ข้อบ่งใช้
ยา ฟลูตาไมด์ ใช้สำหรับ
ยา ฟลูตาไมด์ (Flutamide) มักใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย โดยใช้ร่วมกับยาอื่นๆ และในบางครั้งยังอาจใช้ร่วมกับการฉายรังสีบำบัด (radiation treatments) ยา ฟลูตาไมด์ อยู่ในกลุ่มของยาต้านฮอร์โมนเพศชาย (anti-androgens) หรือยาต้านฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (anti-testosterone) ฮอร์โมนตามธรรมชาติอย่างเทสโทสเตอโรนนั้นช่วยให้โรคมะเร็งต่อมลูกหมากเจริญเติบโตและลุกลาม ยาฟลูตาไมด์ทำงานโดยการปิดกั้นผลของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ทำให้ชะลอการเจริญเติบโตและลุกลามของโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
วิธีการใช้ยาฟลูตาไมด์
รับประทานยานี้พร้อมกับอาหารหรือรับประทานแยกต่างหาก โดยปกติคือวันละ 3 ครั้งหรือตามที่แพทย์กำหนด
ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์และการตอบสนองต่อการรักษา
ใช้ยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากยา เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน อย่าหยุดใช้ยาใดๆ ที่ใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกเสียจากแพทย์จะสั่ง การหยุดใช้ยานั้นอาจทำให้โรคมะเร็งลุกลามได้เร็วขึ้น
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการของไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้น เช่น ปัสสาวะติดขัดมากขึ้น มีอาการปวดกระดูกมากขึ้น
การเก็บรักษายาฟลูตาไมด์
ยา ฟลูตาไมด์ ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาฟลูตาไมด์บางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาฟลูตาไมด์ลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาฟลูตาไมด์
ก่อนใช้ยาฟลูตาไมด์ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนผสมที่ไม่มีฤทธิ์ในการรักษาที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ เกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับตับ ภาวะพร่องเอนไซม์จีซิกพีดี (glucose-6-phosphate dehydrogenase-G6PD) สูบบุหรี่ โรคฮีโมโกลบินเอ็ม (hemoglobin M disease)
ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนหรือง่วงซึม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือกัญชาอาจทำให้อาการวิงเวียนหรือง่วงซึมรุนแรงขึ้นได้ อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัว จนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย จำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปรึกษาแพทย์หากคุณใช้กัญชารักษาโรค
ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ
ผู้สูงอายุอาจจะมีปฏิกิริยาไวต่อผลข้างเคียงของยานี้ได้มากกว่า โดยเฉพาะอาการง่วงซึม
โดยปกติแล้วมักจะไม่ใช่ยานี้ในผู้หญิง ดังนั้น จึงไม่ค่อยมีการใช้ระหว่างการตั้งครรภ์หรือการให้นมบุตร ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือเผลอใช้ยานี้
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาถึงประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาฟลูตาไมด์จัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท D โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยา ฟลูตาไมด์
เนื่องจากยาฟลูตาไมด์มักจะใช้ร่วมกับยาอื่น ผลข้างเคียงจึงอาจจะเกิดขึ้นจากยาอื่น หรือจากการใช้ร่วมกับยาอื่น อาจเกิดอาการร้อนวูบวาบ สูญเสียความสนใจหรือสมรรถภาพทางเพศ ท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน และเต้านมโตขึ้น ผลข้างเคียงที่พบได้น้อยกว่าคือ อาจมีอาการง่วงซึม หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้น โปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
อาการท้องร่วงเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป ควรดื่มน้ำให้มากตามที่แพทย์สั่ง เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญเสียน้ำในร่างกายมากเกินไป คุณอาจจะต้องลดการรับประทานผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม เพิ่มการรับประทานธัญพืช ผัก หรือผลไม้ และหยุดใช้ยาระบาย แพทย์อาจจะสั่งยาแก้ท้องเสียให้คุณ เช่น โลเพอราไมด์ (loperamide) เพื่อควบคุมอาการ แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากเกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรงหรือบ่อยครั้ง หรือหากมีสัญญาณของภาวะขาดน้ำ (dehydration) เช่น วิงเวียน ปัสสาวะลดลง
ยาฟลูตาไมด์อาจเปลี่ยนแปลงสีของปัสสาวะให้เป็นน้ำตาลอมส้มอ่อนๆ หรือเขียวอมเหลือง อาการนี้ไม่มีอันตรายใดๆ
โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วว่า ยามีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากเกิดผลข้างเคียงที่หายากแต่รุนแรงมากดังต่อไปนี้ ได้แก่ มีความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจหรืออารมณ์ เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล ประหม่า มีก้อนในเต้านม สับสน เหนื่อยล้าอย่างรุนแรงกะทันหัน อ่อนแรง ผิวซีด นิ้วมือ ริมฝีปาก หรือผิวหนังมีสีคล้ำขึ้น อัตราหัวใจเต้นเร็วขณะหยุดพัก รู้สึกหายใจไม่อิ่มขณะหยุดพัก
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ผลของยาบางอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไป หากคุณใช้ยาอื่นหรือสมุนไพรอื่นในเวลาเดียวกัน ปฏิกิริยานี้สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงหรืออาจทำให้ยาทำงานได้อย่างไม่ถูกต้อง ปฏิกิริยาของยานี้อาจเกิดขึ้นได้แต่ไม่เสมอไป แพทย์หรือเภสัชกรมักจะสามารถป้องกัน หรือจัดการกับปฏิกิริยาเหล่านี้ได้ ด้วยการเปลี่ยนวิธีการใช้ยา หรือเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
เพื่อช่วยให้แพทย์หรือเภสัชกรให้การดูแลคุณอย่างดีที่สุด ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ เกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ ทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่หาซื้อเอง หรือสมุนไพรต่างๆ ก่อนเริ่มต้นใช้ยานี้ ขณะที่กำลังใช้ยานี้อยู่ไม่ควรหยุดเริ่มใช้ หยุดใช้ หรือเปลี่ยนขนาดยาอื่นที่คุณกำลังใช้โดยไม่ได้รับการยินยอมจากแพทย์
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับตัวอื่นๆ เช่น เทสโทสเตอโรน แบบแผ่นแปะ เจล หรือยาฉีด อะนาโบลิค สเตียรอยด์ (anabolic steroids) รวมถึงสารตั้งต้นแอนโดรเจน อะนาโบลิค หรือเทสโทสเตอโรนที่หาซื้อได้เอง ยาดีเอชอีเอ (DHEA) หรือยาวาฟาริน (warfarin)
ยาฟลูตาไมด์อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้างทั้งยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาฟลูตาไมด์อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาฟลูตาไมด์อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาฟลูตาไมด์สำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer)
เพื่อให้รักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากแบบลุกลามระยะจำกัดเขตเฉพาะที่ บี2-ซี (locally confined stage B2-C) และระยะ ดี2 (D2) 250 มก. รับประทานทุกๆ 8 ชั่วโมง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะขนดก (Hirsutism)
มีข้อมูลรายว่า เคยมีการใช้ยาฟลูตาไมด์ที่ขนาด 250 มก. วันละ 2 ถึง 3 ครั้ง ใช้ร่วมกับยาคุมกำเนิดแบบรับประทาน ในผู้หญิงที่มีภาวะขนดก
แต่ฉลากยาที่ได้รับการยอมรับจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) นั้นระบุว่า ยาฟลูตาไมด์ไม่มีข้อบ่งใช้กับผู้หญิง และไม่ควรใช้ในกลุ่มประชากรนี้ โดยเฉพาะสำหรับการรักษาสภาวะที่ไม่รุนแรงหรือไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
การปรับขนาดยาสำหรับผู้ป่วยโรคไต
ไม่มีข้อมูล
การปรับขนาดยาสำหรับผู้ป่วยโรคตับ
- ตับบกพร่องระดับเบาและปานกลาง ไม่มีข้อมูล
- ตับบกพร่องระดับรุนแรง ห้ามใช้ยา
การปรับขนาดยา
ควรพิจารณาลดขนาดยาในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับโดยขึ้นอยู่กับการตอบสนองทางการแพทย์ที่ต้องการและความทนทานของผู้ป่วย
คำแนะนำอื่นๆ
ไม่แนะนำการใช้ยาในขนาดที่มากกว่า 750 มก./วัน สำหรับการรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก บี2-ซี ควรเริ่มใช้ยาฟลูตาไมด์และยาในกลุ่มแอลเอชอาร์เอช อะโกนิสต์ (LHRH agonists) 8 สัปดาห์ก่อนเริ่มต้นการฉายรังสีบำบัด และใช้ยาต่อไประหว่างการฉายบำบัด สำหรับการรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกมากลุกลาม ระยะดี2 ควรเริ่มใช้ยาฟลูตาไมด์และยาในกลุ่มแอลเอชอาร์เอช อะโกนิสต์ และใช้ยาต่อไปจนอาการรุนแรงขึ้น
ขนาดยาฟลูตาไมด์สำหรับเด็ก
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาแคปซูลสำหรับรับประทาน
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]