อาการไอเนื่องจากกรดไหลย้อนนี้อาจป้องกันได้ด้วยการงดให้เด็กกินอาหารที่อาจกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อน เช่น ช็อกโกแลต อาหารทอด อาหารมัน อาหารเผ็ด น้ำอัดลม ผลไม้รสเปรี้ยว ควรให้เด็กกินอาหารหรือเครื่องดื่มอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน ไม่กินอาหารช่วงก่อนนอน และแบ่งอาหารเป็นมื้อย่อย ๆ ให้เด็กกินอาหารแต่ละมื้อในปริมาณน้อยลง จะได้ย่อยง่ายขึ้น
โรคภูมิแพ้และโรคไซนัสอักเสบ
โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) และโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง (Chronic Sinusitis) ถือเป็นสองสาเหตุหลักของอาการไอในเด็ก โดยเด็กที่เป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้จะจามบ่อย มักมีน้ำมูกใส และดวงตาระคายเคือง ส่วนเด็กที่เป็นโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังจะมีน้ำมูกเหนียวข้นสีเหลืองปนเขียว เด็กอาจรู้สึกเหมือนมีอะไรกดทับหรือปวดที่ใบหน้า และมีอาการเหล่านี้มากกว่า 12 สัปดาห์ขึ้นไป เด็กที่เป็นโรคทั้งสองชนิดนี้มักมีอาการเสมหะไหลลงคอ (Postnasal drip) ซึ่งนำไปสู่อาการไอเรื้อรัง
คุณพ่อคุณแม่ควรให้เด็กอยู่ห่างจากสารก่อภูมิแพ้ เช่น อาหาร มลพิษ สะเก็ดหนัง ขนสัตว์ และรักษาด้วยยาแก้ภูมิแพ้ตามคำแนะนำของคุณหมอ หากเป็นไซนัสอักเสบคุณหมออาจให้รักษาด้วยยาปฏิชีวนะ หรือการล้างไซนัส
อาการไอกรน
อาการไอกรน (Whooping cough) หรือโรคไอกรน (Pertussis) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สามารถทำให้ไอติดต่อกันหลายครั้งพร้อมพร้อมมีเสียงหายใจลำบากตามมาหลังไอ โรคไอกรนทำให้มีอาการไอเรื้อรังในเด็กนานติดต่อกันได้หลายเดือน และอาจทำให้เกิดอาการหรือโรคแทรกซ้อนรุนแรงได้ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Sleep Apnea) ร่างกายขาดออกซิเจน โรคปอดอักเสบหรือปอดบวม อาการชัก หรือร้ายแรงอาจถึงขึ้นเสียชีวิต
โรคไอกรนนี้ถือเป็นโรคร้ายแรงต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย