คนเรามักมีนิสัยชอบหรือไม่ชอบกินอาหารบางอย่าง ส่วนใหญ่เนื่องมาจากเรื่องของรสชาติ แต่หากเด็กมีนิสัย เลือกกิน กินยาก อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ เช่น ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่าง ๆ และปัญหาด้านพัฒนาการของเด็กได้ ซึ่งนิสัยเลือกกินของเด็ก ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากสื่อโฆษณาที่เด็กดู จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องคัดกรองสื่อที่จะให้เด็กดู และคอยดูแลด้านโภชนาการของเด็กให้ดีและเหมาะสมตามวัย
ความชอบหรือไม่ชอบอาหารเกิดเร็วกว่าที่คิด
เป็นความจริงที่ว่า เราจะมีรสชาติที่ชอบและไม่ชอบได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดด้วยซ้ำ ความชอบเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงไป เมื่อเราเติบโตขึ้น รสชาติของอาหาร เช่น รสหวานและเค็มนั้น เป็นรสชาติที่คนมักชอบกันมาตั้งแต่เกิด โดยนักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า สัตว์ที่กินพืช จะชอบอาหารและเครื่องดื่มรสหวาน เนื่องจากมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า น้ำตาลมีความเข้มข้นของพลังงานที่สูง และมักจะไม่มีพิษ
รสขม เป็นรสชาติที่คนมักจะไม่ชอบมาแต่กำเนิด เนื่องจากอาหารที่มีรสขมส่วนใหญ่มักจะมีพิษ แต่เนื่องจากสัญชาตญาณเพื่อการเอาชีวิตรอดในธรรมชาติ พืชจึงพัฒนากลไกเพื่อรับมือกับสัตว์กินพืช ในขณะที่สัตว์เหล่านั้น ก็พัฒนาระบบประสาทสัมผัสที่เข้มข้นขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการกินพิษเช่นกัน และโชคดีที่ความชอบนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ด้วยการเปิดรับรสชาตินั้นเป็นประจำ แม้ว่ามนุษย์จะเกิดมาพร้อมกับความชื่นชอบในรสหวาน เราก็ยังสามารถที่จะเรียนรู้ที่จะชอบรสขมได้ ด้วยประสบการณ์การลิ้มรสที่ผ่านๆ มา
เราอาจจะไม่รู้ว่า อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มได้มีการใช้ข้อมูลนี้เพื่อผลประโยชน์ เพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดและการโฆษณา พวกเขาได้สร้างลักษณะนิสัยการกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพในเด็ก ด้วยการส่งเสริมการสร้างความชื่นชอบต่ออาหารที่ทำลายสุขภาพ ซึ่งความชอบนี้อาจจะยังคงติดตัวอยู่ต่อไปจนถึงวัยผู้ใหญ่เลยก็ได้
เลือกกิน กินยาก นิสัยที่อาจมาจากสื่ออุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
ผักและผลไม้ ที่มีสารอาหารและวิตามินที่ดีต่อสุขภาพ เช่น บร็อคโคลี่และแครอท ไม่มีพื้นที่ในการโฆษณามากนัก เด็กๆ ได้เห็นโฆษณาเกี่ยวกับอาหารขยะตลอดเวลา ทำให้ง่ายต่อการสร้างนิสัยการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ มีการใช้จ่ายเงินมากมายในทุกๆ วัน เพื่อซื้ออาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำตาล ไขมัน และเกลือในปริมาณสูง ซึ่งไม่เหมาะสมกับพลังงานที่ควรได้รับ สำหรับเด็กเลยแม้แต่น้อย
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า โฆษณาโน้มน้าวใจสามารถดึงดูดเด็กเล็ก ให้รู้สึกอยากกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้ ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่เคยกินเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งความชื่นชอบต่ออาหารที่ไม่มีประโยชน์นี้ มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับโรคอ้วน และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
ผลที่ตามมาของโฆษณาที่ไม่ดีเหล่านั้น คือผลกระทบที่เป็นอันตราย และสิ่งที่น่ากังวลยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การตลาดด้านอาหาร แทบจะไม่มีกฏระเบียบเลยแม้แต่น้อย การขาดกฏระเบียบ ทำให้ผู้ผลิตสามารถผลักดันการตลาดเรื่องอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ที่มุ่งเน้นไปที่เด็กโดยตรง ซึ่งจะเอื้อต่อการเกิดนิสัย เลือกกินอาหาร ที่ไม่มีประโยชน์ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย
เด็ก เลือกกิน กินยาก พ่อแม่ทำอย่างไรได้บ้าง
พ่อแม่ทุกคนควรจะเรียนรู้ เกี่ยวกับแนวทางการตลาดทางด้านอาหารในปัจจุบัน และความเกี่ยวข้องต่อผลที่ตามมาทางด้านสุขภาพ การมีความรู้จะทำให้สามารถป้องกันเด็ก จากการเปิดรับสื่อที่ไม่ดี และจำกัดผลกระทบด้านลบ ต่อแนวทางการเลือกกินอาหารของเด็กได้ ในบางครั้ง เด็กอาจจะได้รับอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพที่โรงเรียน
ในกรณีนี้คุณควรจะแสดงความคิดเห็นในช่วงการประชุมผู้ปกครอง แจ้งให้บุคลากรในโรงเรียนทราบว่า อาหารเหล่านี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็ก และนำเสนอแนวทางเลือกอื่นที่มีดีต่อสุขภาพ ควรให้ผู้ปกครองคนอื่นมาเข้าร่วมด้วย เด็กๆ ควรจะถูกห้อมล้อมไปด้วยทางเลือกของอาหารที่มีประโยชน์ตั้งแต่เด็ก เพื่อเสริมสร้างนิสัยการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และเป็นประโยชน์ตลอดชีวิตของพวกเขา
[embed-health-tool-vaccination-tool]