ข้อบ่งใช้ ราลอกซิฟีน
ราลอกซิฟีน ใช้สำหรับ
ราลอกซิฟีน (Raloxifene) ใช้ในผู้หญิงเพื่อป้องกันและรักษาการสูญเสียมวลกระดูก (โรคกระดูกพรุน) หลังหมดประจำเดือน ยานี้จะลดการสูญเสียของมวลกระดูก และช่วยให้กระดูกแข็งแรง ซึ่งส่งผลให้มีแนวโน้มที่กระดูกจะหักต่ำกว่า
ยาราลอกซิฟีนอาจลดความเสี่ยง ที่จะเป็นมะเร็งเต้านมบางชนิด (มะเร็งเต้านมระยะลุกลาม) หลังหมดประจำเดือน
ยาราลอกซิฟีนไม่ใช่ฮอร์โมนเอสโตรเจน แต่ทำหน้าที่คล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในบางอวัยวะของร่างกาย เช่น กระดูก สำหรับอวัยวะอื่น (ท่อปัสสาวะและเต้านม) ยาราลอกซิฟีนทำหน้าที่เหมือนสารต้านฮอร์โมนเอสโตรเจน ยานี้ไม่ได้บรรเทาอาการหลังหมดประจำเดือน อย่างอาการร้อนวูบวาบ ยาราโลซิฟีนอยู่ในกลุ่มของยาที่เรียกว่ากลุ่มยาเซิร์ม (selective estrogen receptor modulators หรือ SERMs)
คำแนะนำ
- ไม่ควรใช้ยานี้ก่อนวัยหมดประจำเดือน
- ไม่ควรใช้ยานี้เพื่อป้องกันโรคหัวใจ
วิธีการใช้ยาราลอกซิฟีน
- รับประทานยานี้พร้อมอาหารหรือรับประทานเดี่ยวๆ ตามที่แพทย์สั่ง ปกติแล้วจะเป็น 1 ครั้งต่อวัน ใช้ยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุด เพื่อช่วยจำ ควรรับประทานยานี้ในเวลาเดียวกันของแต่ละวัน
- มั่นใจว่าคุณรับประทานแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อดูว่า คุณจำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมและวิตามินดีหรือไม่
- เนื่องจากยานี้อาจซึมเข้าสู่ผิวหนังและปอด รวมถึงอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรืออาจจะตั้งครรภ์ ไม่ควรใช้ยานี้หรือสูดลมหายใจที่มีผงของยา
การเก็บรักษายาราลอกซิฟีน
คุณควรเก็บยาราลอกซิฟีนไว้ในอุณหภูมิห้อง รวมถึงเก็บให้พ้นจากแสงและความชื้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับยา คุณไม่ควรเก็บยาราลอกซิฟีนไว้ให้ห้องน้ำหรือตู้เย็น ยาราโลซิฟีนแต่ละยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บแตกต่างกันไป สิ่งสำคัญคือการอ่านคำแนะนำการเก็บรักษายาบนหีบห่อของผลิตภัณฑ์ หรือถามเภสัชกร เพื่อความปลอดภัย คุณควรเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
คุณไม่ควรทิ้งยาราลอกซิฟีนลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำอย่างนั้น ดังนั้น สิ่งสำคัญคือทิ้งยาเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่จำเป็นต้องใช้ยาอีกต่อไป ปรึกษาเภสัชกรเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีทิ้งยาอย่างปลอดภัย
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาราลอกซิฟีน
- ก่อนใช้ยาราลอกซิฟีน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ยาชนิดนี้ รวมถึงหากคุณมีอาการแพ้อื่นๆ ยาตัวนี้อาจมีส่วนผสมที่ไม่ได้ออกฤทธิ์ในการรักษา ที่อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้หรือปัญหาอื่นๆ ปรึกษาเภสัชกรเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติการเจ็บป่วย โดยเฉพาะการเกิดลิ่มเลือด (ในขา ปอด หรือตา) เส้นเลือดในสมองแตก สมองขาดเลือดชั่วคราว (TIA) โรคหัวใจ (เส้นเลือดในหัวใจอุดตัน) หัวใจวาย คอเลสเตอรอลสูง ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (atrial fibrillation) ความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ โรคไต โรคตับ โรคหัวใจล้มเหลว โรคมะเร็ง ระดับไขมันในเลือดสูง (ไตรกลีเซอไรด์) ที่เกิดจากการรักษาโดยการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen treatment)
- แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณเพิ่งจะหรือจะผ่าตัดหรือหากคุณต้องนอนติดเตียงหรือนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน (เช่น นั่งเครื่องบินเป็นระยะเวลานาน) ลักษณะเหล่านี้จะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดลิ่มเลือด โดยเฉพาะหากคุณกำลังใช้ยาราลอกซิฟีน คุณอาจจำเป็นต้องหยุดยาช่วงหนึ่งหรือระมัดระวังเป็นพิเศษ
- ห้ามใช้ยานี้ระหว่างตั้งครรภ์ เนื่องจากยาอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ หากคุณกำลังตั้งครรภ์ หรือคิดว่าคุณอาจจะตั้งครรภ์ แจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่ายานี้จะซึมเข้าสู่น้ำนมหรือไม่ ไม่แนะนำให้ใช้ยาระหว่างให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ไม่มีการศึกษาในผู้หญิงเพียงพอที่จะระบุความเสี่ยง ขณะใช้ยาราโลซิฟีนระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เป็นประจำ เพื่อชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ก่อนรับประทานยาราโลซิฟีน อ้างอิงจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ยาราโลซิฟีนจัดเป็นยากลุ่มเสี่ยงสำหรับสตรีมีครรภ์ประเภท X
ต่อไปนี้คือประเภทความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา
· A – ไม่เสี่ยง
· B – ไม่พบความเสี่ยงในงานวิจัยบางชิ้น
· C – อาจจะมีความเสี่ยง
· D – มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
· X – ห้ามใช้
· N – ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาราลอกซิฟีน
- คุณอาจร้อนวูบวาบ หรือเป็นตะคริวที่ขา หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือแย่ลง แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทันที
- โปรดจำไว้ว่า แพทย์ได้จ่ายยานี้ เนื่องจากได้ตัดสินใจแล้วว่า ยานี้มีประโยชน์ต่อคุณ มากกว่าความเสี่ยงที่เกิดจากผลข้างเคียง หลายคนใช้ยานี้แล้ว ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ
- เข้ารับการรักษาทันที หากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงเหล่านี้ ได้แก่ สัญญาณการเกิดลิ่มเลือด เช่น เกิดอาการเจ็บ บวม มีรอยแดง หรือร้อนที่ขาหรือแขนแบบกะทันหัน เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก ไอเป็นเลือด มองเห็นผิดปกติ เช่น เห็นภาพไม่ชัด หรือมองไม่เห็น สัญญาณของเส้นเลือดในสมองแตก เช่น ร่างกายอ่อนแรงเพียงข้างเดียว มีปัญหาในการพูด มองเห็นเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน หรือรู้สึกมึนงง
- ไม่ค่อยมีอาการแพ้ยาที่รุนแรงเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตาม เข้ารับการรักษาทันที หากคุณสังเกตเห็นอาการแพ้ ได้แก่ ผื่น คันผิวหรือผิวบวม (โดยเฉพาะที่ใบหน้า ลิ้นหรือลำคอ) วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง มีปัญหาเรื่องการหายใจ
- ไม่ใช่ทุกคนที่จะแสดงอาการอันเนื่องมาจากผลข้างเคียงเหล่านี้ อาจมีผลข้างเคียงอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากคุณมีความกังวลเรื่องผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
- ยาอื่นที่อาจทำปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่ ยาไบล์แอซิดซีเควสแตรนต์ชนิดเรซิน เช่น ยาคอเลสไทรามีน (cholestyramine) ยาคอเลสทิพอล (colestipol) และสารเอสโตรเจน
- ยานี้อาจส่งผลต่อผลตรวจทางห้องปฏิบัติการบางชนิด และอาจจะทำให้ผลผิดพลาดได้ แจ้งให้บุคลากรในห้องปฏิบัติการและแพทย์ทราบว่า คุณกำลังรับประทานยานี้อยู่
ยาราลอกซิฟีนอาจมีปฏิกิริยาต่อยาตัวอื่นที่คุณกำลังรับประทานอยู่ และอาจส่งผลให้ยาที่คุณรับประทานออกฤทธิ์ต่างไปจากเดิม หรือเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่รุนแรง เพื่อหลีกเลี่ยงการทำปฏิกิริยาต่อกันระหว่างยาที่อาจเป็นไปได้ คุณควรเก็บรายชื่อยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาที่ต้องใช้ใบสั่งจากแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร) และแจ้งให้แพทย์รวมถึงเภสัชกรทราบ เพื่อความปลอดภัย อย่าเริ่ม หรือหยุดรับประทานยา รวมถึงเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาราลอกซิฟีนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์ โดยเปลี่ยนฤทธิ์ยาหรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ถึงอาหารหรือแอลกอฮอล์ที่อาจทำปฏิกิริยากับยานี้ ก่อนรับประทานยา
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาราลอกซิฟีนอาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณ ปฏิกิริยาของยาที่มีต่อร่างกายอาจทำให้สุขภาพของคุณย่ำแย่ลง หรือเปลี่ยนฤทธิ์ของยา สิ่งสำคัญ คือโปรดแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบ เกี่ยวกับสุขภาพและโรคประจำตัวของคุณ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง ก่อนใช้ยาราลอกซิฟีน
ขนาดยาราลอกซิฟีนสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาทั่วไปสำหรับรักษาโรคกระดูกพรุน
รับประทานยา 60 มิลลิกรัมต่อวัน
คำแนะนำ
- ใช้รักษาหรือป้องกันโรคกระดูกพรุน แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารเสริมประเภทแคลเซียมและ/หรือวิตามินดี หากการรับประทานยาในแต่ละวันไม่เพียงพอ
- เมื่อใช้ยานี้เพื่อลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมที่ลุกลาม ระยะเวลาที่ใช้ยาไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
การใช้
- ใช้รักษาและป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
- ลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่เป็นโรคกระดูกพรุน และ/หรือมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ในการป้องกันโรคกระดูกพรุน
รับประทานยา 60 มิลลิกรัมต่อวัน
คำแนะนำ
- ใช้รักษาหรือป้องกันโรคกระดูกพรุน แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารเสริมประเภทแคลเซียมและ/หรือวิตามินดี หากการรับประทานยาในแต่ละวันไม่เพียงพอ
- เมื่อใช้ยานี้เพื่อลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมที่ลุกลาม ระยะเวลาที่ใช้ยาได้สูงสุดไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
การใช้
- ใช้รักษาและป้องกันโรคกระดูกพรุน ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
- ลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่เป็นโรคกระดูกพรุน และ/หรือมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ในการป้องกันมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม
รับประทานยา 60 มิลลิกรัมต่อวัน
คำแนะนำ
- ใช้รักษาหรือป้องกันโรคกระดูกพรุน แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารเสริมประเภทแคลเซียมและ/หรือวิตามินดี หากการรับประทานยาในแต่ละวันไม่เพียงพอ
- เมื่อใช้ยานี้เพื่อลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมที่ลุกลาม ระยะเวลาที่ใช้ยาได้สูงสุดไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
การใช้
- ใช้รักษาและป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
- ลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่เป็นโรคกระดูกพรุน และ/หรือมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม
การปรับขนาดยาสำหรับผู้ป่วยโรคไต
การทำงานผิดปกติของไตขั้นไม่รุนแรงหรือความสามารถของไตในการกำจัดสารครีอะตินิน 51 ถึง 80 มิลลิลิตรต่อวินาที: ไม่มีข้อมูล
การทำงานผิดปกติของไตขั้นปานกลางหรือรุนแรงหรือความสามารถของไตในการกำจัดสารครีอะตินินต่ำกว่า 50 มิลลิลิตรต่อวินาที: ใช้อย่างระมัดระวัง
การปรับขนาดยาสำหรับผู้ป่วยโรคตับ
การทำงานผิดปกติของตับ: ใช้อย่างระมัดระวัง
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำในการใช้
- รับประทานยานี้ในเวลาใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตรงกับมื้ออาหาร
โดยทั่วไป
- ความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมระบุได้จาก การตรวจชิ้นเนื้อเต้านมอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ที่แสดงถึงมะเร็งเต้านมเฉพาะที่ (lobular carcinoma in situ หรือ LCIS) หรือการแบ่งตัวของเซลล์ที่ท่อน้ำนมผิดปกติ (atypical hyperplasia) มีญาติสายตรง (บิดามารดาหรือพี่น้อง) ที่เป็นมะเร็งเต้านม หรือมีความเสี่ยงว่าในระยะ 5 ปีที่จะเป็นมะเร็งเต้านม 1.66 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า (พิจารณาจากการตรวจคัดกรองมะเร็งแบบ Gail model)
- การทดลองทางคลินิกชี้ว่า ยานี้ไม่มีผลคล้ายกับเอสโตรเจนต่อท่อปัสสาวะหรือเนื้อเยื่อเต้านม
- การใช้ยาเกินขนาด: ไม่มียาแก้พิษที่เฉพาะเจาะจง
การเฝ้าสังเกต
- การตรวจเต้านมและแมมโมแกรม (mammogram) ก่อนหรือระหว่างการใช้ยา
ขนาดยาราลอกซิฟีนสำหรับเด็ก
ไม่ได้มีการกำหนดขนาดยาสำหรับผู้ป่วยที่เป็นเด็ก ยานี้อาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก สิ่งที่สำคัญคือต้องศึกษาการใช้ยาอย่างปลอดภัยก่อนรับประทาน โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
รูปแบบของยา
ยาราโลซิฟีนมีรูปแบบดังต่อไปนี้
- ยาเม็ดสำหรับรับประทาน
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]