พ่อแม่เลี้ยงลูก

ในทุกช่วงชีวิตของลูกน้อย เหล่าคุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีดูแลและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของลูกน้อย เพื่อให้ความเป็นอยู่ของลูกน้อยดีขึ้น เพราะฉะนั้นใน พ่อแม่เลี้ยงลูก คุณจะได้พบกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลลูกให้แข็งแรง มีความสุข และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์

เรื่องเด่นประจำหมวด

พ่อแม่เลี้ยงลูก

สาเหตุอะไรที่ทำให้ วัยรุ่นสูบบุหรี่ พิษร้ายทำลายสุขภาพในระยะยาว

วัยรุ่นสูบบุหรี่ เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองไม่ควรละเลย เพราะบุหรี่เป็นสิ่งอันตรายที่สามารถส่งผลเสียระยะยาวต่อร่างกายของวัยรุ่นได้ ในปัจจุบัน มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่สูบบุหรี่และมีแนวโน้มว่าจำนวนของวัยรุ่นที่สูบบุหรี่จะเพิ่มสูงขึ้นด้วย สาเหตุหนึ่งเพราะเรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ หรือบางก็คนใช้เป็นเครื่องมือระบายความเครียด เพื่อจัดการกับปัญหาวัยรุ่นสูบหรี่ บทความนี้อาจช่วยให้คุณเข้าใจสาเหตุ และอันตรายของบุหรี่มากขึ้น เราไปหาคำตอบเรื่องนี้กันเลย สาเหตุที่ทำให้ วัยรุ่นสูบบุหรี่ สาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นสูบบุหรี่มีด้วยกันหลายสาเหตุทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก มาดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง สภาพแวดล้อมทางสังคมและทางกายภาพ การโฆษณาจากสื่อโทรทัศน์อาจทำให้วัยรุ่นหนุ่มสาวรู้สึกอยากลองสูบบุหรี่ แนวโน้มการสูบบุหรี่จะเพิ่มขึ้น หากพวกเขาเห็นเพื่อนในวัยเดียวกันสูบบุหรี่ หากคนในครอบครัวสูบบุหรี่ ก็มีแนวโน้มว่าบุตรหลานอาจรู้สึกอยากลองสูบบุหรี่ตามไปด้วย ปัจจัยทางชีวภาพและพันธุกรรม วัยรุ่นบางคนอาจมีความรู้สึกไวต่อสารนิโคติน จึงทำให้รู้สึกอยากนิโคตินได้เร็วกว่าผู้ใหญ่ ปัจจัยทางพันธุกรรมบางอย่างอาจทำให้การเลิกบุหรี่ในวัยรุ่นยากขึ้น คุณแม่ตั้งครรภ์สูบบุหรี่อาจส่งผลต่อลูก และอาจส่งผลให้เด็กสูบบุหรี่เป็นประจำในอนาคต สุขภาพจิต ปัญหาสุขภาพจิตในวัยรุ่น เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และความเครียด อาจทำให้วัยรุ่นต้องการสูบบุหรี่ ความรู้สึกส่วนตัว วัยรุ่นบางคนเริ่มสูบบุหรี่เพราะต้องการระบายความเครียดที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าบุหรี่เป็นเพียงทางออกเดียวในการกำจัดความเครียด อิทธิพลอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อวันรุ่น ความเครียดจากเศรษฐกิจตกต่ำ หรือรายได้ลดลง ไม่รู้ว่าจะเลิกบุหรี่อย่างไร ครอบครัวไม่สนับสนุนหรือมีส่วนร่วมในการเลิกบุหรี่ วัยรุ่นยังสามารถเข้าถึงการซื้อบุหรี่ได้ อาจมีพฤติกรรมเกเร ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง มองว่าตัวเองต่ำต้อย เห็นจากโฆษณาผลิตภัณฑ์บุหรี่ในร้านค้า โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต ภาพยนตร์ นิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์ วัยรุ่นสูบบุหรี่ ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ในบุหรี่มีสารเคมีหลายชนิดที่เป็นสารพิษและส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น นิโคติน ไซยาไนด์ ผู้ที่เริ่มสูบบุหรี่ครั้งแรกมักมีอาการเจ็บหรือแสบร้อนในลำคอและปอด บางคนถึงกับอาเจียนได้ และเมื่อสูบบุหรี่เป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา […]

หมวดหมู่ พ่อแม่เลี้ยงลูก เพิ่มเติม

สำรวจ พ่อแม่เลี้ยงลูก

เด็กทารก

เจ็บเหงือก สัญญาณเตือนฟันลูกน้อยกำลังขึ้น ควรดูแลอย่างไร

เจ็บเหงือก ในเด็กทารกเป็นสัญญาณว่าฟันซี่แรกของลูกเริ่มขึ้นแล้ว อาจทำให้ร้องไห้งอแงเนื่องจากรู้สึกไม่สบายตัว จนทำให้คุณพ่อคุณแม่กังวลใจ ทั้งนี้ ควรหมั่นสังเกตร่างกายของลูกน้อย และศึกษาวิธีดูแลเหงือกเพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บเหงือกในเบื้องต้น เจ็บเหงือก เกิดจากอะไร ทารกเจ็บเหงือกส่วนใหญ่อาจเกิดจากฟันซี่แรกกำลังขึ้น ซึ่งฟันซี่แรกมักขึ้นเมื่อทารกมีอายุระหว่าง 4-11 เดือน ในบางรายอาจช้ากว่านั้นแต่เด็กทารกส่วนใหญ่มักมีฟันซี่แรกขึ้นเมื่ออายุได้ 6 เดือน โดยฟันซี่แรกที่เริ่มงอกก่อนมักจะเป็นฟันสองซี่ล่างด้านหน้า หลังจากนั้นจะเป็นฟันสองซี่บนด้านหน้า อาการ เจ็บเหงือก สังเกตได้อย่างไร อาการที่บ่งบอกว่าลูกกำลังเจ็บเหงือก มีดังนี้ เหงือกมีอาการบวมและแดง เมื่อลูกน้อยร้องไห้โยเย อาจลองสังเกตช่องปาก อาจพบว่าเหงือกบวม นอกจากนั้น อาจมีอาการน้ำลายไหลย้อยมากกว่าปกติ นอนไม่หลับหรือนอนหลับไม่สนิท เนื่องจากลูกเจ็บเหงือก อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว อาจหลับยาก หรือเมื่อหลับไปแล้วอาจตื่นร้องไห้โยเยกลางดึก อาจกอดและกล่อมนอนจนกว่าลูกจะหลับสนิท  เริ่มกัดสิ่งของรอบตัว คุณพ่อคุณแม่ สามารถสังเกตจากการที่ทารกอาจเริ่มกัดสิ่งของต่าง ๆ ที่สามารถนำเข้าปาก เช่น ของเล่นยาง ผ้าอ้อม นิ้วมือ เนื่องจากเมื่อฟันซี่แรกเริ่มขึ้นมักมีอาการคันเหงือก  ร้องไห้ง่ายขึ้น ในช่วงเวลาที่ฟันของลูกกำลังจะขึ้น อาจมีอาการหงุดหงิด จนถึงขั้นร้องไห้ออกมา เนื่องจากบางทีเวลาที่ฟันกำลังดันขึ้นมาจากเหงือก อาจจะทำให้ลูกรู้สึกเจ็บหรือปวด ทำพฤติกรรมแปลก ๆ ลูกอาจมีพฤติกรรมเอามือไปถูแก้ม คาง หู เนื่องจากในช่องปากมีเส้นประสาทที่เชื่อมโยงกับหู แก้ม คาง หากมีอาการเจ็บเหงือกขึ้นอาจนำไปสู่อาจการเจ็บในส่วนอื่น ๆ จนลูกอาจทำท่าทางแปลก ๆ […]


วัคซีน

วัคซีนสำหรับเด็ก สำคัญอย่างไร และมีอะไรบ้าง

วัคซีนสำหรับเด็ก เป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ โดยช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้เตรียมพร้อมต่อสู้กับเชื้อก่อโรคต่าง ๆ เช่น โรคโปลิโอ โรคคอตีบ โรคหัด ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ หากลูกน้อยได้รับวัคซีนไม่ครบตามที่กำหนดอาจทำให้มีภูมิคุ้มกันต่ำ และเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ง่าย ดังนั้น ผู้ปกครองจึงควรใส่ใจรายละเอียดวัคซีนเด็กแต่ละชนิดและพาลูกน้อยไปรับวัคซีนที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยอย่างครบถ้วน [embed-health-tool-vaccination-tool] วัคซีนสำหรับเด็ก คืออะไร ในช่วงอายุ 6 เดือนแรก เด็กทารกควรดื่มน้ำนมแม่ เพราะน้ำนมแม่นอกจากจะมีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุมากกว่า 200 ชนิดแล้ว ยังถือเป็นวัคซีนธรรมชาติที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ ได้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้น ภูมิคุ้มกันที่ได้จากน้ำนมแม่ก็จะค่อย ๆ หมดไปภายในเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ทารกทั้งที่กินนมแม่และไม่ได้กินนมแม่ต้องได้รับวัคซีนตามช่วงอายุ เพราะวัคซีนเด็กไม่เพียงแค่ป้องกันการเกิดโรค แต่ยังช่วยป้องกันการแพร่เชื้อโรคไปสู่เด็กที่โตกว่าหรือผู้ใหญ่ได้อีกด้วย วัคซีนทำงานโดยเลียนแบบการติดเชื้อโรคบางชนิดในเด็ก วัคซีนเด็กที่เข้าสู่ร่างกายจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กพัฒนาอาวุธที่เรียกว่า สารภูมิต้านทาน หรือ แอนติบอดี (Antibody) ขึ้นมา เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคชนิดเดียวกับแต่ละวัคซีนที่เด็กได้รับ ทำให้ร่างกายของเด็กต่อสู้กับการติดเชื้อโรคในอนาคตต่อไปได้ วัคซีนสำหรับเด็ก มีอะไรบ้าง เด็กควรได้รับวัคซีนตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงอายุ 12 ปี โดยการให้วัคซีนเด็กจะต้องเป็นไปตามแบบแผนที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ โดยวัคซีนสำหรับเด็กสามารถแบ่งได้เป็น วัคซีนพื้นฐาน คือ วัคซีนจำเป็นที่เด็กทุกคนต้องได้รับ ได้แก่ วัคซีนวัณโรค (BCG) วัคซีนตับอักเสบ […]


เด็กทารก

วิธีทำความสะอาดหู สำหรับลูกน้อยให้ปลอดภัยห่างไกลการติดเชื้อ

วิธีทำความสะอาดหู ให้ลูกน้อย เป็นเรื่องสำคัญต่อการมีสุขภาพร่างกายที่ดีในภาพรวม เนื่องจากหูเป็นอวัยวะที่ค่อนข้างบอบบางและไวต่อการติดเชื้อ คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องใส่ใจและระมัดระวังในการทำความสะอาดหู ควรเลือกใช้วิธีทำความสะอาดหูที่ถูกต้อง ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของเชื้อโรคซึ่งอาจนำไปสู่การอักเสบหรือติดเชื้อได้ การแคะหู วิธีทำความสะอาดหู นิยมใช้วิธีการแคะขี้หูให้ลูกน้อย ซึ่งค่อนข้างอันตรายและอาจเกิดการติดเชื้อได้ พราะการแคะหูเป็นเพียงการนำขี้หูออกมาเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่อาจทำให้ขี้หูส่วนใหญ่ถูกดันลึกลงไปในหู จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในหูได้ในที่สุด และหากคุณพ่อคุณแม่มือไม่นิ่งพอ การแคะหูอาจไปกระทบกระเทือนกับแก้วหู และเยื่อบุช่องหู จนทำให้หูลูกน้อยเกิดอันตรายและมีปัญหาสุขภาพ เช่น แก้วหูทะลุ อาการปวดในหู หูอักเสบเรื้อรัง ตามมาได้ในภายหลัง วิธีทำความสะอาดหูที่ถูกต้อง คุณพ่อคุณแม่ควรทำความสะอาดหูเด็กเป็นประจำทุกวัน แทนการแคะหู ให้ใช้สำลีก้อน หรือผ้านุ่ม ๆ ชุบน้ำอุ่นแล้วบีบให้หมาด จากนั้นเช็ดใบหูทั้งด้านหน้าและด้านหลังให้ทั่วอย่างเบามือ โดยต้องระวัง อย่าแหย่ผ้าหรือสำลีเข้าในหูโดยเด็ดขาด และอย่าให้น้ำเข้าไป เพราะอาจทำให้ช่องหูมีปัญหาได้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำว่า คุณพ่อคุณแม่ควรปล่อยขี้หูที่อยู่ในหูลูกไว้ ไม่ต้องทำอะไร เพราะส่วนใหญ่จะระบายออกมาได้เอง ควรเช็ดทำความสะอาดแค่ขี้หูที่อยู่ด้านนอก แต่หากกังวลว่าจะเกิดปัญหาขี้หูอุดตัน สามารถทำความสะอาดช่องหูลูกน้อยได้ด้วยการใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ซึ่งเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อชนิดอ่อน แต่อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ และหากแพทย์อนุญาต จึงค่อยทำความสะอาดหูเด็กด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ วิธีทำความสะอาดหูเด็กด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ การใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เป็นการทำความสะอาดหูด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อชนิดอ่อน ซึ่งจำเป็นต้องทำด้วยความระมัดระวัง โดยควรปฏิบัติ ดังนี้ เตรียมอุปกรณ์ให้เรียบร้อย ได้แก่ สำลีก้อนหรือผ้านุ่มชุบน้ำอุ่นบิดหมาด แก้ว ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่หยด ไม้ปั่นหูขนาดเล็ก ขั้นตอนทำความสะอาดหู ดังนี้ ค่อย ๆ เช็ดบริเวณใบหูด้านนอกด้วยสำลีก้อนหรือผ้านุ่ม […]


เด็กทารก

เปลี่ยนแพมเพิส ให้รวดเร็วและปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ก็ทำได้

เปลี่ยนแพมเพิส หมายถึง การทำความสะอาดส่วนเปียกชื้นของทารกด้วยการเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จรูปหลังจากปัสสาวะหรืออุจจาระเสร็จเรียบร้อย โดยใช้แพมเพิสผืนใหม่ เพื่อให้ทารกสบายตัว ป้องกันผื่นแดงที่เกิดจากการหมักหมา รวมทั้งป้องกันการติดเชื้อ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแพมเพิสจำเป็นต้องทำให้ถูกวิธีเพื่อความสะอาดและปลอดภัย สิ่งที่ต้องเตรียมก่อน เปลี่ยนแพมเพิส ในช่วงแรก คุณพ่อคุณแม่อาจยังกังวลว่าต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ้าอ้อมนาน การเตรียมข้าวของเครื่องใช้ในการเปลี่ยนผ้าอ้อมให้พร้อมก่อนลงมือจึงถือเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยสิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับการเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็กมีดังนี้ แพมเพิสหรือผ้าอ้อมสำเร็จรูปเด็ก 1 แผ่น ผ้าขนหนู หรือสำลีก้อนชุบน้ำอุ่นบิดหมาด หรือทิชชู่เปียก ผ้าขนหนูแห้ง 1 ผืน ครีมทาผื่นผ้าอ้อม แผ่นรองเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือทิชชู่แผ่นใหญ่แบบหนา วิธีเปลี่ยนแพมเพิส วิธีเปลี่ยนแพมเพิสนั้น สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยขั้นตอน ดังนี้ 1. ล้างมือให้สะอาด ก่อนที่จะเริ่มลงมือเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกน้อย สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องจำให้ขึ้นใจและหมั่นทำเป็นประจำจนเป็นนิสัยเลยก็คือ ต้องล้างมือให้สะอาด เพื่อป้องกันเชื้อโรค และทางที่ดีคุณพ่อคุณแม่ไม่ควรไว้เล็บยาว แหลมมากเกินไป เพราะอาจเผลอข่วนลูกน้อยได้ 2. เตรียมแพมเพิสให้พร้อม นำสำลีชุบน้ำหรือผ้าเปียกมาวางไว้ใกล้มือ รวมทั้งผ้าอ้อมสำเร็จรูปแผ่นใหม่มาวางเตรียมไว้บนแผ่นเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เรียบร้อย จากนั้นค่อย ๆ วางทารกลงบนแผ่นเปลี่ยนผ้าอ้อม โดยต้องแน่ใจว่าเป็นพื้นผิวที่เรียบ อ่อนนุ่ม โดใช้มือข้างหนึ่งแตะตัวลูกน้อยไว้เสมอ เพื่อป้องกันการกลิ้งไปมา เสร็จแล้วจึงแกะผ้าอ้อมสำเร็จรูปผืนเก่าออกจากตัวลูกน้อย โดยใช้มือข้างหนึ่งรวบขาทั้งสองข้างของเด็กขึ้น ส่วนอีกมือแกะผ้าอ้อมเด็กออก 3. ลงมือทำความสะอาด เช็ดก้นเด็กรอบแรกก่อน โดยใช้ด้านหน้าของผ้าอ้อมสำเร็จรูปผืนที่เพิ่งแกะออก จากนั้นใช้ทิชชู่เปียก ผ้าขนหนู หรือสำลีที่ชุบน้ำอุ่นไว้ บิดหมาด ๆ แล้วค่อย […]


ปัญหาสุขภาพเด็กแบบอื่น

เด็กเล่นโทรศัพท์ ข้อควรระวังกับผลเสียต่อสุขภาพและพัฒนาการ

เด็กเล่นโทรศัพท์ เป็นพฤติกรรมของเด็กที่ใช้โทรศัพท์มือถือในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งเพื่อดูรายการโทรทัศน์ เล่นเกม ส่งข้อความ โทรหรือวิดีโอคอลคุยกับเพื่อน ซึ่งหน้าจอโทรศัพท์ รวมทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ล้วนแต่มีคลื่นไมโครเวฟที่่อาจเป็นอันตรายได้ ยิ่งโดยส่วนใหญ่เด็กในปัจุบันนี้มีโทรศัพท์มือถือเป็นของตัวเองทำให้โทรศัพท์อยู่กับตัวตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องศึกษาถึงผลเสียจากการเล่นโทรศัพท์ รวมทั้งข้อควรระวังและวิธีแก้ไข เหตุผลที่เด็กเล่นโทรศัพท์ คลื่นที่ถูกส่งออกมาจากโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพของ อาจถึงขั้นทำให้เป็นโรคมะเร็งได้ แต่ปัจจุบันนี้เด็กนิยมเล่นโทรศัพท์เพราะสาเหตุ ดังนี้ โทรศัพท์มือถือกลายเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ติดต่อสื่อสาร รวมถึงสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็ว และทำกิจกรรมได้หลายอย่าง ทั้งดูโทรทัศน์ ค้นคว้าหาข้อมูล ฟังเพลง ถ่ายรูป แชทหรือโทรคุยกับเพื่อน ดูวิดีโอ เล่นโซเชี่ยลมีเดีย ติดตามดาราหรือบุคคลมีชื่อเสียงที่่ชื่นชอบ จึงทำให้จำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทั่วโลกรวมทั้งจำนวนเด็กเล่นโทรศัพท์เพิ่มขึ้นรวดเร็วตามไปด้วย การพัฒนาประสิทธิภาพต่าง ๆ ดีขึ้น รวมถึงสัญญาณในการติดต่อสื่อสาร ผู้ใช้จึงใช้โทรศัพท์มือถือในการติดต่อสื่อสารในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น มีสิ่งน่าสนใจ เร้าอารมณ์ความรู้สึก กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น ซึ่งตอบสนองพฤติกรรมของเด็กและเป็นไปตามช่วงวัยและพัฒนาการ ไม่ควรปิดกั้นแต่ควรหาวิธีจำกัดการใช้งาน อันตรายจากคลื่นไมโครเวฟ  หากคุณแม่ใช้โทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากจนเกินไปขณะที่กำลังตั้งครรภ์ จะมีความเสี่ยงในการได้รับคลื่นไมโครเวฟมากกว่าเด็กที่คลอดออกมาแล้วมากพอสมควร เนื่องจากเนื้อเยื่อสมองของเด็กทารกนั้นสามารถดูดซึมคลื่นไมโครเวฟได้ถึง 2 เท่า ไม่เพียงเท่านั้น คลื่นนี้ยังถูกดูดซึมไปยังกระดูกสันหลังได้มากกว่าผู้ใหญ่ถึง 10 เท่า ทั้งนี้ นอกจากนี้ ยังมีบทความวิจัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคลื่นมือถือกับเนื้องอกในสมอง เผยแพร่ในวารสาร Pathophysiology พ.ศ. 2552 ระบุว่า […]


สุขภาพวัยรุ่น

อาหารที่เหมาะสมกับวัยรุ่น เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงทั้งร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ

อาหารที่เหมาะสมกับวัยรุ่น คือ อาหารที่มีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีอายุประมาณ 12-20 ปี เพื่อช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรงทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ รวมทั้งได้รับพลังงานอย่างเพียงพอเพื่อนำไปใช้ในการทำกิจกรรมแต่ละวัน เนื่องจากในแต่ละช่วงวัยต้องการสารอาหารแต่ละชนิดในปริมาณที่แตกต่างกันออกไป จำเป็นต้องเลือกรับประทานเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เหมาะสมแก่วัย อาหารที่เหมาะสมกับวัยรุ่น อาหารที่เหมาะสมกับวัยรุ่น คืออาหารที่ให้สารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและพัฒนาการด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะในส่วนของการสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ และเลือด วัยรุ่นจำเป็นต้องรับประทานอาหารหลากหลายเพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องเลือกสรรอาหารที่เหมาะสมกับวัยรุ่น ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีไขมัน โซเดียม หรือน้ำตาลสูง แต่ควรให้รับประทานอาหารที่ให้สารอาหารแก่ร่างกายทั้งไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น โดยเฉพาะสารอาหารดังนี้ 1. ธาตุเหล็ก ร่างกายต้องการธาตุเหล็กเพื่อใช้ในการสร้างฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์เม็ดเลือดแดง มีหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์และอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ ธาตุเหล็กยังช่วยในการเผาผลาญโปรตีน เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้อวัยวะภายในและกล้ามเนื้อของวัยรุ่นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเจริญเติบโตได้เป็นปกติ ทั้งยังช่วยให้มีสมาธิ และนอนหลับได้ดีขึ้น หากร่างกายวัยรุ่นได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอจะทำให้เหนื่อยง่าย หายใจหอบ ติดเชื้อและเป็นหวัดบ่อย ปวดศีรษะเป็นประจำ และไม่มีสมาธิในเวลาเรียน ธาตุเหล็ก พบได้มากในเนื้อสัตว์ไร้มัน เนื้อไก่ ปลา อาหารทะเล ผักใบเขียว ถั่วเหลือง ธัญพืช ผลไม้แห้ง เป็นต้น วัยรุ่นชายควรได้รับธาตุเหล็กในปริมาณ 11 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนวัยรุ่นหญิงควรได้รับธาตุเหล็กในปริมาณ 15 มิลลิกรัมต่อวัน สาเหตุที่วัยรุ่นหญิงต้องการธาตุเหล็กมากกว่าวัยรุ่นชาย ก็เพราะอยู่ในช่วงเริ่มมีประจำเดือน […]


โภชนาการเด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

ลูกติดหวาน ควรทำอย่างไร

ลูกติดหวาน เป็นหนึ่งในปัญญาที่สร้างความหนักใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ เมื่อลูกเอาแต่รับประทานขนมหวาน ไม่ว่าจะเป็นลูกอม ไอศกรีม เค้ก โดนัท หรือน้ำอัดลม จนไม่ยอมกินข้าว ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน โรคขาดสารอาหาร โรคเบาหวาน ฟันผุ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรศึกษาวิธีรับมืออย่างเหมาะสมเมื่อลูกติดหวาน เพื่อช่วยดูแลสุขภาพของลูกให้แข็งแรง ห่างไกลโรค [embed-health-tool-vaccination-tool] สาเหตุที่ทำให้ลูกติดหวาน น้ำนมแม่มีรสหวานอ่อน ๆ ทำให้เด็กชอบกินหวานมาตั้งแต่กำเนิด อีกทั้งต่อมรับรสของเด็กยังไวต่อสัมผัสมากกว่าผู้ใหญ่ เวลาได้กินอาหารรสชาติใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคย เด็กจึงรับรสได้มากกว่าผู้ใหญ่ และอาจรู้สึกแปลก ๆ เลยไม่ค่อยชอบรสชาติใหม่ที่ได้ลิ้มลองเท่าไหร่นัก นอกจากนี้ เด็กยังมีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ทำให้ร่างกายของลูกโหยหาอาหารที่ให้พลังงานสูง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กจะชอบกินของหวาน เช่น แพนเค้ก โดนัท ลูกอม อมยิ้ม เพราะน้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายสามารถย่อยและนำไปใช้ได้ไวกว่าสารอาหารประเภทอื่น แต่ถึงอย่างนั้น เด็กกินของหวานมากไปก็ไม่ใช่เรื่องดี โดยสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association หรือ AHA) แนะนำว่า เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี ไม่ควรบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีการเติมน้ำตาลโดยเด็ดขาด ส่วนเด็กอายุ 2-18 ปี ไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกินวันละ 25 […]


เด็กทารก

ฝึกลูกกินข้าวเอง เคล็ดลับง่าย ๆ ที่พ่อแม่ควรใส่ใจตั้งแต่ขวบปีแรก

ฝึกลูกกินข้าวเอง อาจเริ่มได้ตั้งแต่ช่วงขวบปีแรก ซึ่งจะช่วยให้เด็กสามารถรู้จักฝึกหัดช่วยเหลือตัวเอง เป็นการแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ทำให้มีเวลาเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเป็นการส่งเสริมทักษะและพัฒนาการการใช้นิ้ว มือ และรู้จักควบคุมการเคลื่อนไหวของเด็ก อีกทั้งฝึกฝนให้เด็ก ๆ เริ่มรู้จักควบคุมตัวเองและรับผิดชอบตัวเอง [embed-health-tool-vaccination-tool] ควร ฝึกลูกกินข้าวเอง เมื่อไรดี โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเด็กมีอายุ 7-9 เดือน ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้น ฝึกลูกกินข้าวเอง   ในช่วงเวลานี้ ลูกน้อยสามารถนั่งตัวตรงได้ด้วยตัวเอง และเริ่มฝึกการควบคุมการเคลื่อนไหว และใช้นิ้วมือในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้แล้ว การหยิบจับของเด็กเล็ก จะเริ่มจากการใช้หัวแม่มือร่วมกับนิ้วอื่น ๆ มีสัญญาณต่าง ๆ ที่สามารถบ่งบอกได้ว่า ลูกน้อยพร้อมแล้ว สำหรับฝึกกินอาหารด้วยตนเอง เช่น สามารถนั่งได้ด้วยตนเอง หยิบจับสิ่งของเข้าปากได้ เริ่มเคี้ยวอาหารได้ ถือขวดนมได้เองระหว่างป้อนนม เริ่มต้น ฝึกลูกกินข้าวเอง ได้อย่างไร ขั้นตอนแรก ควรให้โอกาสลูกน้อย ในการลองกินอาหารด้วยตัวเองก่อน ลองให้อาหารแห้ง ชิ้นใหญ่ (แต่ไม่ใหญ่จนอาจทำให้สำลัก) หรืออาจแบ่งอาหารออกเป็น 4-5 ชิ้น แล้วค่อย ๆ เพิ่มอย่างช้า ๆ วางลงในจานข้าวขณะที่ลูกกินอาหาร เนื่องจากการเริ่มต้นด้วยอาหารที่มากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งวางไว้ในจุด ๆ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน