การเลือกใช้บริการสถานรับเลี้ยงเด็กถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับคุณพ่อคุณแม่บางคนที่ไม่มีญาติ หรือเพื่อนบ้านคอยดูแลลูกของตน รวมถึงอาจจะไม่มีเวลาในการดูแลลูกด้วยตัวเองในบางช่วงเวลา การ เลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก สักแห่ง เพื่อให้รับผิดชอบในการดูแลลูกก็ควรจะต้องพิจารณาให้ดีเสียก่อน
[embed-health-tool-vaccination-tool]
การดูแลเด็กแบบไหน ที่เหมาะกับลูกน้อย
การดูแลลูกน้อยถือเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจ เพราะการดูแลลูกน้อยในแบบที่เหมาะสมจะทำให้ลูกน้อยได้รับการดูแลอย่างดี โดยครอบครัวส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีการดูแลลูกน้อยแบบผสมผสาน เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งหมดของลูกน้อย การเตรียมการดูแลเด็กที่ดีที่สุดคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยและครอบครัว ซึ่งประเภทของการเตรียมการที่ครอบครัวส่วนใหญ่มักจะใช้ในการดูแลลูกน้อย ได้แก่
- การดูแลโดยผู้ปกครองเท่านั้น
- การดูแลโดยญาติ
- การดูแลที่ไม่ใช่ญาติ โดยให้พี่เลี้ยง เพื่อน หรือเพื่อนบ้านเป็นผู้ดูแล อาจจะมาดูแลลูกน้อยที่บ้าน หรือดูแลที่สถานรับเลี้ยงเด็กก็ได้เช่นกัน
- การดูแลโดยสถานรับเลี้ยงเด็ก
- การดูแลเด็กเฉพาะทาง สำหรับเด็กที่มีความต้องการด้านสุขภาพเป็นพิเศษ
วิธี เลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีญาติ เพื่อน รวมถึงเวลาในการดูแลลูกน้อยในบางช่วงเวลา การเลือกใช้บริการสถานรับเลี้ยงเด็กจึงถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากจะตัดสินใจเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กสักแห่ง เพื่อให้รับผิดชอบในการดูแลลูก ก็ควรจะต้องพิจารณาให้ดีเสียก่อย โดยวิธีการเลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก สามารถพิจารณาได้จากสิ่งต่าง ๆ ดังนี้
สังเกตดูปฏิสัมพันธ์ที่เจ้าหน้าที่มีต่อเด็ก
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษในการเลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็คือ ลองดูว่าเจ้าหน้าที่มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอย่างไร ตามหลักการแล้วผู้ดูแลควรอยู่บนพื้นเพื่อเล่นกับเด็ก ๆ หรืออุ้มเด็กไว้บนตัก เนื่องจากในช่วงปีแรก ๆ ทารกต้องการความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ความรัก และการโต้ตอบกับผู้ใหญ่ เพื่อที่จะเติบโต
นั่นเป็นเหตุผลที่สำคัญอย่างยิ่งที่ผู้ดูแลคนแรกของลูกจะต้องเป็นคนที่อบอุ่นและมีการโต้ตอบกับเด็ก แม้จะเป็นการดูแลแบบกลุ่มทารกและเด็กโตก็ควรจะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่เท่าเทียมกัน นอกจากนี้ การดูแลแบบมีประสิทธิภาพยังส่งผลสำคัญต่อสุขภาพของลูกน้อยอีกด้วย
ทำสัญญาในการดูแลเด็ก
ทารกต้องการการดูแลที่สม่ำเสมอ การดูแลอย่างสม่ำเสมอนั้นจะช่วยสร้างความผูกพันกับผู้ดูแลของพวกเขา โดย Debra K.Shatoff นักบำบัดครอบครัวในคลินิกที่ St. Louis ได้ให้คำแนะนำเอาไว้ว่า หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาผู้ดูแลลูกน้อยที่บ้าน ควรจะต้องทำสัญญาในการดูแลลูกน้อยเป็นเวลา 1 ปี ส่หากกำลังพิจารณาเพื่อเลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่อาจต้องดูว่าผู้ดูแลเด็กทำงานอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กมานานแค่ไหน และมีประสบการณ์ในการเปลี่ยนสถานรับเลี้ยงเด็กมากน้อยเพียงใด
ตรวจสอบเรื่องนโยบาย และกฏระเบียบต่าง ๆ
ลองตั้งความต้องการที่อยากจะได้จากสถานรับเลี้ยงเด็กที่จะทำหน้าที่ในการดูแลลูกน้อย และพยายามค้นหาว่าสถานรับเลี้ยงเด็กไหนบ้างที่มีสิ่งที่ต้องการ เช่น
- วินัย ผู้ดูแลใช้วิธีการไหนในการพูดคุยกับลูก มีการดุ ด่า หรือไม่
- โทรทัศน์ มีการเปิดโทรทัศน์ทั้งวันหรือใช้งานเท่าที่จำเป็นหรือไม่
- การให้อาหาร มีเครื่องดื่มอะไรให้สำหรับเด็กโต
- การนอนหลับ เมื่อมีการงีบหลับหรือทารกเกิดง่วงนอนจะเข้านอนอย่างไร
อย่าลืมสอบถามเกี่ยวกับกฏระเบียบหรือข้อบังคับอื่น ๆ อย่างเรื่องกฏระเบียบสำหรับเด็กที่ป่วย เช่น เด็กมีอาการอะไรที่ทำให้เด็กไม่สามารถเข้าเรียนได้ นอกจากนี้ ควรถามด้วยว่ามีแผนสำรองหรือไม่ หากสถานรับเลี้ยงเด็กไม่สามารถดูแลเด็กได้ หรือแม้แต่ผู้ที่มาดูแลลูกน้อยในบ้านเจ็บป่วยและไม่สามารถทำงานได้ ยิ่งถามคำถามเหล่านี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสน้อยที่จะพบเจอปัญหาในภายหลัง
พยายามแวะไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กและลองสอดแนมดู
แม้ว่าการรับข้อมูลแบบปากต่อปากจากผู้ปกครองคนอื่น ๆ หรือแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้จะมีความสำคัญแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องไปดูสถานรับเลี้ยงเด็กด้วยตัวเองถึงจะดีที่สุด เพื่อประเมินว่า สถานรับเลี้ยงเด็กนั้นตรงกับความต้องการหรือไม่
แน่นอนว่าสภาพแวดล้อม การดูแลเด็กในเรื่องต่าง ๆ เช่น การรักษาความสะอาด การรักษาความปลอดภัยของเด็ก เก็บหนังสือและเก็บของเล่นที่แข็งแรงเอาไว้ในที่ที่ปลอดภัย ของเล่นควรจะต้องเหมาะสมกับวัยของเด็กด้วย นอกจากนี้ ก็ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่ควรพิจารณา เช่น เมื่อเด็กโตและเด็กเล็กต้องใช้พื้นที่ร่วมกัน ควรเก็บของเล่นที่มีชิ้นส่วนขนาดเล็กให้เรียบร้อย และเก็บให้ห่างจากเด็กที่อายุน้อยกว่า เพื่อป้องกันอันตรายจากการหยิบของเล่นใส่ปาก รวมไปถึงการสำลัก
ตามหลักการแล้วเด็กทารกและเด็กเล็กควรจะมีพื้นที่เป็นของตัวเอง ส่วนเด็กวัยเพิ่งหัดเดินนั้น ควรมีห้องหรือพื้นที่แยกเฉพาะในการเล่นของเล่นต่าง ๆ ที่ต้องแยกพื้นที่ก็เพราะ เด็กทารกที่กำลังเติบโตนั้นต้องการเวลาในการพัฒนาและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
ถ้าเป็นไปได้ลองไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กที่เดิม แต่ไปในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวัน เพื่อทำความเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอย่างไรบ้าง และกิจวัตรประจำวันในสถานรับเลี้ยงเด็กเป็นอย่างไร โดยอาจจะเข้าไปโดยไม่ต้องแจ้งสัก 2-3 ครั้ง หลังจากที่คุณตัดสินใจฝากลูกน้อยเอาไว้กับสถานรับเลี้ยงเด็ก เพื่อดูว่าสิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างไร บางครั้งการไปเยี่ยมชมอาจเป็นการยืนยันว่า สถานรับเลี้ยงเด็กนั้นเหมาะสมกับความต้องการแล้ว
พยายามพูดคุยกับผู้ดูแล
จนกว่าลูกน้อยจะพูดได้ อาจจำเป็นจะต้องพึ่งพาผู้ดูแล ซึ่งผู้ดูแลจะบอกเรื่องราวเกี่ยวกับลูกน้อยในแต่ละวัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่า สามารถสื่อสารกันได้อย่างสะดวกสบาย เมื่อส่งลูกไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กเป็นครั้งแรกในตอนเช้าควรบอกผู้ดูแลว่า ลูกน้อยนอนหลับอย่างไรในคืนก่อนหน้านี้ ฟันของลูกกำลังงอก และลูกกินอาหารเช้าหรือไม่
ส่วนในตอนท้ายของวัน ควรต้องทราบข้อมูลที่คล้ายกัน เช่น จำนวนผ้าอ้อมที่ลูกใช้ เวลาที่ลูกงีบหลับ ลูกน้อยดูมีความสุขหรือไม่ คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยกับผู้ดูแลด้วยตัวเองเสมอ หากยังไม่สามารถคุยได้ในทันทีควรถามช่วงเวลาที่สะดวกในการใช้โทรศัพท์เพื่อโทรสอบถาม
แก้ปัญหาทันที
แน่นอนว่า คุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างตนเองและผู้ดูแลได้ไม่ว่าจะเป็นในสถานรับเลี้ยงเด็กขนาดใหญ่ หรือสถานรับเลี้ยงเด็กขนาดเล็ก เมื่อเกิดปัญหาแล้วควรรีบแก้ไขปัญหาทันที โปรดอย่าเพิกเฉยจนปัญหาที่เกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องใหญ่ ปัญหาบางอย่างสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าจะเกิดความขัดแย้งอะไรก็แล้วแต่ ควรจะปฏิบัติต่อผู้ดูแลด้วยความเคารพ รวมถึงถามความคิดเห็นและรับฟังผู้ดูแลด้วย ลองหาวิธีการในการแก้ไขปัญหาร่วมกันกับผู้ดูแล เพื่อทางออกที่ดีที่สุดของทั้งตนเองและผู้ดูแล
เชื่อมั่นในความกล้าของตนเอง
คุณพ่อคุณแม่ทุกคนรู้ดีว่า เมื่อมีเรื่องบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ทางสถานรับเลี้ยงเด็กอาจจะปิดบังและไม่ให้ทุกคนในสถานรับเลี้ยงเด็กพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าหากเป็นเช่นนั้นคุณควรจะต้องค้นหาความจริงของเรื่องให้ได้ เพราะลูกน้อบของคุณควรได้รับ และเจริญเติบโตภายใต้การดูแลที่ดีและทะนุถนอม หากมีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ คุณพ่อคุณแม่ควรพยายามตรวจสอบและหาสถานรับเลี้ยงเด็กที่อื่นเอาไว้สำรอง
เปิดใจรับการเปลี่ยนแปลง
คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ดังนั้น หากเป็นเรื่องของลูกน้อยควรจะต้องใช้ความสม่ำเสมอ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณพ่อคุณแม่จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้เลย แน่นอนว่าการดูแลทารกนั้นมีความยืดหยุ่น ตราบใดที่ลูกน้อยมีประสบการณ์ที่ดีกับผู้ดูแลคนใหม่ ลูกก็จะมีความรู้สึกสบายใจ