช่วงแรกเกิดถึง 12 เดือน อาจใช้ผ้าเปียกเช็ดหรือใช้แปรงสีฟันเด็กชุบน้ำและแปรงเบา ๆ
    • อายุ 12-36 เดือน ใช้แปรงสีฟันเด็กและแตะยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ให้แปรงสีฟันพอชื้น ๆ หลังแปรงเสร็จแล้วให้ใช้ผ้าแห้งหรือผ้าชุบน้ำเช็ดออก
    • อายุ 18 เดือนถึง 6 ขวบ ใช้แปรงสีฟันสำหรับเด็กและบีบยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียว หลังแปรงเสร็จแล้วให้ใช้ผ้าแห้งหรือผ้าชุบน้ำเช็ดออก
    • อายุ 6 ปีขึ้นไป สามารถใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ขนาดเท่าความยาวหน้าตัดแปรงได้ หลังแปรงฟันเสร็จให้บ้วนน้ำเล็กน้อย
  • ควรให้ลูกแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง คือเช้าหลังตื่นนอนและก่อนนอน เป็นเวลา 2 นาที
  • หลีกเลี่ยงการให้ลูกนอนหลับพร้อมขวดนม เพราะอาจทำให้ฟันของเด็กสัมผัสกับน้ำตาลเป็นเวลานาน และอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่หูและสำลักได้
  • ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำทุกวัน เพื่อขัดเศษอาหารที่แปรงสีฟันไม่สามารถแปรงออกได้
  • หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล เพราะอาจเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียในช่องปากที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดฟันผุ
  • ควรเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพเหงือกและฟัน หากมีสัญญาณของฟันผุ คุณหมอจะสามารถรักษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฟันผุลุกลามจนมีอาการปวดฟันและอาจต้องสูญเสียฟัน
  • ควรให้ลูกดื่มน้ำที่มีฟลูออไรด์ เนื่องจากการดื่มน้ำที่มีฟลูออไรด์เป็นประจำจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับฟันของเด็กเพื่อป้องกันฟันผุ ทั้งนี้ ปริมาณฟลูออไรด์ในน้ำดื่มและน้ำประปาแต่ละที่อาจแตกต่างกันออกไป
  • ควรสอนให้ลูกดื่มน้ำจากแก้วให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะเมื่อลูกอายุ 12-15 เดือน เนื่องจากการดื่มน้ำหรือนมจากถ้วยจะช่วยลดการสะสมของเหลวรอบฟัน ลดปัญหาฟันผุได้
  • ควรจำกัดปริมาณอาหารหวานหรืออาหารเหนียว เช่น ลูกอม คุกกี้ เยลลี่ เนื่องจากอาหารเหล่านี้มีน้ำตาลมาก ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดฟันผุได้
  • ไม่แนะนำน้ำผลไม้สำหรับทารกที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน แต่หากให้น้ำผลไม้แก่ทารกอายุระหว่าง 6-12 เดือน ควรจำกัดที่ 4 ออนซ์/วัน และควรเจือจางด้วยน้ำเปล่า สำหรับเด็กอายุ 1-6 ปี ควรจำกัดน้ำผลไม้ที่ 4-6 ออนซ์/วัน
  • หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงจิตรลดา ชินสุวรรณ

    พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)


    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 21/04/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา