Prednisolone เป็นยาสังเคราะ์ของฮอร์โมน คอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid hormone) ที่ใช้เพื่อรักษาความผิดปกติต่าง ๆ เช่น ข้ออักเสบ ปัญหาเกี่ยวกับเลือด ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง อย่างไรก็ตาม หากใช้อย่างไม่ถูกต้องอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดข้างเคียงต่าง ๆ เช่น เลือดออกในกระเพาะอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน รวมถึงอาจทำให้ยามีประสิทธิภาพลดลง ดังนั้น จึงควรศึกษาข้อมูลวิธีการใช้ยา รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นก่อนใช้ยาเสมอ
[embed-health-tool-bmi]
ข้อบ่งใช้ Prednisolone
เพรดนิโซโลน ใช้สำหรับ
เพรดนิโซโลน (Prednisolone) เป็นสารสังเคราะห์ของสารตามธรรมชาติอย่างฮอร์โมนคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroid hormone) ที่ผลิตในต่อมหมวกไต ยานี้ใช้เพื่อรักษาสภาวะ เช่น ข้ออักเสบ ปัญหาเกี่ยวกับเลือด ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง สภาวะของผิวและดวงตา ปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ โรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้ขั้นรุนแรง ยานี้จะลดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อโรคต่าง ๆ เพื่อลดอาการ เช่น อาการปวด อาการบวม และอาการแพ้ เป็นต้น
วิธีการใช้ยา เพรดนิโซโลน
- รับประทานยาเพรดนิโซโลนพร้อมกับอาหาร เพื่อป้องกันอาการท้องไส้ปั่นป่วน ตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด
- ตวงยาอย่างระมัดระวังด้วยเครื่องมือตวงยาพิเศษ หรือช้อนตวงยา อย่าใช้ช้อนธรรมดา เพราะอาจได้ขนาดยาที่ไม่ถูกต้อง
- ยาเพรดนิโซโลน นั้นมีหลายยี่ห้อ หลายขนาด และหลายรูปแบบ ควรอ่านแนวทางการใช้ยาสำหรับยาแต่ละชนิดอย่างละเอียด เพราะปริมาณของยาเพรดนิโซโลนอาจจะแตกต่างกัน ตามแต่ผลิตภัณฑ์ อ่านเพิ่มเติมในส่วนของข้อควรระวังและการเก็บรักษา
- ควรทำข้อแนะนำการใช้ยาอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นขนาดยา และระยะเวลาในการรักษา
- แพทย์อาจสั่งให้คุณรับประทานยาเพรดนิโซโลนวันละ 1-4 ครั้ง หรือรับประทานหนึ่งครั้งวันเว้นวัน อาจทำเครื่องหมายไว้บนปฏิทินเพื่อช่วยเตือนความจำได้
- อย่าหยุดใช้ยานี้โดยไม่ปรึกษากับแพทย์ สภาวะบางอย่างอาจแย่ลง หากคุณหยุดใช้ยากะทันหัน
- หากคุณใช้ยาเพรดนิโซโลน เป็นประจำในระยะเวลานาน หรือใช้ยาในขนาดยาที่สูง คุณอาจจะมีอาการถอนยา หากหยุดใช้ยากะทันหัน เพื่อป้องกันอาการถอนยา เช่น อ่อนแรง น้ำหนักลด คลื่นไส้ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว เหนื่อยล้า วิงเวียน เป็นต้น แพทย์อาจค่อย ๆ ลดขนาดยาลง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และแจ้งให้ทราบ หากมีอาการถอนยาเกิดขึ้น
- แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการของคุณไม่หายไป หรือรุนแรงขึ้น
การเก็บรักษายา เพรดนิโซโลน
- เพรดนิโซโลน ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง
- โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็ก และสัตว์เลี้ยง
- ไม่ควรทิ้งยาเพรดนิโซโลน ลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน
เพรดนิโซโลน บางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยา หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา เพรดนิโซโลน
- ก่อนใช้ยา เพรดนิโซโลน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ยานี้ หรือยากลุ่มเดียวกันกับเพรดนิโซน รวมถึงกรณีที่คุณมีโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจจะมีสารไม่ออกฤทธิ์ ที่ส่งผลให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่นๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
- ก่อนใช้ยานี้แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะ โรคที่เกี่บวกับดวงตา เช่น โรคต้อกระจก หรือต้อหิน ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ โรคตับ โรคไต ไทรอยด์ โรคเบาหวาน ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือลำไส้ โรคกระดูกพรุน การติดเชื้ออย่างวัณโรค ลิ่มเลือด รวมไปถึงสภาวะทางจิตใตหรืออารมณ์บางอย่าง เป็นต้น
- เพรดนิโซโลน อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน อย่าขับรถ หรือใช้เครื่องจักร และทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัว จนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย
- เพรดนิโซโลน อาจทำให้เกิดอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร การดื่มสุราเป็นประจำระหว่างที่ใช้ยานี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร ควรจำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
- ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบ เกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเองตามร้านขายยา และสมุนไพรต่าง ๆ
- ยานี้อาจมีแอลกอฮอล์ น้ำตาล ควรใช้ยาด้วยความระมัดระวัง หากคุณเป็นโรคเบาหวาน ภาวะติดแอลกอฮอล์ (alcohol dependence) โรคตับ โรคฟีนิลคีโตนูเรีย (phenylketonuria) หรือสภาวะอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงสารเหล่านี้ในอาหารของคุณ
- การใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์เป็นเวลานาน สามารถทำให้ร่างกายของคุณตอบสนองต่อความตึงเครียดทางกายภาพได้ยากขึ้น ดังนั้น ก่อนการผ่าตัดหรือรับการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน หรือหากคุณมีอาการป่วย แจ้งให้แพทย์ หรือทันตแพทย์ทราบว่าคุณกำลังใช้ยานี้หรือเคยใช้ยาเหล่านี้ภายใน 12 เดือนที่ผ่านมา แจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากคุณมีอาการเหนื่อยล้าหรือน้ำหนักลดอย่างรุนแรงหรือผิดปกติ หากคุณต้องใช้ยานี้เป็นเวลานานควรพกบัตรแจ้งหรือหรือกำไรข้อมูลทางการแพทย์ที่บอกว่าคุณกำลังใช้ยานี้
- ยาเพรดนิโซโลน อาจปกปิดสัญญาณของการติดเชื้อ และอาจทำให้คุณมีโอกาสติดเชื้อได้มากขึ้นดังนั้นจึงควรล้างมือให้ละอาดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงการติดต่อผู้มีอาการติดเชื้อที่สามารถแพร่สู่ผู้อื่นได้
- ยาเพรดนิโซโลน อาจทำให้วัคซีนทำงานได้ไม่ดีนัก ดังนั้น จึงไม่ควรสร้างภูมิคุ้มกัน หรือรับวัคซีนโดยไม่ปรึกษากับแพทย์
- ยานี้อาจชะลอการเจริญเติบโตของเด็กหากใช้เป็นเวลานาน โปรดแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ควรไปหาแพทย์เป็นประจำเพื่อทำการตรวจสอบส่วนสูง และความเจริญเติบโตของลูกคุณ
- ผู้สูงอายุอาจจะมีปฏิกิริยาไวต่อผลของยานี้ได้มากกว่า โดยเฉพาะอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร
- ช่วงขณะตั้งครรภ์ ควรใช้ยาเพรดนิโซโลน เมื่อจำเป็นเท่านั้น ในกรณีหายาก ยานี้อาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ ทำให้ทารกที่เกิดจากแม่ที่ใช้ยานี้เป็นเวลานานอาจมีปัญหาเกี่ยวกับฮอร์โมน แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณสังเกตเห็นอาการของทารก เช่น คลื่นไส้อาเจียนบ่อย ๆ ท้องร่วงอย่างรุนแรง หรืออาการอ่อนแรง เป็นต้น
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ Prednisolone ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงที่อาจพบบ่อยจากยาเพรดนิโซโลน
- อาจเกิดอาการคลื่นไส้ แสบร้อนกลางอก ปวดหัว วิงเวียน รอบการมีประจำเดือนเปลี่ยน นอนไม่หลับ เหงื่อออกมากขึ้น หรือเป็นสิว หากผลข้างเคียงใด ๆ เกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบโดยทันที
- โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากคำนวณแล้วว่า ยามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใด ๆ
- เนื่องจากยาเพรดนิโซโลน ทำงานโดยการทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแรงลง ทำให้อาจลดความสามารถในการต่อสู้กับการติดเชื้อได้ และอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรงถึงแก่ชีวิต โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากคุณมีสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น อาการไอ เจ็บคอ เป็นไข้ หนาวสั่น
- การใช้ยานี้เป็นเวลานาน หรือใช้เป็นรอยช้ำ ๆ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อราในช่องปาก หรือการติดเชื้อยีสต์ ติดต่อแพทย์ หากคุณสังเกตเห็นรอยสีขาวภายในปาก หรือมีความเปลี่ยนแปลงของสารคัดหลั่งจากช่องคลอด
- ในกรณีหายาก ยานี้อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณเพิ่มสูงขึ้น หรือทำให้โรคเบาหวานรุนแรงขึ้น แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากคุณสังเกตเห็นอาการของระดับน้ำตาลในเลือดสูง เช่น กระหายน้ำมากขึ้นหรือปัสสาวะมากขึ้น หากคุณเป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว ควรทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำตามที่กำหนด และแจ้งผลให้แพทย์ทราบ เพื่อให้แพทย์ปรับขนาดยาเหมาะสมสำหรับโรคเบาหวาน พร้อมวางโปรแกรมการออกกำลังกาย และอาหารที่รับประทาน
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นแต่รุนแรงดังต่อไปนี้
- เหนื่อยล้าผิดปกติ
- มีอาการบวมที่ข้อเท้าหรือเท้า
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นผิดปกติ
- มีปัญหากับการมองเห็น
- มีรอยช้ำ หรือเลือดออกง่าย
- หน้า ลิ้น ลำคอบวม
- มีขนขึ้นผิดปกติ
- มีความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ หรืออารมณ์ เช่น ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดกระดูก หรือปวดกล้ามเนื้อ
- ผิวบางลง แผลหายได้ช้า
- ปวดหน้าอก มีอาการชัก
ไม่ใช่ทุกคนที่จะแสดงอาการอันเนื่องมาจากผลข้างเคียงเหล่านี้ อาจมีผลข้างเคียงอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากคุณมีความกังวลเรื่องผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
Prednisolone อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ ได้แก่
- อัลเดสลูคิน (aldesleukin)
- อะซาไธโอพรีน (azathioprine)
- ไซโคลสปอริน (cyclosporine)
- เคมีบำบัดสำหรับโรคมะเร็ง (cancer chemotherapy)
- มิฟีพริสโตน (Mifepristone)
- ยาที่สามารถทำให้เกิดอาการเลือดออก หรือรอยช้ำ
- ยาต้านเกล็ดเลือด (antiplatelet drugs)
- โคลพิโดเกรล (clopidogrel)
- ยาเจือจางเลือด เช่น ดาบิกาแทรน (dabigatran) และวาร์ฟาริน (warfarin)
- ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน เซเลโคซิบ (celecoxib) หรือไอบูโพรเฟน (ibuprofen)
- เอสโตรเจน (Estrogen)
- ยาต้านไวรัสกลุ่มเอโซล (azole antifungals) เช่น ไอทราโคนาโซล (itraconazole)
- ยาไรฟามัยซิน (rifamycins)
- สมุนไพรเซนต์จอห์น (St. John’s wort)
- ยารักษาอาการชัก เช่น เฟนิโทอิน (phenytoin) และอื่น ๆ
ยานี้อาจส่งผลกระทบต่อผลการตรวจในห้องทดลองบางอย่าง (เช่นการทดสอบผิวหนัง) ควรแจ้งให้บุคลากรในห้องทดลองและแพทย์ทั้งหมดทราบว่าคุณกำลังใช้ยานี้
ยา เพรดนิโซโลน อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่าคุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เองตามร้านขายยา และสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้การอนุญาตจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาเพรดนิโซโลน อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาเพรดนิโซโลนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา Prednisolone
ข้อมูลนี้ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรของคุณก่อนที่จะใช้เพรดนิโซโลน
ขนาดยา เพรดนิโซโลน สำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคปลอกประสาทอักเสบ (Multiple Sclerosis)
ขนาดยาเริ่มต้น : 200 มก. รับประทานวันละครั้งเป็นเวลา 1 สัปดาห์ แล้วตามด้วย 80 มก. รับประทานวันเว้นวันเป็นเวลา 1 เดือน
คำแนะนำ
- คอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้นจะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุดเมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- การทดลองทางการแพทย์ที่มีการควบคุมนั้นได้แสดงให้เห็นว่ายาคอร์ติโคสเตียรอยด์นั้นมีประสิทธิภาพในการเพิ่มความเร็วต่อการยับยั้งโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งที่กำเริบอย่างฉับพลัน แม้ว่าจะยังไม่แสดงให้เห็นถึงการส่งผลกระทบต่ออุบัติการตามธรรมชาติของโรค
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาอาการแพ้
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคลโดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วย
- ขนาดยาเริ่มต้น : รับประทาน 5-60 มก. ต่อวัน อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน
- ขนาดยาปกติ : ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อย ๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อย โดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้น จะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุด เมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวันสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่เมื่อมีการปะทุของอาการอย่างกะทันหัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด (Ankylosing Spondylitis)
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วย
- ขนาดยาเริ่มต้น : รับประทาน 5-60 มก. ต่อวัน อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน
- ขนาดยาปกติ : ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อย ๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อยโดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้นจะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุดเมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวันสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่เมื่อมีการปะทุของอาการอย่างกะทันหัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคปอดบวมจากการสำลัก (Aspiration Pneumonia)
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วย
- ขนาดยาเริ่มต้น : รับประทาน 5-60 มก. ต่อวัน อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน
- ขนาดยาปกติ : ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อยๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อยโดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้น จะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุด เมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวันสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่เมื่อมีการปะทุของอาการอย่างกะทันหัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคเบอร์ไซติส (Bursitis)
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วย
- ขนาดยาเริ่มต้น : รับประทาน 5-60 มก. ต่อวัน อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน
- ขนาดยาปกติ : ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อยๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อยโดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้น จะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุด เมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวันสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่เมื่อมีการกำเริบของอาการอย่างกะทันหัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากการแพ้กลูเตน (Dermatitis Herpetiformis)
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วย
- ขนาดยาเริ่มต้น : รับประทาน 5-60 มก. ต่อวัน อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน
- ขนาดยาปกติ : ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อยๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อยโดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้นจะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุดเมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวันสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่เมื่อมีการปะทุของอาการอย่างกะทันหัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะแคลเซียมในเลือดสูงจากเนื้อร้าย (Hypercalcemia of Malignancy)
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วย:
- ขนาดยาเริ่มต้น : รับประทาน 5-60 มก. ต่อวัน อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน
- ขนาดยาปกติ : ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อยๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อยโดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้นจะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุดเมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวันสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่เมื่อมีการปะทุของอาการอย่างกะทันหัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะเลือดออกง่ายจากเกล็ดเลือดต่ำชนิดไม่ทราบสาเหตุ (ภูมิคุ้มกัน) (Idiopathic (Immune) Thrombocytopenic Purpura)
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วย
- ขนาดยาเริ่มต้น : รับประทาน 5-60 มก. ต่อวัน อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน
- ขนาดยาปกติ : ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อยๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อยโดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้นจะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุดเมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวันสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่เมื่อมีการปะทุของอาการอย่างกะทันหัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษากลุ่มอาการโลฟเฟลอร์ (Loeffler’s Syndrome)
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วย
- ขนาดยาเริ่มต้น : รับประทาน 5-60 มก. ต่อวัน อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน
- ขนาดยาปกติ : ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อยๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อย โดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้น จะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุดเมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวัน สำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่ เมื่อมีการปะทุของอาการอย่างกะทันหัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis)
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วย
- ขนาดยาเริ่มต้น : รับประทาน 5-60 มก. ต่อวัน อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน
- ขนาดยาปกติ : ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อยๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อยโดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้นจะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุดเมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวันสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่เมื่อมีการปะทุของอาการอย่างกะทันหัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคกล้ามเนื้ออักเสบ (Polymyositis) / โรคกล้ามเนื้อและผิวหนังอักเสบ (Dermatomyositis)
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคลโดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วย
- ขนาดยาเริ่มต้น : รับประทาน 5-60 มก. ต่อวัน อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน
- ขนาดยาปกติ : ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อยๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อยโดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้นจะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุดเมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวันสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่เมื่อมีการปะทุของอาการอย่างกะทันหัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคลโดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วย
- ขนาดยาเริ่มต้น : รับประทาน 5-60 มก. ต่อวัน อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน
- ขนาดยาปกติ : ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อยๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อยโดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้น จะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุด เมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวัน สำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่ เมื่อมีการปะทุของอาการอย่างกะทันหัน
หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวการใช้ยานี้ในการรักษาที่เกี่ยวข้องกับภาวะสุขภาพอื่น ๆ เพิ่มเติม สามารถเข้าขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ได้อีกครั้ง เพื่อรับขนาดยาที่ถูกต้องเหมาะสม
ขนาดยา เพรดนิโซโลน สำหรับเด็ก
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาอาการแพ้
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคลโดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วยโดยไม่ค่อยเน้นในการยึดมั่นในอายุหรือน้ำหนักตัวอย่างเคร่งครัด
- ขนาดยาเริ่มต้น : รับประทาน 0.14-2 มก./กก./วัน หรือ 4-60 มก./ตารางเมตร/วัน หรือ 5-60 มก. อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน 2-4 ครั้งต่อวัน
- ขนาดยาปกติ : ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อย ๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อยโดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้นจะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุดเมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวันสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่เมื่อมีการปะทุของอาการอย่างกะทันหัน
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคปอดบวมจากการสำลัก (Aspiration Pneumonia)
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคลโดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วยโดยไม่ค่อยเน้นในการยึดมั่นในอายุหรือน้ำหนักตัวอย่างเคร่งครัด
- ขนาดยาเริ่มต้น : รับประทาน 0.14-2 มก./กก./วัน หรือ 4-60 มก./ตารางเมตร/วัน หรือ 5-60 มก. อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน 2-4 ครั้งต่อวัน
- ขนาดยาปกติ : ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อย ๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อยโดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้นจะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุดเมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวันสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่เมื่อมีการปะทุของอาการอย่างกะทันหัน
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคเบอร์ไซติส (Bursitis)
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคลโดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วยโดยไม่ค่อยเน้นในการยึดมั่นในอายุหรือน้ำหนักตัวอย่างเคร่งครัด
- ขนาดยาเริ่มต้น : รับประทาน 0.14-2 มก./กก./วัน หรือ 4-60 มก./ตารางเมตร/วัน หรือ 5-60 มก. อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน 2-4 ครั้งต่อวัน
- ขนาดยาปกติ : ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อยๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อยโดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้นจะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุดเมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวันสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่เมื่อมีการปะทุของอาการอย่างกะทันหัน
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากการแพ้กลูเตน (Dermatitis Herpetiformis)
ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละบุคคลโดยขึ้นอยู่กับโรคและการตอบสนองของผู้ป่วยโดยไม่ค่อยเน้นในการยึดมั่นในอายุหรือน้ำหนักตัวอย่างเคร่งครัด
- ขนาดยาเริ่มต้น: รับประทาน 0.14-2 มก./กก./วัน หรือ 4-60 มก./ตารางเมตร/วัน หรือ 5-60 มก. อาจรับประทานหนึ่งครั้งหรือแบ่งรับประทาน 2-4 ครั้งต่อวัน
- ขนาดยาปกติ: ปรับขนาดยาหรือรักษาระดับของยาในขนาดเริ่มต้นจนกว่าจะได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ แล้วค่อยๆ ลดขนาดยาในปริมาณเล็กน้อยโดยเว้นช่วงอย่างเหมาะสมเพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่สามารถรักษาระดับของการตอบสนองที่เพียงพอได้
คำแนะนำ
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์จากภายนอกนั้นจะกดการทำงานของต่อมหมวกไตน้อยที่สุดเมื่อให้ยาในช่วงเวลาที่มีการทำงานสูงสุด ควรพิจารณาเวลาในการทำงานของต่อมหมวกไตชั้นนอก (adrenal cortex) สูงสุด (ตี 2 ถึง 8 โมงเช้า เมื่อจะให้ยา)
- อาจใช้วิธีการให้ยาแบบวันเว้นวันสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเป็นเวลานาน อาจจำเป็นต้องกลับมาใช้ขนาดยากดอาการอย่างเต็มที่เมื่อมีการปะทุของอาการอย่างกะทันหัน
หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวการใช้ยานี้ในการรักษาที่เกี่ยวข้องกับภาวะสุขภาพอื่น ๆ .ในเด็ก เพิ่มเติม สามารถเข้าขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ได้อีกครั้ง เพื่อรับขนาดยาที่ถูกต้องเหมาะสม
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามี ดังนี้
- ยาแขวนตะกอนสำหรับฉีด
- สารละลายสำหรับฉีด
- ยาน้ำเชื่อมสำหรับรับประทาน
- ยาเม็ดสำหรับรับประทาน
- ยาน้ำสำหรับรับประทาน
- ยาเม็ดสำหรับรับประทานแบบแตกตัว
- ยาผงผสม
- ยาแขวนตะกอนสำหรับรับประทาน
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งโรงพยาบาลใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมรับประทานยาควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา