เด็กตัวเหลือง เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีปริมาณบิลิรูบิน ซึ่งเป็นสารสีเหลืองที่เกิดจากการสลายตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดงในปริมาณมากเกินไป มักพบในช่วง 2-3 วันหลังคลอด เนื่องจากตับของเด็กแรกเกิดยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้ขับสารชนิดนี้ออกไปได้ไม่เร็วพอ จนทำให้ตาขาวและผิวหนังของเด็กมีสีเหลือง อาการนี้มักไม่อันตราย และการให้เด็กดื่มนมแม่อย่างเพียงพออาจช่วยให้อาการหายไปได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่ในกรณีที่ระดับสารบิลิรูบินสูง หรืออาการของโรคอยู่ในขั้นรุนแรง คุณหมออาจให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยวิธีที่เหมาะสมกับเด็กมากที่สุด เช่น การฉายแสง การถ่ายเลือด
เด็กตัวเหลือง เกิดจากอะไร
ภาวะตัวเหลือง หรือดีซ่าน (Jaundice) มักพบในเด็กแรกเกิดอายุ 2-3 วัน สาเหตุที่ทำให้ผิวหนังของเด็กเป็นสีเหลืองเกิดจากร่างกายมีบิลิรูบิน (Bilirubin) ซึ่งเป็นสารสีเหลืองในกระแสเลือดมากเกินไป สารชนิดนี้เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดแดงสลายตัว เมื่อมีบิลิรูบินสะสมอยู่ในกระแสเลือดจำนวนมาก จะทำให้ผิวหนังกลายเป็นสีเหลือง ในบางครั้งอาจมองเห็นเยื่อบุตามีสีเหลืองขึ้นได้
โดยปกติแล้ว ตับจะทำหน้าที่กรองบิลิรูบินออกไปทางลำไส้และขับออกจากร่างกายปนไปกับอุจจาระ แต่ร่างกายเด็กแรกเกิดจะผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงและสลายเซลล์เม็ดเลือดแดงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งตับของเด็กยังพัฒนาไม่เต็มที่ จึงไม่สามารถกำจัดบิลิรูบินออกไปได้เร็วเหมือนผู้ใหญ่ จึงทำให้มีบิลิรูบินในกระแสเลือดมากกว่าปกติ หากไม่มีอาการผิดปกติร่วมด้วย อาการตัวเหลืองอาจดีขึ้นและสีผิวจะกลับเป็นปกติภายในไม่กี่วันถึงเป็นสัปดาห์
อาการของ เด็กตัวเหลือง
อาการตัวเหลืองในเด็กแรกเกิดมักปรากฏในวันที่ 2-3 หลังคลอด โดยอาการจะเริ่มจากผิวหน้าและตาขาวกลายเป็นสีเหลือง ก่อนจะลามไปที่ท้องและที่ขาเมื่อระดับบิลิรูบินสูงขึ้น ร่วมกับมีอาการง่วงนอนตลอดเวลา เซื่องซึม ไม่มีแรง ดูดนมได้น้อยกว่าที่ควร
บางครั้ง หากปริมาณบิลิรูบินพุ่งสูงผิดปกติและไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายดังต่อไปนี้
- อาการทางสมองเฉียบพลัน (Acute bilirubin encephalopathy) เกิดขึ้นเมื่อมีบิลิรูบินปริมาณมากในกระแสเลือด เมื่อสารที่เป็นพิษต่อเซลล์สมองชนิดนี้ผ่านเข้าไปในเนื้อสมอง จะทำให้เด็กเซื่องซึม ไม่ดูดนม เป็นไข้ ร้องไห้เสียงแหลม หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- อาการทางสมองจากภาวะตัวเหลือง (Kernicterus) เกิดขึ้นเมื่อมีอาการทางสมองเฉียบพลันต่อเนื่องเป็นเวลานาน จนทำให้เซลล์สมองเสียหายถาวร อาการอาจมีดังนี้
- ภาวะสมองพิการชนิดเคลื่อนไหวผิดปกติ (Athetoid cerebral palsy) ทำให้ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกายได้ อาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงและแข็งตึงสลับไปมา เด็กอาจเคลื่อนไหวช้ามาก เร็วมาก หรือเคลื่อนไหวไม่เป็นจังหวะ
- สูญเสียการได้ยิน
- ไม่สามารถขยับตาขึ้นและลงได้ตามปกติ
- ชั้นเคลือบฟันพัฒนาไม่สมบูรณ์
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กตัวเหลือง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กตัวเหลือง อาจมีดังต่อไปนี้
- การคลอดก่อนกำหนด หากคลอดก่อนอายุครรภ์ครบ 38 สัปดาห์ จะมีการสร้างและสลายเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น ร่วมกับความไม่สมบูรณ์ของตับ ร่างกายเด็กอาจไม่สามารถกำจัดบิลิรูบินจากผิวหนังได้รวดเร็วเหมือนเด็กที่คลอดตามกำหนด นอกจากนี้ เด็กที่คลอดก่อนกำหนดยังอาจดื่มน้ำนมแม่หรือน้ำนมเสริมได้น้อย ส่งผลให้กำจัดบิลิรูบินออกทางอุจจาระได้น้อยลง
- การบาดเจ็บระหว่างคลอด เด็กแรกเกิดที่มีรอยฟกช้ำหรือเลือดออกระหว่างคลอด มีภาวะติดเชื้อในครรภ์ อาจมีปริมาณบิลิรูบินสูงเนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดแดงสลายตัวมากกว่าปกติ
- กรุ๊ปเลือดของทารก เด็กที่มีเลือดคนละกรุ๊ปกับแม่จะมีเซลล์เม็ดเลือดแดงอายุสั้นกว่าปกติ เมื่อเด็กได้รับแอนตีบอดีเฉพาะจากแม่ผ่านสายรกในครรภ์จะทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงสลายตัวเร็วผิดปกติ จนเกิดภาวะตัวเหลืองในเด็กได้
- โรค Glucose-6-phosphate Dehydrogenase (G6PD deficiency) เป็นโรคที่เม็ดเลือดแดงขาดเอนไซม์ที่จำเป็นจึงแตกตัวได้มากขึ้น
- การให้นมบุตร เด็กที่รับน้ำนมแม่ในปริมาณน้อยหรือคุณแม่มีปัญหาน้ำนมน้อย อาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ลำไส้จะดูดกลับสารอาหารรวมถึงสารต่างๆในลำไส้รวมถึงบิลิรูบินกลับเข้าสู่กระแสเลือดซ้ำ ๆ
การรักษาเมื่อ เด็กตัวเหลือง
โดยทั่วไปอาการตัวเหลืองของเด็กแรกเกิดจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากร่างกายจะขับบิลิรูบินส่วนเกินออกไปได้เอง สำหรับเด็กที่กินนมแม่แล้วตัวเหลือง ควรให้เด็กกินนมบ่อยขึ้น เพื่อให้ร่างกายเด็กได้รับสารอาหารเพียงพอและกำจัดบิลิรูบินออกจากร่างกายผ่านการถ่ายอุจจาระได้ดีขึ้น หากคุณแม่มีปัญหาน้ำนมน้อย คุณหมออาจแนะนำให้เด็กดื่มนมผงไปก่อน
ในกรณีที่อาการรุนแรงและไม่สามารถหายได้เอง อาจต้องรักษาด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- รักษาด้วยการส่องไฟ (Phototherapy) เพื่อเปลี่ยนโครงสร้างของบิลิรูบินจากละลายในไขมันเป็นละลายในน้ำแทน ซึ่งจะทำให้ถูกกำจัดออกจากร่างกายได้ง่ายกว่าเดิม ช่วยลดระดับบิลิรูบินได้
- เปลี่ยนถ่ายเลือด (Exchange Transfusion) เป็นวิธีที่ช่วยลดระดับบิลิรูบินในกระแสเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เหมาะในกรณีที่คุณแม่และเด็กมีเลือดต่างกรุ๊ปกันหรือเลือดไม่เข้ากัน รวมถึงในกรณีที่เซลล์เม็ดเลือดแดงสลายตัวง่าย มีข้อบ่งชี้เมื่อรักษาด้วยการส่องไฟแล้วไม่ได้ผล และอาการเข้าสู่ระดับรุนแรงแล้วเท่านั้น
- ให้สารละลายผ่านหลอดเลือดดำ (Intravenous Immunoglobulin หรือ IVIg) เป็นวิธีรักษาที่ช่วยลดแอนตีบอดีที่โจมตีเซลล์เม็ดเลือดแดงจนทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงสลายตัว อาจทำให้อาการตัวเหลืองทุเลาลงได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายเลือด แต่เช่นเดียวกับการเปลี่ยนถ่ายเลือดคือจะไม่เลือกการรักษานี้ในลำดับแรก ทำเมื่อวิธีอื่นไม่ได้ผลหรืออาการรุนแรงเท่านั้น
เมื่อไหร่ควรไปพบคุณหมอ
หากทารกมีอาการต่อไปนี้ ควรพาเด็กไปพบคุณหมอให้เร็วที่สุด
- เด็กมีผิวบริเวณท้อง แขน ขา เป็นสีเหลือง
- ผิวของเด็กกลายเป็นสีเหลืองเข้มขึ้น
- เยื่อบุตาขาวของเด็กกลายเป็นสีเหลือง
- เด็กไม่ค่อยขยับตัว และปลุกยาก
- น้ำหนักของเด็กไม่เพิ่มขึ้น
- เด็กไม่ค่อยดูดนม
- เด็กมีอาการอื่น ๆ เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย ร้องไห้บ่อย ร่วมกับอาการตัวเหลือง
[embed-health-tool-vaccination-tool]