backup og meta

กรดไหลย้อนในเด็ก (Infant Reflux)

กรดไหลย้อนในเด็ก (Infant Reflux)
กรดไหลย้อนในเด็ก (Infant Reflux)

กรดไหลย้อนในเด็ก (Infant Reflux) เป็นภาวะที่อาหารไหลย้อนกลับออกมาจากกระเพาะอาหาร ส่งผลให้เด็กอาเจียน หรือที่มักเรียกกันว่า “แหวะนม” มักเกิดกับเด็กทารก เป็นอาการที่มักไม่ส่งผลกระทบรุนแรง และส่วนใหญ่จะหายไปเมื่อเด็กมีอายุเกิน 18 เดือน

คำจำกัดความ

กรดไหลย้อนในเด็ก (Infant Reflux) คืออะไร

กรดไหลย้อนในเด็ก (Infant Reflux) เกิดขึ้นเมื่ออาหารไหลย้อนกลับออกมาจากกระเพาะอาหารของเด็ก จนทำให้เด็กอาเจียน หรือแหวะนม เป็นอาการที่มักไม่ส่งผลกระทบรุนแรง กรดไหลย้อน นี้มักหายไปเมื่อเด็กโตขึ้น แต่หากเด็กอายุ 18 เดือนแล้วอาการยังไม่หายไป หรือมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น เด็กอาจเป็นโรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease หรือ GERD)

เด็กบางคนอาจเกิดภาวะกรดไหลย้อนวันละหลายครั้ง แต่หากเด็กสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี เติบโตและมีพัฒนาการตามปกติ กรดไหลย้อนในเด็กนี้ไม่ใช่อาการที่น่าเป็นห่วงมากนัก

ในกรณีหายาก กรดไหลย้อนในเด็กอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ เช่น โรคภูมิแพ้ ระบบทางเดินอาหารถูกรบกวน หรือโรคกรดไหลย้อน

 พบได้บ่อยแค่ไหน

กรดไหลย้อนในเด็กนั้นพบได้ทั่วไปในเด็กแรกเกิดไปจนถึงเด็กทารก โดยในช่วงสามเดือนแรก เด็กมักอาเจียน หรือแหวะนมวันละหลายครั้ง และอาการนี้มักหายไปในช่วงอายุ 12-14 เดือน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดปรึกษาแพทย์

อาการ

อาการของ กรดไหลย้อนในเด็ก

โดยทั่วไปแล้วกรดไหลย้อนในเด็กไม่ใช่ปัญหาที่น่ากังวล และไม่ใช่เรื่องง่ายที่ในกระเพาะอาหารจะมีกรดมากพอจนทำให้ลำคอหรือหลอดอาหารเกิดการระคายเคือง หรือทำให้มีสัญญาณหรืออาการแทรกซ้อนใด ๆ อย่างไรก็ตาม อาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น หากมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์

ควรไปพบหมอเมื่อใด

หากทารกมีอาการดังต่อไปนี้ ควรพาไปพบคุณหมอ

  • น้ำหนักตัวไม่เพิ่ม
  • อาเจียนรุนแรงบ่อยครั้ง และเป็นการอาเจียนพุ่ง (Projectile Vomiting)
  • อาเจียนเป็นของเหลวสีเขียวหรือสีเหลือง
  • อาเจียนเป็นเลือดหรือคล้ายกากกาแฟ
  • ปฏิเสธอาหาร
  • อุจจาระมีเลือดปน
  • หายใจติดขัด หรือไอเรื้อรัง
  • เริ่มอาเจียนตั้งแต่อายุ 6 เดือน หรือมากกว่านั้น
  • มีอาการหงุดหงิดงอแงผิดปกติหลังรับประทานอาหาร

หากมีอาการใด ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาคุณหมอ เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกัน จึงควรพูดคุยกับคุณหมอเพื่อหาแนวทางในการรักษาที่ดีที่สุด

สาเหตุ

สาเหตุของกรดไหลย้อนในเด็ก

กล้ามเนื้อหูรูดมีหน้าที่กั้นระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร เมื่อทารกกลืนอาหารลงไป กล้ามเนื้อนี้จะคลายตัวและปล่อยให้อาหารไหลลงไปสู่กระเพาะ และจะปิดกลับไปตามปกติ ทำให้ของในกระเพาะอาหารไม่ไหลย้อนกลับมาทางหลอดอาหาร แต่สำหรับทารกบางราย กล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างนี้อาจยังพัฒนาไม่เต็มที่ จึงทำให้ของในกระเพาะอาหาร เช่น นม ไหลย้อนออกมาผ่านทางหลอดอาหาร ทารกจึงอาเจียนออกมา และเมื่อกล้ามเนื้อหูรูดนี้พัฒนาเต็มที่แล้วทารกก็จะไม่อาเจียนหรือแหวะนมอีก

ปัจจัยเสี่ยงกรดไหลย้อนในเด็ก

ปัจจัยที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อนของทารก มีดังต่อไปนี้

  • ทารกนอนราบเกือบตลอดเวลา
  • อาหารเหลวเกือบสมบูรณ์
  • ทารกที่คลอดก่อนกำหนด

บางครั้งการไหลย้อนของเด็กอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้น เช่น

  • โรคกรดไหลย้อน กรดไหลย้อนมีปริมาณกรดที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและอาจทำลายเยื่อบุของหลอดอาหาร
  • การแพ้อาหาร  คือการแพ้โปรตีนในนมวัว ซึ่งอาจเป็นการกระตุ้นในภาวะไหลย้อนในเด็ก
  • โรคหลอดอาหารอักเสบจากเม็ดเลือดขาวอีโอสิโนฟิล  การที่พบเม็ดเลือดขาวอีโอสิโนฟิล (Eosinophil) ในเยื่อบุหลอดอาหารมากกว่าปกติทั่วไป

การวินิจฉัยและการรักษา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัยกรดไหลย้อนในเด็ก

คุณหมอจะตรวจร่างกายและถามอาการเด็กทารก หากทารกมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ เติบโตและมีพัฒนาการตามปกติ ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องตรวจอะไรเพิ่มเติม สำหรับการตรวจเพิ่มเติมที่คุณหมออาจแนะนำ มีดังนี้

  • การตรวจด้วยภาพ เพื่อตรวจวัดความหนาตัวของผิวหนังบริเวณกระเพาะอาหารส่วนท้าย (Pyloric Stenosis) ที่ทำให้เกิดการอุดตัน
  • การตรวจสอบในห้องแล็บ การตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะ เพื่อบ่งชี้ หรือบอกความเป็นไปได้ของสาเหตุที่ทำให้เด็กอาเจียนบ่อย และน้ำหนักที่เพิ่มน้อย
  • การตรวจวัดความเป็นกรด (Esophageal pH Monitoring) เพื่อวัดระดับความเป็น กรดในหลอดอาหารของทารก โดยคุณหมอจะสอดท่อเล็ก ๆ ที่ติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดความเป็นกรดลงไปยังหลอดอาหารผ่านทางจมูกหรือปาก และทารกอาจต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลขณะที่ทำการตรวจนี้
  • เอ็กซเรย์ หรือฉายภาพ เพื่อตรวจจับความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร เช่น การอุดตัน ทารกอาจต้องได้รับสารทึบรังสีแบเรียม (Barium) ในขวดก่อนการตรวจสอบ
  • การส่องกล้องด้านบน ใช้ท่อพิเศษที่ติดตั้งกล้องและไฟ เรียกว่ากล้องเอ็นโดสโคป (Endoscope) ผ่านเข้าไปทางปากของทารก ผ่านหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนบน และอาจมีการนำเนื้อเยื่อตัวอย่างมาเพื่อวิเคราะห์ โดยอาจต้องมีการให้ยาระงับความรู้สึกทั่วไปในระหว่างตรวจด้วย

การรักษากรดไหลย้อนในเด็ก

โดยปกติแล้ว กรดไหลย้อนในเด็กมักจะหายได้เอง โดยคุณหมออาจแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้ร่วมด้วย

  • ป้อนอาหารทารกแต่ละมื้อให้น้อยลง แต่เพิ่มให้หลายมื้อขึ้น
  • ระหว่างป้อนอาหาร ควรพักให้เด็กเรอเป็นช่วง ๆ
  • หลังป้อนอาหารเสร็จ ควรประคองให้เด็กนั่งตัวตรงเป็นเวลาะเป็นเวลา 20-30 นาที
  • หากกำลังอยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรงดอาหารจำพวกนม เนื้อวัว หรือไข่ เพื่อดูว่าลูกมีอาการแพ้หรือไม่
  • อย่าป้อนอาหารลูกด้วยเมนูเดิมตลอด ควรเปลี่ยนเมนูบ้าง
  • ใช้จุกขวดนมที่ขนาดพอดีกับเด็ก เพราะจุกขวดนมที่ใหญ่หรือเล็กเกินไป อาจทำให้ลูกกลืนอากาศเข้าไปมากกว่าที่ควร

การใช้ยา

  • ไม่ควรใช้ยารักษากรดไหลย้อนในเด็กที่ไม่ได้มีอาการของโรคไหลย้อนที่ซับซ้อน เนื่องจากยานี้ป้องกันการดูดซึมแคลเซียมและธาตุเหล็ก และเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจและลำไส้เล็ก

อย่างไรก็ตาม อาจจำเป็นต้องใช้ยาป้องกันกรดในเวลาสั้นๆ เช่น แรนิทิดีน (Ranitidine) สำหรับทารกอายุ 1 เดือนจนถึง 1 ปี หรือยาโอเมพราโซล (Omeprazole)  เช่น พิโลเสค (Prilosec) สำหรับเด็กอายุ 1 ปีหรือมากกว่า หากมีอาการดังนี้

  • น้ำหนักเพิ่มน้อย และรักษาแบบธรรมดาไม่ได้ผล
  • ไม่ยอมกินอาหาร
  • มีหลักฐานบ่งชี้ว่าหลอดอาหารอักเสบ (inflamed esophagus)
  • เป็นโรคหอบหืดเรื้อรัง และโรคกรดไหลย้อน

การผ่าตัด

  • ในกรณีหายาก อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดกระชับกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างให้แน่นขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้กรดไหลย้อนกลับไปสู่หลอดอาหาร โดยวิธีรักษานี้ มักใช้เมื่อมีอาการกรดไหลย้อนรุนแรงซึ่งขัดขวางการเจริญเติบโต หรือส่งผลต่อการหายใจของเด็ก

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเอง

การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หรือการเยียวยาที่จะช่วยรับมือกรดไหลย้อนในเด็ก

ลักษณะไลฟ์สไตล์และการเยียวยาด้วยตนเองต่อไปนี้ อาจจะช่วยรับมือกับอาการของโรคได้

  • ให้เด็กนั่งตัวตรงระหว่างกินอาหาร และประคองให้เด็กนั่งตรง 20-30 นาที หลังป้อนอาหารเสร็จ แรงโน้มถ่วงจะช่วยให้สิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหาร เช่น น้ำย่อย น้ำนม อยู่ในที่ ๆ ควรอยู่ ระวังอย่ากระแทกหรือทำให้ทารกกระตุกขณะกำลังกลืนอาหารลงกระเพาะ
  • ป้อนอาหารในแต่ละมื้อในปริมาณที่น้อยลง แต่เพิ่มมื้ออาหารในแต่ละวันให้มากขึ้น 
  • ทำให้ลูกเรอ เพราะการที่เด็กเรอบ่อย ๆ ทั้งระหว่างและหลังกินอาหาร จะช่วยให้ไม่มีการก่อตัวของอากาศในกระเพาะ
  • ให้เด็กนอนหงาย ทารกส่วนใหญ่ควรจะนอนหงาย แม้จะเป็นโรคกรดไหลย้อนก็ตาม

[embed-health-tool-vaccination-tool]

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Infant reflux. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/infant-acid-reflux/symptoms-causes/syc-20351408. Accessed November 16, 2021

Reflux in Infants. https://medlineplus.gov/refluxininfants.html. Accessed November 16, 2021

Gastroesophageal Reflux Disease (GERD) in Infants or Children. https://www.webmd.com/parenting/baby/infants-children#1. Accessed November 16, 2021

Infant reflux. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/infant-acid-reflux/symptoms-causes/syc-20351408. Accessed November 16, 2021

Reflux in babies. https://www.nhs.uk/conditions/reflux-in-babies/. Accessed November 16, 2021

เวอร์ชันปัจจุบัน

17/11/2021

เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet

อัปเดตโดย: Duangkamon Junnet


บทความที่เกี่ยวข้อง

ุ6 ปัญหาผิวลูก ที่พบบ่อย มีอะไรบ้าง

วิธีอาบน้ำทารก และการดูแลร่างกายส่วนต่าง ๆ


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

Duangkamon Junnet


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 17/11/2021

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา