พ่อแม่เลี้ยงลูก

ในทุกช่วงชีวิตของลูกน้อย เหล่าคุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีดูแลและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของลูกน้อย เพื่อให้ความเป็นอยู่ของลูกน้อยดีขึ้น เพราะฉะนั้นใน พ่อแม่เลี้ยงลูก คุณจะได้พบกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลลูกให้แข็งแรง มีความสุข และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์

เรื่องเด่นประจำหมวด

พ่อแม่เลี้ยงลูก

สาเหตุอะไรที่ทำให้ วัยรุ่นสูบบุหรี่ พิษร้ายทำลายสุขภาพในระยะยาว

วัยรุ่นสูบบุหรี่ เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองไม่ควรละเลย เพราะบุหรี่เป็นสิ่งอันตรายที่สามารถส่งผลเสียระยะยาวต่อร่างกายของวัยรุ่นได้ ในปัจจุบัน มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่สูบบุหรี่และมีแนวโน้มว่าจำนวนของวัยรุ่นที่สูบบุหรี่จะเพิ่มสูงขึ้นด้วย สาเหตุหนึ่งเพราะเรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ หรือบางก็คนใช้เป็นเครื่องมือระบายความเครียด เพื่อจัดการกับปัญหาวัยรุ่นสูบหรี่ บทความนี้อาจช่วยให้คุณเข้าใจสาเหตุ และอันตรายของบุหรี่มากขึ้น เราไปหาคำตอบเรื่องนี้กันเลย สาเหตุที่ทำให้ วัยรุ่นสูบบุหรี่ สาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นสูบบุหรี่มีด้วยกันหลายสาเหตุทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก มาดูกันว่ามีอะไรกันบ้าง สภาพแวดล้อมทางสังคมและทางกายภาพ การโฆษณาจากสื่อโทรทัศน์อาจทำให้วัยรุ่นหนุ่มสาวรู้สึกอยากลองสูบบุหรี่ แนวโน้มการสูบบุหรี่จะเพิ่มขึ้น หากพวกเขาเห็นเพื่อนในวัยเดียวกันสูบบุหรี่ หากคนในครอบครัวสูบบุหรี่ ก็มีแนวโน้มว่าบุตรหลานอาจรู้สึกอยากลองสูบบุหรี่ตามไปด้วย ปัจจัยทางชีวภาพและพันธุกรรม วัยรุ่นบางคนอาจมีความรู้สึกไวต่อสารนิโคติน จึงทำให้รู้สึกอยากนิโคตินได้เร็วกว่าผู้ใหญ่ ปัจจัยทางพันธุกรรมบางอย่างอาจทำให้การเลิกบุหรี่ในวัยรุ่นยากขึ้น คุณแม่ตั้งครรภ์สูบบุหรี่อาจส่งผลต่อลูก และอาจส่งผลให้เด็กสูบบุหรี่เป็นประจำในอนาคต สุขภาพจิต ปัญหาสุขภาพจิตในวัยรุ่น เช่น ภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และความเครียด อาจทำให้วัยรุ่นต้องการสูบบุหรี่ ความรู้สึกส่วนตัว วัยรุ่นบางคนเริ่มสูบบุหรี่เพราะต้องการระบายความเครียดที่เกิดขึ้นในขณะนั้น เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าบุหรี่เป็นเพียงทางออกเดียวในการกำจัดความเครียด อิทธิพลอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อวันรุ่น ความเครียดจากเศรษฐกิจตกต่ำ หรือรายได้ลดลง ไม่รู้ว่าจะเลิกบุหรี่อย่างไร ครอบครัวไม่สนับสนุนหรือมีส่วนร่วมในการเลิกบุหรี่ วัยรุ่นยังสามารถเข้าถึงการซื้อบุหรี่ได้ อาจมีพฤติกรรมเกเร ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง มองว่าตัวเองต่ำต้อย เห็นจากโฆษณาผลิตภัณฑ์บุหรี่ในร้านค้า โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต ภาพยนตร์ นิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์ วัยรุ่นสูบบุหรี่ ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ในบุหรี่มีสารเคมีหลายชนิดที่เป็นสารพิษและส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น นิโคติน ไซยาไนด์ ผู้ที่เริ่มสูบบุหรี่ครั้งแรกมักมีอาการเจ็บหรือแสบร้อนในลำคอและปอด บางคนถึงกับอาเจียนได้ และเมื่อสูบบุหรี่เป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา […]

หมวดหมู่ พ่อแม่เลี้ยงลูก เพิ่มเติม

สำรวจ พ่อแม่เลี้ยงลูก

ลูกวัยเตาะแตะและเด็กก่อนวัยเรียน

ลูกน้อยวัย 35 เดือน

ลูกน้อยวัย 35 เดือน เปฺ็นช่วงที่ควรหากิจกรรมต่าง ๆ ให้ลูกได้ทำ เช่น ทำอาหาร ทำสวน เล่นนอกบ้าน เดินเล่น เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการ และทำให้รู้สึกสนุกนาน นอกจากนี้ ควรได้รับวัคซีนตามที่แนะนำครบถ้วน เช่น วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ การเจริญเติบโตและพฤติกรรม ลูกน้อยควรจะต้องทำอะไรได้บ้าง พยายามอย่าคิดมากถ้าลูกน้อยก่อนวัยเรียนจะชอบคุณพ่อคุณแม่ของเพื่อนมากกว่า แต่ลูกอาจตัดสินใจในวันใดหนึ่งขึ้นมาว่า มีแต่คุณพ่อคนเดียวเท่านั้นที่จะอ่านนิทานก่อนนอนให้ฟังได้ สาเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็อาจมาจากความเคยชิน ถ้าคุณแม่พาเขาไปฝากคนอื่นเลี้ยงเด็กทุกวัน เด็กก็จะเกิดความไม่พอใจขึ้นมาได้ โดยปกติทั่วไป มีหลักฐานให้เห็นกันอยู่แล้วว่า ถ้าคุณพ่อคุณแม่จากลูกน้อยไปไหนไกล ๆ ลูกน้อยจะแสดงอาการไม่พอใจ เพราะเวลาที่กลับมา ลูกน้อยก็มักจะพูดขึ้นเสมอว่า “คิดถึงพ่อกับแม่จัง” “หนูไม่ชอบแบบนี้เลย” “หนูกลัวว่าพ่อกับแม่จะทำแบบนี้อีก” สำหรับเด็กก่อนวัยเรียนแล้ว เส้นแบ่งระหว่างจินตนาการกับความเป็นจริงนั้นเป็นเพียงเส้นบาง ๆ เท่านั้น ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมลูกถึงชอบโกหก แต่ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวง ลูกน้อยควรเตรียมตัวอย่างไร ถ้าคุณรู้สึกเบื่อในระหว่างที่ลูกเล่นตุ๊กตา หรือเล่นต่อบล็อกไม้ ก็ไม่ต้องรู้สึกผิดที่จะปล่อยให้ล่นคนเดียวบ้างเป็นบางครั้ง เพราะนั่นจะช่วยให้ลูกพึ่งพาตัวเองได้ นอกจากนี้ คุณควรมองหาทางเลือกอื่นที่ทำร่วมกันกับลูกน้อยได้โดยไม่เบื่อ เช่น ทำอาหาร ทำสวน เล่นนอกบ้าน เดินเล่น ลูกน้อยในวัยนี้อาจชอบพูดโกหก ฉะนั้นอย่าไปทำอะไรให้ลูกเห็นถึงความน่ากลัวในการพูดความจริง เช่น ถ้าเขาปฎิเสธว่า ไม่ได้ขีดเขียนผนังบ้าน ก็ควรช่วยลูกทำความสะอาดรอยเปรอะเปื้อนบนผนังอย่างสงบและใจเย็น และอธิบายให้เข้าใจว่าดินสอเทียนมีไว้ขีดเขียนบนกระดาษ ไม่ใช่บนผนัง เด็กส่วนใหญ่จะปั่นรถสามล้อได้ในช่วงอายุระหว่าง 2-3 ขวบ […]


ลูกวัยเตาะแตะและเด็กก่อนวัยเรียน

ลูกน้อยวัย 34 เดือน มีพัฒนาการอย่างไร

ลูกน้อยวัย 34 เดือน มีพัฒนาการที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากวัยเตาะแตะมาเป็นวัยเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมทักษะด้านต่าง ๆ ทั้งด้วยการเล่น การรับประทานอาหาร และสังเกตพฤติกรรมลูกน้อยอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นช่วงวัยที่เขากำลังสำรวจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น [embed-health-tool-vaccination-tool] การเจริญเติบโตและพฤติกรรม ลูกน้อยควรจะต้องทำอะไรได้บ้าง นอกเหนือจากทักษะทางด้านภาษาที่ดีขึ้นแล้ว ลูกน้อยอาจมีบุคลิกที่ดูน่ารำคาญเกิดขึ้นในช่วงนี้ด้วย นั่นก็คือบุคลิกที่ดูเจ้ากี้เจ้าการ “ใส่เสื้อคลุมให้หน่อย” “แม่มานี่หน่อย!” “พ่อนั่งตรงนี้” ลูกน้อยมองตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ดังนั้นเขาจึงเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ที่ใคร ๆ จะต้องหมุนรอบตัวเขา ไม่ใช่เป็นเพราะคุณพ่อคุณแม่พูดหรือทำอะไรตล๊ก…ตลกในชีวิตประจำวัน แต่เขาจะแสดงปฎิกิริยาต่อเรื่องตลกพวกนั้นแบบเกินจริงมาก การที่เขาชอบความตลกโปกฮานั้น ไม่ใช่เรื่องฟังดูตลกเท่านั้นนะ แต่เขาชอบที่มีการทำเสียงแปลก ๆ การแสดงทางใบหน้าที่ดูตลก ๆ ด้วย ลูกน้อยควรเตรียมตัวอย่างไร ถึงแม้ว่าลูกน้อยอาจเข้าใจยาก แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนให้เขาอ่อนโยนขึ้นได้ ด้วยการพยายามให้ลูกน้อยใช้คำว่า “กรุณา” และ “ใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวล” เวลาที่เขาเรียกร้องต้องการอะไร ถ้าไม่ได้ฝึกลูกน้อยให้รู้จักการใช้ห้องน้ำ หรือฝึกไม่สำเร็จก่อนหน้านี้ ช่วงเวลานี้ก็นับเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ฝึกให้เขารู้จักวิธีใช้ห้องน้ำดูอีกที ตอนนี้ลูกน้อยพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้นแล้ว และจะอยากเข้าห้องน้ำด้วยตัวเอง ก่อนอื่นก็อธิบายให้เขาฟังว่าชักโครกมีไว้ทำอะไร ในขณะที่เขานั่งอยู่บนชักโครกโดยปิดฝาเอาไว้ วิธีนี้จะช่วยลดความน่ากลัวลงได้ ควรพาลูกน้อยไปที่ชักโครกทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อคอยเตือนลูกน้อยและป้องกันอุบัติเหตุ โดยควรทำแบบนี้เป็นกิจวัตร ยกตัวอย่างเช่น ในทุก ๆ เช้า ก่อนช่วงงีบหลับในตอนกลางวัน และในช่วงกล่อมนอนตอนกลางคืน เพื่อเป็นการเตือนให้ลูกน้อยเข้าห้องน้ำ หลังจากใช้ห้องน้ำเสร็จแล้ว […]


ลูกวัยเตาะแตะและเด็กก่อนวัยเรียน

พัฒนาการเด็ก เดือนที่ 13 เป็นอย่างไรบ้าง

พัฒนาการเด็ก เดือนที่ 13 โดยทั่วไป เด็กอาจมีพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยอาจจะเลือกกินมากขึ้น นอกจากนี้ พฤติกรรมการนอนก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น คุณแม่ควรศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมเด็กเดือนที่ 13 เอาไว้ เพื่อจะได้ดูแลได้อย่างถูกต้อง [embed-health-tool-vaccination-tool] การเจริญเติบโต พฤติกรรมและ พัฒนาการเด็ก เดือนที่ 13 ลูกน้อยจะเติบโตและมีพัฒนาการเด็ก เดือนที่ 13 อย่างไร ลูกน้อยวัย 13 เดือน อาจมีพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม อาจเลือกกินมากขึ้น ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่อาจให้ลูกน้อยได้ลองรับประทานอาหารชนิดต่าง ๆ หรืออาหารที่ไม่ชอบกินมาก่อน เพราะการรับรสของลูกน้อยจะพัฒนาขึ้น จึงควรลองใช้เครื่องปรุงรสต่าง ๆ  แต่ควรระวังหากลูกน้อยน้ำหนักลด หรือมีอาการอื่น ๆ เช่น เป็นไข้ ท้องเสีย อาจเกิดการติดเชื้อทางเดินอาหาร ซึ่งควรพาลูกน้อยไปพบคุณหมอ ไม่เพียงแต่พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เปลี่ยนไป พฤติกรรมการนอนของลูกน้อยก็อาจเปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยลูกน้อยที่นอนหลับเป็นปกติมาตลอด อาจตื่นขึ้นมากลางดึก ในช่วงอายุระหว่าง 12-14 เดือน และเริ่มฝัน ซึ่งฝันนั้นอาจทำให้ตกใจและร้องไห้กลางดึก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรปลอบโยน ด้วยการนอนกับลูกน้อยจนกว่าจะหลับ อาการเช่นนี้จะผ่านไปในไม่ช้า ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร บางครั้งการที่ลูกน้อยเลือกรับประทานมากขึ้นอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่เครียด แต่ก็ไม่ควรบังคับให้ลูกน้อยรับประทานอาหารมากจนเกินไป ควรปล่อยให้รับประทานตามความต้องการ แม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมปริมาณการรับประทานอาหารของลูกน้อยได้ แต่คุณพ่อคุณแม่คือผู้ควบคุมสิ่งที่ลูกน้อยรับประทานเข้าไป ดังนั้น จึงควรเลือกอาหารที่มีประโยชน์ […]


ลูกวัยเตาะแตะและเด็กก่อนวัยเรียน

พัฒนาการเด็ก เดือนที่ 12 พ่อแม่ควรส่งเสริมเรื่องอะไร

พัฒนาการเด็ก เดือนที่ 12 คือ ช่วงที่ลูกน้อยจะเริ่มเดินได้ด้วยตัวเอง โดยอาจจะยังเกาะสิ่งของต่าง ๆ เพื่อใช้ในการพยุงตัว นอกจากนั้น ยังเริ่มเปล่งเสียงพูดได้เป็นภาษามากขึ้น และเริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิดและหาวิธีส่งเสริมพัฒนาการและทักษะด้านต่าง ๆ ของลูกน้อยให้เหมาะสมกับวัย [embed-health-tool-vaccination-tool] การเจริญเติบโต พฤติกรรมและ พัฒนาการเด็ก เดือนที่ 12 ลูกน้อยจะเติบโตและมีพัฒนาการเด็ก เดือนที่ 12 อย่างไร ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ลูกน้อยมีอายุครบ 1 ขวบ และเริ่มเดินได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเด็กหลายคนอาจเริ่มเดินเมื่ออายุระหว่าง 9-12 เดือน และจะเดินคล่องแคล่วขึ้นเมื่อมีอายุได้ 14 หรือ 15 เดือน อย่างไรก็ตาม หากลูกน้อยยังเกาะเฟอร์นิเจอร์บางอย่างไม่ยอมปล่อย ไม่ควรเป็นกังวลมากเกินไป เพราะถือเป็นเรื่องปกติที่เด็กแต่ละคนอาจมีพัฒนาการช้าเร็วแตกต่างกันไป นอกจากนั้น ลูกน้อยจะเริ่มเปล่งเสียงพูดได้เป็นภาษามากขึ้น หลังจากที่พูดอ้อแอ้มาเมื่อหลายเดือนก่อน คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุยกับลูก เปล่งเสียงถ้อยคำต่าง ๆให้ชัดเจน เพื่อลูกจะได้เรียนรู้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้ ความสามารถและพัฒนาการในการพูดของเด็กแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน ควรให้เวลาลูกน้อยได้เรียนรู้ หากอยู่กับผู้ใหญ่ที่พูดคุยกับเด็กตลอดเวลา อาจทำให้เด็กมีพัฒนาการพูดที่เร็วขึ้น ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร ส่งเสริมให้ลูกน้อยเดิน ด้วยการให้ลูกน้อยได้เคลื่อนไหวบ่อย ๆ โดยไม่ต้องช่วย หรือคอยอุ้มจนบ่อยเกินไป ถ้าลูกน้อยพยายามจะเดินเตาะแตะ และหกล้มบ้าง ควรปล่อยให้เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง […]


เด็กทารก

เปลเด็ก ควรเลือกซื้ออย่างไร และวิธีใช้เปลเด็กให้ปลอดภัย

เปลเด็ก ถือเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกซื้ออย่างใส่ใจ เพราะการเลือกซื้อเปลเด็ก ไม่ใช่แค่เลือกเปลที่เด็กจะนอนหลับสบาย แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กขณะอยู่บนเตียงด้วย นอกจากนี้ ควรติดตั้งเปลเด็กให้เหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ เช่น เปลเด็กล้มทับเด็ก และหากพบว่าเปลเด็กชำรุดเสียหาย ควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่โดยเร็ว เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ เทคนิคในการเลือก เปลเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบความปลอดภัย ของเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ว่ายังสามารถใช้งานได้ดีอยู่หรือเปล่า หากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนผุพัง ชำรุดเสียหาย ก็ควรนำไปซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะว่าอาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยได้ และสำหรับเปลเด็กเองก็ไม่ต่างกัน เพราะในการเลือกซื้อเปลเด็ก สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงก็คือสภาพของเปล คุณต้องเลือกเปลที่แข็งแรงพอจะได้แน่ใจว่าลูกของคุณจะปลอดภัย และช่วยให้เจ้าตัวน้อยนอนหลับได้สบายขึ้น สำหรับเปลเด็กมือสอง หรือของโบราณ แม้จะอยู่ในสภาพดีและสวยงาม แต่ก็ควรระวังให้มากขึ้น เพราะวัสดุบางชิ้นอาจชำรุดได้ นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคต่าง ๆ เพิ่มเติมดังนี้ ถ้าเป็นเปลเด็กที่มีราวกั้น ช่องว่างระหว่างราวกั้นควรอยู่ที่ประมาณ 2 เศษ 3 ส่วน 8 นิ้ว (ประมาณ 6 เซนติเมตร) หรือน้อยกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ศีรษะของเด็กเข้าไปติดในราวกั้น ผ้าที่ใช้ในห้องนอนของเด็ก เช่น ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าม่าน ควรเป็นวัสดุที่ไม่ไวไฟ (Flame retardant) ถ้าเปลเด็กมีราวกั้น ไม่ควรใช้เปลประเภทที่ราวกั้นเลื่อนลงข้างล่างได้ […]


พ่อแม่เลี้ยงลูก

ความลำเอียง ปัญหาครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้าม

ความลำเอียง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในครอบครัว เมื่อลูกรู้สึกว่าพ่อแม่รักลูกคนใดคนหนึ่งมากกว่า ทั้งนี้ แม้ว่าจะบอกลูกว่า พ่อแม่รักลูกเท่ากันทุกคน แต่หากการกระทำไม่สอดคล้องกับคำพูดข้างต้น อาจกลายเป็น ความลำเอียง ที่ทำให้ลูกรู้สึกถึงการขาดความรักและการเอาใจใส่ อาจนำไปสู่การอิจฉาริษยาที่ทำให้พี่น้องไม่รักกัน และไม่ไว้ใจกันได้ เป็นปัญหาที่ต้องรีบแก้ไขและปรับความเข้าใจกับลูกโดยเร็วที่สุด ความลำเอียงของพ่อแม่คืออะไร เมื่อพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่ง หรือทั้งสองคนแสดงความเอาอกเอาใจหรือใส่ใจต่อลูกคนใดคนหนึ่งมากเกินไป ซึ่งหากเป็นบ่อยครั้งเข้า ลูกอีกคนที่ไม่ได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน หรือได้รับความเอาใจใส่น้อยกว่า อาจเกิดอาการน้อยใจ และพยายามเรียกร้องความสนใจ ซึ่งนั่นคือการนำไปสู่ความรู้สึกของเด็กที่มีต่อพ่อกับแม่ว่ามีความลำเอียง พ่อแม่มีความลำเอียงจริงหรือ หากเป็นลูกคนเดียว ความรัก ความดูแล และการเอาใจใส่ทั้งหมดจะพุ่งไปที่ลูกคนเดียว แต่เมื่อลูกโตขึ้นและสามารถดูแลตัวเองได้มากกว่าตอนที่ยังเป็นเด็ก ความเอาใจใส่ในบางเรื่องของพ่อแม่อาจลดลงไป ดังนั้น เมื่อมีสมาชิกใหม่เกิดขึ้นในบ้าน ความเอาใจใส่ของพ่อกับแม่จึงเปลี่ยนไปอยู่กับสมาชิกตัวน้อยคนใหม่ในบ้านแทน บางครั้งการแสดงออกของพ่อกับแม่ที่ลูกเข้าใจว่าเป็นความลำเอียง แท้จริงเเล้วเป็นเพียงการดูแลและปกป้องลูกคนที่อายุน้อยกว่าหรืออ่อนแอมากกว่าลูกคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่และดูแลตัวเองได้แล้ว แต่หากมีการเปรียบเทียบในเรื่องเดียวกัน เช่น การเรียน การทำกิจกรรม รูปร่างหน้าตา ความสำเร็จ นั่นอาจเป็นความลำเอียงที่ชัดเจนและมีผลกระทบกับจิตใจและอารมณ์มากยิ่งขึ้น ถึงแม้จะเป็นการแสดงออกเพื่อหวังผลในการผลักดันเพื่อให้เด็กพัฒนาตนเองก็ตาม พฤติกรรมใดบ้างที่ทำให้ลูกรู้สึกถึง ความลำเอียง ลักษณะพฤติกรรมของพ่อกับแม่ที่ทำให้ลูกรู้สึกว่าคือ ความลำเอียง ได้แก่ เลือกให้เวลากับลูกคนใดคนหนึ่งมากเกินไป แสดงออกซึ่งความรักกับลูกคนใดคนหนึ่งมากกว่า เลือกที่จะให้ความสนใจกับคนที่เรียนเก่งมากกว่า ให้สิ่งของใหม่กับพี่หรือน้องมากกว่า ชื่นชมความสำเร็จของพี่หรือน้องมากกว่า พูดเปรียบเทียบเรื่องต่าง ๆ ระหว่างลูก ๆ ตลอดเวลา ให้คำปรึกษา หรือช่วยตัดสินใจปัญหาของพี่หรือน้องมากกว่า หากคุณพ่อคุณแม่มีพฤติกรรมเหล่านี้หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง อาจทำไปโดยไม่รู้ตัว หรือเพื่อกดดันลูกคนอื่น ๆ […]


วัยรุ่น

ความรับผิดชอบ สำคัญอย่างไร ควรเริ่มสอนลูกเมื่อไรดี

ความรับผิดชอบ เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้และฝึกฝนโดยอาจจะเริ่มจากการรู้จักรับผิดชอบต่อตนเอง เช่น การเก็บที่นอน การอาบน้ำแต่งตัว การรับประทานอาหารด้วยตนเอง และค่อย ๆ ฝึกขยายเพิ่มขอบเขตความรับผิดชอบให้มากขึ้น เช่น การทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ การช่วยคุณพ่อคุณแม่ดูแลน้อง ทั้งนี้ การรู้จักมอบหมายหน้าที่ให้รับผิดชอบจะเป็นการช่วยฝึกฝนให้เขารู้จักรับผิดชอบต่อสังคมและผู้อื่นด้วย [embed-health-tool-vaccination-tool] ความรับผิดชอบ คืออะไร หากมีคนมาถามว่า คุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกโตขึ้นเป็นคนแบบไหน นอกจากคำตอบที่ว่า อยากให้ลูกประสบความเร็จในชีวิตแล้ว อีกหนึ่งคำตอบที่พ่อแม่หลายคนอยากให้เกิดขึ้นจริงคือ อยากให้ลูกเป็นคนมีความรับผิดชอบ เพราะความรับผิดชอบก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้เด็กสามารถประสบความสำเร็จได้ ความรับผิดชอบนั้นมีหลายแง่มุม เช่น ดูแลตนเองได้เป็นอย่างดี เช่น การรักษาความสะอาดของร่างกาย รักษาคำพูดและข้อตกลงได้เป็นอย่างดี ทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยไม่ต้องได้รับการเตือนซ้ำ ไม่ว่าจะได้รับมอบหมายให้ทำอะไร ก็จะปฏิบัติอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ออกมาดีที่สุด ยอมรับผลของการกระทำและคำพูด ทั้งต่อของตัวเองและเพื่อนร่วมงาน ยอมรับในความผิดพลาดของตนเองและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น การมีความรับผิดชอบนับเป็นอีกหนึ่งกุญแจสู่ความสำเร็จ คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองจึงควรฝึกให้ลูกมีความรับผิดชอบ ทั้งกับการเรียนในโรงเรียน และการทำกิจกรรมอื่น ๆ เมื่ออยู่ข้างนอก เพื่อที่ลูกน้อยจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ควรเริ่มสอนให้ลูกมีความรับผิดชอบเมื่อไหร่ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เริ่มรู้จักความรับผิดชอบที่อายุประมาณ 13-16 ปี เพราะเด็กวัยเรียนที่อยู่ในช่วงวัยนี้ สามารถวิเคราะห์และทำความเข้าใจเรื่องของความเหมาะสม และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตได้ แต่จริง ๆ แล้ว […]


เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำได้อย่างไร และประโยชน์ของนมแม่

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นเรื่องที่คุณแม่ยุคใหม่หันมาให้ความสนใจมากขึ้น ในขณะเดียวกันความต้องการที่จะให้นมลูกก็กลายเป็นอุปสรรคสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ที่ถึงแม้ว่าจะพึ่งคลอดลูกแต่ก็ยังมีภาระที่จะต้องไปทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยที่บอกว่า กว่า 70% ของพนักงานที่เป็นคุณแม่นั้นยังจะต้องให้นมลูกอยู่ ทั้งที่จริงแล้วหากเตรียมตัวและวางแผนเป็นอย่างดีก็สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้เพราะปัจจุบันนี้มีเครื่องมือและเทคนิคใหม่ๆ ที่เป็นตัวช่วยคุณแม่ได้ [embed-health-tool-heart-rate] การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำได้อย่างไร เตรียมการล่วงหน้า หลังคลอดลูกไม่นาน หากคุณแม่คนไหนต้องรีบกลับไปทำงาน แต่ต้องการที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ควรปรึกษากับหัวหน้าหรือนายจ้างหากต้องการจะนำทารกมาไว้ที่ทำงาน การจัดตารางงาน เวลาเดินทางไปและกลับให้สอดคล้องกับเวลาที่ต้องการ เพื่อจะได้แบ่งเวลาการทำงานและการเลี้ยงลูกได้ลงตัว จัดตารางเวลาให้เหมาะสม เรื่องนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นอาจจะต้องมีการปั๊มนมทุกๆ 20 นาที หรืออาจจะเป็นชั่วโมง ในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของคุณแม่แต่ละคน จึงควรที่จะต้องมีตารางเวลาเพื่อจดบันทึก เนื่องจากงานของคุณแม่บางคนอาจจะต้องออกไปนอกสถานที่ หรืออาจจะมีประชุมซึ่งอาจจะกลายเป็นปัญหาได้ จัดการเรื่องสถานที่ให้ลงตัว สถานที่ในการปั๊มนมสำหรับคุณแม่ ควรที่จะต้องเป็นห้องที่สะอาด หรืออาจจะต้องเป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัว เพราะฉะนั้นหากจำเป็นต้องมีการปั๊มน้ำนมในที่ทำงาน ควรเลือกใช้ห้องของเจ้านายที่สนิทและควรที่จะต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น แต่จะดีที่สุดหากคุณมีห้องทำงานส่วนตัว หรือควรมีการปั๊มน้ำนมสำรองไว้ตั้งแต่ที่บ้านก่อนจะออกไปทำงาน อุปกรณ์สำหรับปั๊มน้ำนม สำหรับคุณแม่ที่ต้องการที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ควรที่จะต้องมีที่ปั๊มนม เพราะจะช่วยลดระยะเวลาลงไปได้มาก และยังช่วยให้ปั๊มนมได้เพียงพอที่จะแช่เย็นไว้สำหรับให้ลูกดื่มได้ในครั้งต่อไปด้วย ประโยชน์ของน้ำนมแม่ แม้จะต้องแบ่งเวลาไปทำงาน หรือใช้เวลากับการทำงานมากกว่าการเลี้ยงลูกก็ตาม ควรที่จะให้ลูกได้ดื่มน้ำนมแม่ เพื่อสุขภาพที่ดีและประโยชน์ในการเจริญเติบโตของเด็ก น้ำนมแม่อาจมีประโยชน์ ดังนี้ เป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์ สำหรับทารกที่มีอายุอยู่ในช่วง 6 เดือนแรกหลังจากคลอด น้ำนมแม่มีทุกอย่างที่ลูกน้อยต้องการ ยกเว้นวิตามินดี นมแม่มีโปรตีนสูงช่วยในการเจริญเติบโตของทารก และอุดมไปด้วยสารประกอบอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ นมแม่ย่อยง่ายทำให้ทารกดูดซึมสารอาหารได้เป็นอย่างดี มีสารภูมิต้านทานที่จำเป็น น้ำนมแม่เต็มไปด้วยแอนติบอดี หรือสารภูมิต้านทาน โดยเฉพาะ […]


เด็กทารก

ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวทารก ควรเลือกอย่างไรเพื่อความปลอดภัย

ผิวของทารก เป็นผิวที่บอบบางและแพ้ง่าย บางครั้งการที่คุณพ่อคุณแม่หอมแก้มทารกบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดผื่น หรืออาการแพ้กับผิวของทารกได้ นอกจากการสัมผัสกับผิวของทารกแล้ว ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับทารกก็อาจส่งผลทำให้ผิวเกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน ดังนั้น การเลือก ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวทารก จึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความใส่ใจ เพื่อสุขภาพผิวที่ดีของทารก [embed-health-tool-vaccination-tool] ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวทารก จำเป็นหรือไม่ โดยปกติแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวทารก จะมีป้ายกำกับเอาไว้ชัดเจนว่า สำหรับผิวทารก และมีความระคายเคืองต่อผิวมากน้อยเพียงใด แต่สภาพผิวของเด็กแต่ละคนนั้นต่างกัน ดังนั้น ผลิตภัณฑ์บางอย่างอาจใช้ได้ดีในเด็กทารกคนหนึ่ง แต่กับทารกอีกหนึ่งคนอาจเกิดอาการระคายเคืองต่อผิวก็เป็นได้ นอกจากนั้น สารเติมแต่งเหลอย่างพาราเบน (Parabens) พาทาเลต (Phthalates) และไดบิวทิล พทาเลต (Dibutyl Phthalates) ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวของทารกได้เช่นกัน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวทารก สำหรับการเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับผิวของทารกอาจทำได้ ดังนี้ ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาด โดยปกติคุณพ่อคุณแม่มักจะชอบอาบน้ำให้ทารกทุกวัน จึงควรเลือกสบู่เด็กและแชมพูที่ไม่ก่ออาการแพ้ให้กับ ผิวของทารก รวมถึงควรล้างผิวของทารกด้วยน้ำอุ่น และสบู่อ่อน ๆ จะเป็นการดีที่สุด และหากในห้องมีเครื่องปรับอากาศติดอยู่ ควรจะปิดเครื่องปรับอากาศหลังจากอาบน้ำให้กับทารก เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวของทารกแห้ง ในความจริงแล้ว ทารกไม่จำเป็นต้องอาบน้ำบ่อยเกินไป ควรอาบน้ำเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวของทารกแห้ง นอกจากนี้ ไม่ควรลองผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ บนผิวของทารก ไม่ควรใช้สบู่ที่ต้านแบคทีเรีย เพราะอาจรุนแรงเกินไปสำหรับผิวบอบบางของทารก ผลิตภัณฑ์สำหรับทาตัว สำหรับการเลือกผลิตภัณฑ์ทาตัว เช่น […]


เด็กทารก

ผิวทารกแรกเกิด กับโรคผิวหนังที่พ่อแม่มือใหม่ควรใส่ใจ

ผิวทารกแรกเกิด เป็นผิวที่ละเอียดอ่อน และบอบบางกว่าผิวผู้ใหญ่ จึงอาจเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองได้ง่าย คุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องหมั่นสังเกตผิวของลูกน้อยว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ เช่น ผื่นแดง ตุ่มสีขาว จุดหรือปื้นน้ำตาลหรือดำ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงโรคผิวหนังได้ หากพบจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที [embed-health-tool-vaccination-tool] โรคที่อาจเกิดขึ้นกับ ผิวทารกแรกเกิด 1. โรคสิวข้าวสาร (Milia หรือ Milk Spots) โรคสิวข้าวสาร อาจเกิดขึ้นกับทารกที่เพิ่งคลอด โดยจะเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีขาวขึ้นบริเวณใบหน้า หรือเหงือก หากสังเกตเห็นตุ่มเล็ก ๆ สีขาว เหล่านี้บนผิวทารกแรกเกิด ไม่ควรใช้ครีมทาเพราะอาจทำให้ผื่นยิ่งลุกลามได้ โรคสิวข้าวสารมักหายไปได้เอง โดยใช้เวลา 2-3 วัน  แต่ในเด็กบางรายอาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ 2. โรคสิว เด็กทารกร้อยละ 30 อาจจะมีโอกาสเป็นสิว มักเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลา 4 เดือนแรก สาเหตุเกิดจากการที่เด็กทารกได้รับฮอร์โมนจากแม่ อย่างไรก็ตาม หลังจากระยะเวลา 4 เดือนผ่านไป สิวมักหายไปเอง 3. โรคผื่นแดง  โรคผื่นแดง เป็นหนึ่งในโรคผิวหนังที่พบบ่อยในผิวทารกแรกเกิด ส่วนใหญ่พบบริเวณหน้าอก แผ่นหลัง และแขน โดยปกติโรคผื่นแดงมักหายเองในระยะเวลาไม่กี่เดือน 4. โรคผื่นผ้าอ้อม โรคผื่นผ้าอ้อม เกิดจากการติดเชื้อรา ส่งผลให้ทารกระคายเคืองผิวหนัง แล้วเกิดเป็นผื่นแดงขึ้น พบบ่อยบริเวณก้น […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน