ข้อบ่งใช้ แอมพิซิลลินและซัลแบคแตม
แอมพิซิลลินและซัลแบคแตม ใช้สำหรับ
การใช้ยา แอมพิซิลลินและซัลแบคแตม ร่วมกัน (Ampicillin and Sulbactam) ใช้เพื่อรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียในส่วนต่างๆ ของร่างกาย
ยานี้มีทั้งรูปแบบรับประทาน และแบบผงเพื่อผสมน้ำเป็นยาแขวนตะกอน แต่ได้รับความนิยมใช้น้อยกว่าแบบฉีดเข้าหลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อ บทความในที่นี้กล่าวถึงเฉพาะยาแบบฉีด หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรของท่าน
วิธีใช้แอมพิซิลลินและซัลแบคแตม
ยาฉีด
- แพทย์จะกำหนดขนาดใช้ยาและจำนวนครั้งที่ใช้ยา ยาชนิดนี้จะฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือผ่านเข็มที่เจาะเข้าสู่หลอดเลือดดำ
- พยาบาลหรือผู้ดูแลสุขภาพอื่นๆ จะให้ยานี้แก่คุณ
การเก็บรักษาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตม
การเก็บรักษายาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตมที่ดีที่สุด ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากแสงโดยตรงและความชื้น เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของยา ไม่ควรเก็บยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตมไว้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตมมีหลากหลายยี่ห้อซึ่งมีวิธีการเก็บรักษาที่แตกต่างกัน เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตรวจสอบวิธีการเก็บรักษาที่ระบุไว้ในบรรจุภัณฑ์ หรือสอบถามจากเภสัชกร เพื่อความปลอดภัย คุณควรเก็บยาทั้งหมดให้ห่างจากเด็กหรือสัตว์เลี้ยง
คุณไม่ควรทิ้งยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตมลงในโถส้วม หรือในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น สิ่งสำคัญคือต้องกำจัดยาอย่างเหมาะสมเมื่อหมดอายุหรือไม่ใช้งานแล้ว ให้ปรึกษาเภสัชกรสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาอย่างปลอดภัย
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้แอมพิซิลลินและซัลแบคแตม
ก่อนใช้ยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตม ให้แจ้งแพทย์หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้
- อาการแพ้ต่อยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตม และต่อส่วนประกอบอื่นที่ใช้สำหรับรูปแบบของยาที่มีส่วนผสมของแอมพิซิลลินและซัลแบคแตม ข้อมูลโดยละเอียดอยู่ในเอกสารกำกับยา
- อาการแพ้ต่อยาอื่นๆ แพ้อาหาร แพ้สีผสมอาหาร แพ้วัตถุกันเสียในอาหาร หรือสัตว์ต่างๆ
- โรคในเด็ก
- โรคในผู้สูงอายุ
- มีภาวะทางสุขภาพอื่นๆ และยาที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกิริยากับยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตม
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ไม่มีการศึกษาในผู้หญิงที่เพียงพอเพื่อระบุความเสี่ยงเมื่อใช้ยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตมในระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาประโยชน์และความเสี่ยง ก่อนการใช้ยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตม ยานี้มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ ประเภท B ตามที่องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (US Food and Drug Administration: FDA) ได้กำหนดไว้
ความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ ตามองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ มีรายการอ้างอิงดังต่อไปนี้
- A=ไม่มีความเสี่ยง
- B=ไม่มีความเสี่ยงในงานวิจัยบางชิ้น
- C=อาจมีความเสี่ยง
- D=มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X=ห้ามใช้
- N=ไม่ทราบแน่ชัด
รู้จักกับผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของแอมพิซิลลินและซัลแบคแตม
หลังการใช้ยาประเภทอื่นๆ การใช้ยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตมสามารถก่อให้เกิดอาการข้างเคียงบางประการได้ อาการข้างเคียงส่วนใหญ่เกิดขึ้นน้อย และไม่จำเป็นต้องรักษาเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณที่ต้องปรึกษาแพทย์หากมีปัญหาใดๆ หลังจากใช้ยาชนิดนี้
ผลข้างเคียงบางประการมีดังนี้
- มีเลือดออก
- มีตุ่มพอง
- มีรอยไหม้
- รู้สึกหนาว
- ผิวหนังเปลี่ยนสี
- มีความรู้สึกตึงแน่นหรืออึดอัด
- ลมพิษ
- ภาวะติดเชื้อ
- อาการอักเสบ
- อาการคัน
- มีก้อนเนื้อ
- มีอาการชา
- มีอาการปวด
- มีผื่นคัน
- มีรอยแดง
- มีรอยแผลเป็น
- มีอาการเจ็บ
- มีอาการปวดแสบปวดร้อน
- มีอาการบวม
- มีอาการกดเจ็บ
- รู้สึกเหมือนเข็มหรือของมีคมทิ่มตำ
- มีแผลเปื่อย
- รู้สึกร้อนในบริเวณที่ฉีด
อาการข้างเคียงเหล่านี้ไม่ได้พบในผู้ใช้ยาทุกคน และอาจมีอาการข้างเคียงที่ไม่ได้ระบุข้างต้น หากคุณมีข้องกังวลเกี่ยวกับอาการข้างเคียง ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตมอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาชนิดอื่นที่คุณใช้อยู่ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงสำหรับอาการข้างเคียงที่รุนแรงขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเกิดขึ้น คุณควรทำรายการยาที่ใช้อยู่ทั้งหมด (ยาที่สั่งโดยแพทย์ ยาที่ไม่ได้สั่งโดยแพทย์ และยาสมุนไพร) และแจ้งแก่แพทย์หรือเภสัชกร เพื่อความปลอดภัยของคุณ ห้ามเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใด โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์ เช่น ยาแอลโลพูรินอล (allopurinol) หรือยาโพรเบเนซิด (probenecid)
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตมอาจทำปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์ได้ โดยการเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ยา หรือเพิ่มความเสี่ยงสำหรับอาการข้างเคียงที่รุนแรงขึ้น โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นกับอาหารหรือแอลกอฮอล์ ก่อนการใช้
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตมอาจทำปฏิกิริยากับสภาวะทางสุขภาพของคุณ ปฏิกิริยาดังกล่าวอาจทำให้สภาวะทางสุขภาพเสื่อมลง หรือเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยา เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเสมอ เกี่ยวกับสภาวะทางสุขภาพทั้งหมดของคุณในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
- อาการท้องร่วง
- โรคไต
- โรคตับ
- โรคติดเชื้อโมโนนิวคลีโอซิส (Mononucleosis)
ทำความเข้าใจกับขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้มิได้มีเจตนาให้ใช้เพื่อทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาแอมพิซิลลินและยาซัลแบคแตมเสมอ
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่
ให้ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขนาดยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตมไฮโดรคลอไรด์ (ampicillin and sulbactam hydrochloride)
ขนาดยาแนะนำสำหรับผู้ป่วยบางรายมีดังต่อไปนี้
- สำหรับภาวะติดเชื้อทางนรีเวชวิทยา (gynecological Infections): 1.5 ก. (แอมพิซิลลิน 1 ก. + ซัลแบคแตม 0.5 ก.) ถึง 3 ก. (แอมพิซิลลิน 2 ก. + ซัลแบคแตม 1 ก.) ให้ยาทางหลอดเลือดดำหรือทางกล้ามเนื้อ ทุก 6 ชั่วโมง
- สำหรับภาวะติดเชื้อในช่องท้อง (intra-Abdominal Infections): 1.5 ก. (แอมพิซิลลิน 1 ก. + ซัลแบคแตม 0.5 ก.) ถึง 3 ก. (แอมพิซิลลิน 2 ก. + ซัลแบคแตม 1 ก.) ให้ยาทางหลอดเลือดดำหรือทางกล้ามเนื้อ ทุก 6 ชั่วโมง
- สำหรับภาวะติดเชื้อที่ผิวหนังและโครงสร้างผิวหนัง (skin & skin structure infections): 1.5 ก. (แอมพิซิลลิน 1 ก. + ซัลแบคแตม 0.5 ก.) ถึง 3 ก. (แอมพิซิลลิน 2 ก. + ซัลแบคแตม 1 ก.) ให้ยาทางหลอดเลือดดำหรือทางกล้ามเนื้อ ทุก 6 ชั่วโมง
สำหรับภาวะไตเสื่อม
- สำหรับผู้ป่วยที่มีค่า Creatinin Clearance เท่ากับ 15-29 มล./นาที (ml/min): ให้ใช้ยาทุก 12 ชั่วโมง
- สำหรับผู้ป่วยที่มีค่า Creatinin Clearance เท่ากับ 5-14 มล./นาที (ml/min): ให้ใช้ยาทุก 24 ชั่วโมง
ขนาดยาสำหรับเด็ก
ขนาดใช้ไม่ได้กำหนดไว้สำหรับผู้ป่วยโรคเด็ก ยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตมอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก เป็นสิ่งสำคัญเสมอที่ต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
รูปแบบยา
ยาแอมพิซิลลินและซัลแบคแตมมีรูปแบบการใช้และปริมาณตัวยา ดังต่อไปนี้
- ผงสำหรับละลาย 750 มก. และ 1500 มก.
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
ในกรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ให้โทรแจ้งบริการฉุกเฉิน หรือไปยังห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลใกล้บ้านคุณ
กรณีลืมใช้ยา
คุณต้องใช้ยานี้ตามเวลาที่กำหนดไว้ ให้โทรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรหากคุณลืมใช้ยา
Hello Health Group มิได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]