ยา ไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ (Tylenol® cold & cough) ใช้รักษาอาการปวดหัว เป็นไข้ ปวดตัว ไอ น้ำมูกไหล จาม คัน และอาการน้ำตาไหล จากโรคภูมิแพ้ ไข้หวัด หรือไข้
ข้อบ่งใช้
ยา ไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ (Tylenol® cold & cough) ใช้สำหรับ
ยาไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ (Tylenol® cold & cough) โดยทั่วไปใช้เพื่อรักษาอาการปวดหัว เป็นไข้ ปวดร่างกาย ไอ น้ำมูกไหล จาม คัน และอาการน้ำตาไหล ที่มีสาเหตุมาจากโรคภูมิแพ้ โรคไข้หวัด หรือไข้
ยานี้ไม่สามารถรักษาอาการไอที่มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ หอบหืด หรือโรคถุงลมโป่งพอง
วิธีการใช้ยา ไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ
ใช้ยาตามคำแนะนำบนฉลากหรือคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด อย่าใช้ยาในขนาดที่มากกว่าหรือน้อยกว่า หรือใช้ยาในระยะเวลาที่นานกว่าที่แนะนำ โดยปกติแล้วยานี้จะใช้แค่ในช่วงเวลาสั้นๆ จนกระทั่งอาการหายดี
ห้ามใช้ยานี้มากกว่าที่แนะนำ การรับประทานอะเซตามีโนเฟน (acetaminophen) เกินขนาด สามารถทำร้ายตับหรือทำให้เสียชีวิตได้
ยาเม็ดแบบเคี้ยวควรเคี้ยวก่อนกลืน
อย่าใช้ยานานเกิน 7 วันต่อรอบ หยุดใช้ยาและไปหาแพทย์ หากคุณยังมีไข้หลังจากผ่านไปแล้ว 3 วันหลังการใช้ยา หากคุณยังมีอาการปวด เมื่อผ่านไปแล้ว 7 วัน (หรือ 5 วันสำหรับเด็ก) หากอาการของคุณแย่ลง หรือหากคุณมีผื่นขึ้น ปวดหัวตลอด หรือมีรอยปื้นแดงหรือมีอาการบวม
การเก็บรักษายา ไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ
ยาไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ ควรเก็บในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรถึงการเก็บรักษายาที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งแพทย์ถ้าหาก
- คุณกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากขณะที่คุณตั้งใจว่าจะให้นมบุตร หรือกำลังให้นมบุตร คุณควรจะใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
- หากคุณกำลังใช้ยาอื่นอยู่ นี่รวมไปถึงยาที่คุณกำลังใช้อยู่ซึ่งสามารถหาซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยา เช่น สมุนไพร และอาหารเสริม
- หากคุณมีอาการแพ้สารออกฤทธิ์และไม่ออกฤทธิ์ในยาไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ
และยาอื่นๆ
- หากคุณมีโรคอื่นๆ มีความผิดปกติ หรือมีอาการใดๆ
ควรสอบถามแพทย์ทุกครั้งก่อนให้ยาแก้ไอหรือแก้หวัดแก่ลูกของคุณ การใช้ยาแก้ไอและแก้หวัดแบบผิดๆ ในเด็กเล็กมากๆ สามารถส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตได้
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของตับ ขณะที่รับประทานอะเซตามีโนเฟน และสามารถเพิ่มผลข้างเคียงบางชนิดของยาคลอเฟนิรามีน (chlorpheniramine) ได้
ยานี้อาจจะทำให้เกิดการมองเห็นที่ไม่ชัดเจน หรือทำให้ความคิดหรือปฏิกิริยาของคุณเชื่องช้าลง โปรดระวังหากคุณขับรถ หรือทำอะไรก็ตามที่ต้องการความตื่นตัว และความสามารถในการมองเห็นที่ชัดเจน
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยาไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาความเสี่ยงของการใช้ยาไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ ยานี้จัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด N โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ โดย FDA มีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ยาต้องห้าม
- N= ไม่มีข้อมูลเพียงพอ
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยา ไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ
ผลข้างเคียงทั่วไปมีดังนี้คือ
- มึนงง
- ง่วงซึม
- ปวดหัวเล็กน้อย
- ปาก จมูก หรือลำคอแห้ง
- ท้องผูก
- ท้องร่วง
- ท้องไส้ปั่นป่วน
- มองเห็นภาพซ้อน
- รู้สึกกระวนกระวายหรือหงุดหงิด
- การนอนหลับมีปัญหา (นอนไม่หลับ)
หยุดใช้ยานี้แล้วแจ้งแพทย์ในทันที หากคุณมีอาการดังนี้
- อัตราการเต้นของหัวใจเร็ว ช้า หรือไม่สม่ำเสมอ
- เจ็บหน้าอก
- ชีพจรเต้นเร็ว รู้สึกเหมือนกำลังจะสลบ
- มึนหัวอย่างรุนแรงหรือวิตกกังวล
- มีความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
- สับสน
- เกิดภาพหลอน
- ปัสสาวะน้อยหรือไม่มีเลย
- คลื่นไส้
- ปวดบริเวณท้องส่วนบน
- คัน เบื่ออาหาร
- ปัสสาวะสีเข้ม
- อุจจาระสีเหมือนดินเหนียว
- ดีซ่าน (ผิวหรือดวงตาเป็นสีเหลือง)
- ความดันโลหิตสูงอย่างอันตราย (ปวดหัวรุนแรง ตาพร่ามัว มีเสียงอื้ออึงในหู ชัก)
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษาหมอของคุณ
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยา ไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ อาจมีปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนยาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไออาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมก่อนใช้ยาไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ
ขนาดยาไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ สำหรับผู้ใหญ่
ยาเม็ดเวลากลางวัน (โดยไม่ต้องมียาคลอเฟนิรามีน): ครั้งละ 2 เม็ด ทุก 6 ชั่วโมง ในช่วงเวลาที่ตื่นอยู่ ตาม ความจำเป็น
ยาเม็ดเวลากลางคืน : ครั้งละ 2 เม็ดทุก 6 ชั่วโมง ในช่วงเวลานอนหลับ ตามความจำเป็น
ไม่ควรเกิน 8 เม็ดต่อวัน ทั้งกลางวันและกลางคืนรวมกัน
ขนาดยา ไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอสำหรับเด็ก
12 ปีขึ้นไป : ยาเม็ดเวลากลางวัน (โดยไม่ต้องมียาคลอเฟนิรามีน) ครั้งละ 2 เม็ด ทุก 6 ชั่วโมง ในช่วงเวลาที่ตื่นอยู่ ตาม ความจำเป็น
ยาเม็ดเวลากลางคืน : ครั้งละ 2 เม็ดทุก 6 ชั่วโมง ในช่วงเวลานอนหลับ ตามความจำเป็น
ไม่ควรเกิน 8 เม็ดต่อวัน ทั้งกลางวันและกลางคืนรวมกัน
เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี : ควรปรึกษากับแพทย์
รูปแบบของยา
จุดเด่นและรูปแบบการใช้งานมีดังนี้
- ยาเม็ดสำหรับรับประทาน 325 มก./ 2 มก. / 15 มก. / 30 มก.
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมรับประทานยาไทลีนอล® แก้หวัดและแก้ไอ ควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
[embed-health-tool-bmi]