ข้อบ่งใช้ เพนท็อกซิฟิลลีน
เพนท็อกซิฟิลลีนใช้สำหรับ
เพนท็อกซิฟิลลีน (Pentoxifylline) ใช้เพื่อฟื้นฟูอาการของปัญหาการไหลเวียนของเลือดที่ขาหรือแขน อย่างเช่น อาการกะเผลกหรือปวดขาเป็นพักๆ (Intermittent claudication) ที่มีสาเหตุจากโรคหลอดเลือดแดงอุดตัน ยาเพนท็อกซิฟิลลีนสามารถลดอาการปวด เมื่อย หรือตะคริวที่กล้ามเนื้อเนื่องจากการออกกำลังกาย รวมถึงการเดิน ซึ่งเกิดพร้อมกับอาการกะเผลกหรือปวดขาเป็นพักๆ ได้ ยาเพนท็อกซิฟิลลีนอยู่ในกลุ่มของยารักษาความผิดปกติของกระแสเลือด (Hemorrheologic agents) ทำงานโดยการช่วยให้เลือดไหลเวียนผ่านหลอดเลือดแดงที่แคบได้ง่ายขึ้น ทำให้เพิ่มปริมาณการลำเลียงออกซิเจนโดยเลือดเมื่อกล้ามเนื้อนั้นต้องการออกซิเจนมากขึ้น เช่น ระหว่างการออกกำลังกาย ดังนั้น จึงเพิ่มระยะทางและระยะเวลาการเดินได้
วิธีการใช้ยาเพนท็อกซิฟิลลีน
รับประทานยานี้พร้อมกับอาหาร โดยปกติคือวันละ 3 ครั้ง หรือตามที่แพทย์กำหนด
อย่าบดหรือเคี้ยวยานี้ เพราะอาจทำให้ปล่อยยาทั้งหมดออกมาในคราวเดียว และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง และไม่ควรแบ่งยา นอกเสียจากจะมีเส้นแบ่งเม็ดยา และแพทย์หรือเภสัชกรสั่งให้คุณทำ กลืนยาทั้งเม็ดหรือเม็ดยาส่วนที่แบ่งไว้ลงไป โดยไม่ต้องบดหรือเคี้ยว
ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ และการตอบสนองต่อการรักษา
ใช้ยาเป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาสูงสุด เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน ควรใช้ยานี้อย่างต่อเนื่อง แม้คุณจะรู้สึกสบายดี อย่าหยุดใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาการอาจจะดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์ แต่อาจต้องใช้เวลานานถึง 8 สัปดาห์ กว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุด
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการของคุณไม่หายไปหรือแย่ลง
การเก็บรักษายาเพนท็อกซิฟิลลีน
ยาเพนท็อกซิฟิลลีนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาเพนท็อกซิฟิลลีนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาเพนท็อกซิฟิลลีนลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำเว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาเพนท็อกซิฟิลลีน
ก่อนใช้ยาเพนท็อกซิฟิลลีน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือแพ้ต่อคาเฟอีน หรือทีโอฟิลลีน (theophylline) หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีสารไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดสมองที่เพิ่งเป็นเมื่อไม่นานมานี้ อาการเลือดออกในดวงตาที่เพิ่งเป็นเมื่อไม่นานมานี้ ปัญหาเกี่ยวกับไต ปัญหาเกี่ยวกับตับ เพิ่งผ่านการผ่าตัดครั้งใหญ่มา หรือมีแผลในกระเพาะอาหาร
ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนได้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือกัญชาอาจทำให้อาการวิงเวียนรุนแรงขึ้นได้ อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัว จนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย จำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปรึกษาแพทย์หากคุณใช้กัญชา
ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)
ในช่วงขณะการตั้งครรภ์ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษาความเสี่ยงและประโยชน์กับแพทย์
ยานี้สามารถส่งผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาเพนท็อกซิฟิลลีนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาเพนท็อกซิฟิลลีน
อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีแก๊ส เรอ และวิงเวียนได้ หากอาการเหล่านี้ไม่หายไป หรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากคำนวณแล้วว่า ยามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากเกิดผลข้างเคียงที่หายากแต่รุนแรงมากดังต่อไปนี้ หัวใจเต้นเร็วหรือหัวใจเต้นผิดปกติ มีรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย
รับการรักษาในทันที หากเกิดผลข้างเคียงที่หายาก แต่รุนแรงมากดังต่อไปนี้คือ เจ็บหน้าอก
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่ ยาอื่นที่สามารถทำให้เกิดอาการเลือดไหลหรือรอยช้ำ รวมถึงยาต้านลิ่มเลือด (antiplatelet drugs) เช่น โคลพิโดเกรล (clopidogrel) ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) คีโตโรแลค (ketorolac) หรือนาพรอกเซน (naproxen) ยาเจือจางเลือด เช่น วาฟาริน (warfarin) หรือดาบิดาแทรน (dabigatran)
ยาแอสไพรินสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดออก เมื่อใช้ร่วมกับยานี้ได้ แต่หากแพทย์สั่งให้คุณใช้ยาแอสไพรินขนาดต่ำ เพื่อป้องกันโรคหัวใจขาดเลือดฉับพลัน หรือโรคหลอดเลือดสมอง (ขนาดยาตามปกติคือ 81-325 มก. ต่อวัน) คุณควรใช้ยานั้นต่อไป นอกเสียจากแพทย์จะสั่งอย่างอื่น
ยาเพนท็อกซิฟิลลีนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาเพนท็อกซิฟิลลีนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาเพนท็อกซิฟิลลีนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาเพนท็อกซิฟิลลีนสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาอาการกะเผลกหรือปวดขาเป็นพักๆ (Intermittent Claudication)
- 400 มก. รับประทานวันละ 3 ครั้ง หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นแนะนำให้ลดขนาดยาลงมาที่ 400 มก. วันละสองครั้ง
การปรับขนาดยาสำหรับไต
- ค่าครีอะตินีนเคลียรานซ์ (Creatine Clearance) 10 ถึง 50 มล./นาที: 400 มก. รับประทานวันละสองครั้ง หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นแนะนำให้ลดขนาดยาลงมาที่ 400 มก. วันละครั้ง
- ค่าครีอะตินีนเคลียรานซ์น้อยกว่า 10 มล./นาที: 400 มก. รับประทานวันละครั้ง อาจจำเป็นต้องลดขนาดยาเพิ่มขึ้น เช่น 200 มก. ต่อวัน แต่ยาในปัจจุบัน (ยาออกฤทธิ์นานหรือออกฤทธิ์แบบควบคุม ไม่เรียงลำดับ) อาจต้องปรับมาเป็น 400 มก. ทุกวันเว้นวัน
หมายเหตุ: ยาเพนท็อกซิฟิลลีนนั้นไม่สามารถขับออกโดยไม่เปลี่ยนแปลงทางปัสสาวะได้ แต่กระบวนการเปลี่ยนแปลงสภาพของยา (pharmacologically active metabolite) อาจเกิดการสะสมในผู้ป่วยที่มีไตบกพร่อง และเพิ่มฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาและความเป็นพิษ
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
400 มก. รับประทานวันละสองครั้ง หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นแนะนำให้ลดขนาดยาลงมาที่ 400 มก. วันละครั้ง
การปรับขนาดยา
ในผู้ป่วยที่มีทั้งภาวะไตและตับวาย ควรลดขนาดยาลงมาที่ 400 มก. วันละครั้ง
ข้อควรระวัง
ผู้ที่มีไตบกพร่อง และ/หรือ ตับบกพร่อง ควรเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์อย่างใกล้ชิด
การฟอกไต (Dialysis)
ข้อมูลที่จำกัดแสดงให้เห็นว่า ยาเพนท็อกซิฟิลลีนสามารถกำจัดได้พอสมควร ขณะทำการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis) ดังนั้น จึงควรให้ยาหลังจากทำการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
คำแนะนำอื่นๆ
ยาเพนท็อกซิฟิลลีนนั้นควรรับประทานพร้อมกับอาหาร เพื่อลดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร ควรใช้ยาเพนท็อกซิฟิลลีนเป็นเวลาอย่างน้อย 8 สัปดาห์ เพื่อดูประสิทธิภาพของยา
ขนาดยาเพนท็อกซิฟิลลีนสำหรับเด็ก
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัย และประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ดสำหรับรับประทานแบบออกฤทธิ์นาน
- ยาผงสำหรับผสม
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]