ข้อบ่งใช้ โอเซลทามิเวียร์
โอเซลทามิเวียร์ ใช้สำหรับ
ยา โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) ใช้เพื่อรักษาอาการที่เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza) ช่วยทำให้อาการต่างๆ (เช่น คัดจมูก ไอ เจ็บคอ มีไข้หนาวสั่น รู้สึกปวด เหนื่อยล้า) รุนแรงน้อยลง และลดระยะเวลาของการรักษาประมาณ 1-2 วัน
ยานี้ยังสามารถใช้เพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ หากคุณเคยสัมผัสกับคนที่เป็นไข้หวัดใหญ่อยู่ก่อนแล้ว (คนสมาชิกในครอบครัวที่ป่วย) หรือหากมีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ในชุมชน ปรึกษากับแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ยานี้ทำงานโดยการยับยั้งการเติบโตของไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไม่สามารถใช้แทนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้
วิธีการใช้ยาโอเซลทามิเวียร์
- รับประทานยานี้พร้อมกับอาหารหรือไม่ก็ได้ คุณสามารถรับประทานคู่กับอาหารหรือนม เพื่อลดอาการท้องไส้ปั่นป่วน รับประทานยานี้ทันทีที่พบอาการของไข้หวัดใหญ่ หรือหลังจากที่คุณสัมผัสกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ ยาโอเซลทามิเวียร์จะมีประสิทธิภาพสูงสุด หากคุณเริ่มรับประทานยานี้ภายในสองวัน หลังจากเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งจากที่กล่าวมา
- หากคุณเป็นไข้หวัดใหญ่ รับประทานยาโอเซลทามิเวียร์ตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติแล้วคือ วันละสองครั้ง เป็นระยะเวลา 5 วัน
- เพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ รับประทานยาโอเซลทามิเวียตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติแล้วคือ วันละครั้ง เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 วัน ทำตามคำแนะนำของแพทย์ว่า คุณต้องรับประทานยานี้นานเท่าไหร่
- ขนาดยานั้นขึ้นอยู่กับอาการของคุณ การทำงานของไต และการตอบสนองต่อการรักษา ขณะที่ขนาดยาของเด็กจะต้องขึ้นอยู่กับขนาดตัวด้วย
- หากคุณไม่สามารถกลืนยาแคปซูลได้ ลองสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร เกี่ยวกับยาโอเซลทามิเวียร์ในรูปแบบยาน้ำแขวนตะกอน ถ้าหากไม่มียารูปแบบยาน้ำ และให้รับคำแแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร คุณอาจจะแกะแคปซูลออก แล้วผสมยานั้นกับน้ำหวานในปริมาณเล็กน้อย (เช่น ช็อกโกแลตไซรัปแบบธรรมดาหรือแบบไม่มีน้ำตาล น้ำเชื่อมข้าวโพด คาราเมลท็อปปิ้ง หรือน้ำตาลทรายแดงละลายในน้ำ) คนส่วนผสมให้เข้ากันและรับประทานทั้งหมดในครั้งเดียว
- ยานี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุด หากรักษาระดับของยาในร่างกายได้คงที่ ดังนั้น จึงควรรับประทานยานี้ในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน โดยเว้นระยะให้เท่าๆ กัน รับประทานยานี้จนครบตามที่กำหนด หากหยุดใช้ยาก่อนกำหนด อาจทำให้การติดเชื้อกำเริบขึ้นอีก หรือไม่สามารถป้องกันคุณจากโรคไข้หวัดได้
- แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการของคุณไม่ยอมหายไป หรือมีอาการแย่ลง หรือมีอาการใหม่เกิดขึ้น
การเก็บรักษายาโอเซลทามิเวียร์
ควรเก็บยาแคปซูลไว้ในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เก็บยาน้ำไว้ในตู้เย็นแต่ห้ามใส่ช่องแช่แข็ง ให้ทิ้งยาน้ำที่ไม่ได้ใช้ หลังจากผ่านไป 17 วัน ยาน้ำอาจสามารถเก็บไว้ที่อุณภูมิห้องที่เย็นได้มากถึง 10 วัน
ยา โอเซลทามิเวียร์ บางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยา หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาโอเซลทามิเวียร์ลงในชักโครก หรือทิ้งลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาโอเซลทามิเวียร์
- ก่อนใช้ยา โอเซลทามิเวียร์ แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณมีอาการแพ้ยานี้หรือหากคุณมีอาการแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนผสมที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ควรปรึกษากับแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
- ก่อนรับประทานยานี้ แจ้งประวัติทางการแพทย์ให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ โดยเฉพาะหากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับ โรคไต (รวมไปถึงกำลังรับการฟอกไตอยู่)
- ก่อนการผ่าตัด แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร)
- ในช่วงการตั้งครรภ์ ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น และควรปรึกษาเกี่ยวกับความเสี่ยงและผลดีกับแพทย์ก่อน
- ยานี้อาจส่งผ่านออกมาในน้ำนม แต่ไม่มีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายต่อเด็ก โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยาโอเซลทามิเวียร์ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อชั่งน้ำหนักในเรื่องความเสี่ยงของการใช้ยา ยาโอเซลทามิเวียร์จัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
ต่อไปนี้คือ การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ โดย FDA
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในงานวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาโอเซลทามิเวียร์
- อาจจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หากอาการเหล่านี้ไม่ยอมหายไป หรือมีอาการแย่ลง ควรแจ้งกับแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
- โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
- ไข้หวัดใหญ่หรือยาโอเซลทามิเวียร์ ไม่ค่อยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์หรือจิตใจที่รุนแรง มัแต่อาจะเกิดขึ้นได้ในเด็ก แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากมีอาการของพฤติกรรมที่ไม่ปกติ เช่น สับสน กระสับกระส่าย ทำร้ายตัวเอง
- การแพ้ยาที่รุนแรงนี้ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรง ได้แก่ เกิดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) เวียนหัวขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
- ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ให้ทางจมูก ภายในสองสัปดาห์ก่อนเริ่มใช้ยาตัวนี้ ยานี้อาจจะลดประสิทธิภาพการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ให้ทางจมูก ควรรออย่างน้อย 2 วัน หลังจากสิ้นสุดการรักษาด้วยยาตัวนี้ก่อน จึงค่อยไปรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ให้ทางจมูก
ยาโอเซลทามิเวียร์อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่าคุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนยาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาโอเซลทามิเวียร์อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาโอเซลทามิเวียร์อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาโอเซลทามิเวียร์สำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาปกติสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคไข้หวัดใหญ่
- 75 มก. รับประทานวันละสองครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
- วิธีใช้: ใช้สำหรับการรักษาผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ แบบ uncomplicated influenza ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่เกิน 48 ชั่วโมง
ขนาดยาปกติสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
หลังจากสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลที่ติดเชื้อ: 75 มก. รับประทานวันละครั้งอย่างน้อย 10 วัน
- ในช่วงที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในชุมชน: รับประทาน 75 มก. วันละครั้ง
คำแนะนำ
- การรักษาควรเริ่มต้นภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากการสัมผัสกับเชื้อ
- ยามีความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดที่ 6 สัปดาห์ สำหรับผู้ป่วยที่มีการตอบสนองต่อยา
- มีการจัดทำยาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพนานสูงสุดที่ 12 สัปดาห์ สำหรับผู้ป่วยที่มีการตอบสนองต่อยาไม่ปกติ
การปรับขนาดยาสำหรับโรคไต
ผู้ใหญ่
สำหรับการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่
- ความผิดปกติของไตระดับน้อย (ค่า CrCl มากกว่า 60 ถึง 90 มล./นาที): 75 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
- ความผิดปกติของไตระดับปานกลาง (ค่า CrCl มากกว่า 30 ถึง 60 มล./นาที): 30 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
- ความผิดปกติของไตระดับรุนแรง (ค่า CrCl มากกว่า 10 ถึง 30 มล./นาที): 30 มก. รับประทานวันละครั้ง
- โรคไตระยะสุดท้าย (End stage renal disease) ที่ไม่ได้ทำการฟอกไต: ไม่แนะนำให้ใช้ยา
ระยะเวลาในการรักษา: 5 วัน
สำหรับการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
- ความผิดปกติของไตระดับน้อย (ค่า CrCl มากกว่า 60 ถึง 90 มล./นาที): 75 มก. รับประทานวันละครั้ง
- ความผิดปกติของไตระดับปานกลาง (ค่า CrCl มากกว่า 30 ถึง 60 มล./นาที): 30 มก. รับประทานวันละครั้ง
- ความผิดปกติของไตระดับรุนแรง (ค่า CrCl มากกว่า 10 ถึง 30 มล./นาที): 30 มก. รับประทานวันเว้นวัน
- โรคไตระยะสุดท้าย (End stage renal disease) ที่ไม่ได้ทำการฟอกไต: ไม่แนะนำให้ใช้ยา
- ระยะเวลาในการป้องกัน: เท่ากับที่แนะนำสำหรับไตที่ทำงานปกติ
การปรับขนาดยาสำหรับโรคตับ
ความผิดปกติของไตระดับน้อยถึงปานกลาง (ค่าไชด์-พิว สกอร์ [Child-Pugh score] 9 หรือน้อยกว่า): ไม่แนะนำให้ปรับขนาดยา
การฟอกของเสียจากเลือด (Dialysis)
ผู้ใหญ่
สำหรับการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่
- โรคไตระยะสุดท้ายที่ผ่านการฟอกไต (ค่า CrCl 10 มล./นาที หรือน้อยกว่า): 30 มก. รับประทานหลังจากการฟอกไตในแต่ละครั้ง
- โรคไตระยะสุดท้ายที่ผ่านการล้างไตผ่านทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง (Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis) (ค่า CrCl 10 มล./นาที หรือน้อยกว่า): 30 มก. รับประทานเป็นขนาดยา 1 ครั้ง หลังจากการทำ Dialysis exchange
- ระยะเวลาในการรักษา: ไม่ควรเกิน 5 วัน โดยประมาณว่ามีการฟอกไต 3 ครั้งในช่วงเวลา 5 วัน
คำแนะนำ: ควรเริ่มต้นรักษาทันที หลังจากที่มีอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ ภายใน 48 ชั่วโมงระหว่างการฟอกไต อย่างไรก็ตามขนาดยาหลังการฟอกไตควรได้รับการพิจารณาตามเวลาของการใช้ยาโดสแรก
สำหรับการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
- โรคไตระยะสุดท้ายที่ผ่านการฟอกไต (ค่า CrCl 10 มล./นาที หรือน้อยกว่า): 30 มก. รับประทาน
- โรคไตระยะสุดท้ายที่ผ่านการล้างไตผ่านทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง(ค่า CrCl 10 มล./นาที หรือน้อยกว่า): 30 มก. รับประทาน สัปดาห์ละครั้งทันทีหลังจากการทำ Dialysis exchang
- ระยะเวลาในการป้องกัน: เท่ากับที่แนะนำสำหรับไตที่ทำงานปกติ
คำแนะนำ: ขนาดยาเริ่มต้นสามารถให้ได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มการฟอกไต
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำการใช้
- เริ่มต้นการรักษาภายใน 48 ชั่วโมง หลังจากมีอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ หรือหลังการสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลที่ติดเชื้อ
- สามารถให้ยาได้โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงอาหาร การให้ยาพร้อมกับอาหารอาจจะเพิ่มการทนต่อยาสำหรับผู้ป่วยบางคน
- ยาน้ำแขวนตะกอนสำหรับรับประทาน เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถกลืนยาแคปซูลได้ ใช้อุปกรณ์ตวงขนาดยา เพื่อตวงปริมาณที่เหมาะสมเป็นมิลลิลิตร
- เขย่ายาน้ำแขวนตะกอนก่อนรับประทาน
- ค้นหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ในกรณีที่ลืมรับประทานยา
การเก็บรักษา
- ยาน้ำแขวนตะกอนที่ผสมแล้ว: เก็บไว้ในตู้เย็นได้นานถึง 17 วัน ที่อุณหภูมิ 2 องศาเซลเซียส ถึง 8 องศาเซลเซียส (36 ฟาเรนไฮด์ ถึง 46 ฟาเรนไฮด์) หลีกเลี่ยงการใส่ในช่องแช่แข็ง หรือเก็บไว้ได้นานถึง 10 วัน ที่อุณหภูมิห้องควบคุม 25 องศาเซลเซียส (77 ฟาเรนไฮด์)
- ยาน้ำแขวนตะกอนสำหรับกรณีฉุกเฉิน: ยาจะมีความคงที่ 35วัน หากเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2 องศาเซลเซียส ถึง 8 องศาเซลเซียส (36 ฟาเรนไฮด์ ถึง 46 ฟาเรนไฮด์) หรือ 5 วัน หากเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องที่ 25 องศาเซลเซียส (77 ฟาเรนไฮด์)
เทคนิคการเตรียมยาน้ำแขวนตะกอน
- ควรศึกษาค้นคว้าข้อมูลผลิตภัณฑ์เพื่อการเตรียมยาน้ำแขวนตะกอนสำหรับรับประทาน ควรจะเตรียมยาด้วยเภสัชกรก่อนที่จะจ่ายยาให้กับผู้ป่วย
- หากไม่มียาน้ำแขวนตะกอนสำหรับรับประทาน คุณอาจจะแกะแคปซูลออกแล้วผสมยานั้นกับน้ำหวาน เช่น ช็อกโกแลตไซรัปแบบธรรมดา หรือแบบไม่มีน้ำตาล น้ำเชื่อมขาวโพด คาราเมลท็อปปิ้ง หรือน้ำตาลทรายแดง (ละลายน้ำ)
- หากไม่มียาแคปซูลที่แรงพอเหมาะจะผสมกับของเหลวที่มีรสหวาน และไม่มียาน้ำแขวนตะกอนสำหรับรับประทาน อาจหายาฉุกเฉินมาแทนยาน้ำแขวนตะกอนสำหรับรับประทานได้ ด้วยการผสมยาแคปซูล 75 มก.
ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
หากหาซื้อยาน้ำแขวนตะกอนสำหรับรับประทานไม่ได้ (6 มก./มล.) เพียงพอสำหรับผู้ป่วย 1 คน ใช้เพื่อรักษาเป็นเวลา 5 วัน หรือใช้เพื่อป้องกันเป็นเวลา 10 วัน สามารถเตีชรียมได้จากยาแคปซูล 75 มก. ดังนี้
พิจารณาขนาดยาของยาโอเซลทามิเวียร์สำหรับผู้ป่วย แล้วพิจารณาขนาดยารวมของยาน้ำแขวนตะกอนแบบรับประทานที่จำเป็นในการผสม หากขนาดยานั้นอยู่ในขนาดยาที่ระบุไว้ ขนาดยาน้ำแขวนตะกอนสำหรับรับประทานโดยรวมก็ควรจะเป็นค่าเริ่มต้นสำหรับการระบุขนาดยาถัดไปที่มากยิ่งขึ้น
- ขนาดยา 15 มก. หรือน้อยกว่า: ขนาดรวม 37.5 มล.
- ขนาดยา 30 มก.: ขนาดรวม 75 มล.
- ขนาดยา 45 มก.: ขนาดรวม 100 มล.
- ขนาดยา 60 มก.: ขนาดรวม 125 มล.
- ขนาดยา 75 มก.: ขนาดรวม 150 มล.
คำนวณน้ำหนักยาจากแคปซูล ขนาด 75 มก. ปริมาณของน้ำ และปริมาณของสารละลาย ทั้งเชอรี่ไซรัป ออร่า-สวีท [อาร์] เอสเอฟ (Ora-Sweet[R] SF) หรือไซรัปธรรมดา ที่จำเป็นต่อการเตรียมปริมาณทั้งหมดของการประกอบยาแขวนตะกอนสำหรับรับประทานประทาน (6 มก./มล.)
- ปริมาตรรวม 37.5 มล.: ยาแคปซูล 3 เม็ด (ยาโอเซลทามิเวียร์ 225 มก.) พร้อมกับน้ำ 2.5 มล. และตัวเชื่อม 34.5 มล.
- ปริมาตรรวม 75 มล.: ยาแคปซูล 6 เม็ด (ยาโอเซลทามิเวียร์ 450 มก.) พร้อมกับน้ำ 5 มล.และตัวเชื่อม 69 มล.
- ปริมาตรรวม 100 มล.: ยาแคปซูล 8 เม็ด (ยาโอเซลทามิเวียร์ 600 มก.) พร้อมกับน้ำ 7 มล. และตัวเชื่อม 91 มล.
- ปริมาตรรวม 125 มล.: ยาแคปซูล 10 เม็ด (ยาโอเซลทามิเวียร์ 750 มก.) พร้อมกับน้ำ 8 มล. และตัวเชื่อม 115 มล.
- ปริมาตรรวม 150 มล.: ยาแคปซูล 12 เม็ด (ยาโอเซลทามิเวียร์ 900 มก.) พร้อมกับน้ำ 10 มล. และตัวเชื่อม 137 มล.
ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อเตรียมยาน้ำแขวนตะกอนสำหรับรับประทานประทาน (6 มก./มล.) จากยาแคปซูลขนาด 75 มก.
- (a) ใส่น้ำในปริมาณที่ระบุลงในภาชนะพลาสติกพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PET) หรือขวดแก้ว
- (b) แยกเปลือกแคปซูลและตัวยาออกอย่างระมัดระวัง แล้วใส่เนื้อยาของยาแคปซูล 75 มก. ในปริมาณเท่าที่จำเป็นลงในภาชนะพลาสติกพอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต หรือขวดแก้ว
- (c) คนเบาๆ เพื่อให้แน่ใจว่าผงยาโอเซลทามิเวียร์กลายเป็นผงเปียกๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 นาที
- (d) ค่อยๆ เพิ่มสารละลายลงไปในขวดตามปริมาณที่กำหนด
- (e) ใช้ฝาปิดที่ป้องกันเด็กได้เพื่อปิดฝาขวด และเขย่าขวดเป็นเวลา 30 วินาทีเพื่อละลายยาที่ออกฤทธิ์จนหมด และเพื่อให้แน่ใจว่าการกระจายตัวของยานั้นแล้วกลายเป็นยาแขวนตะกอน ยาที่ออกฤทธิ์ (ยาโอเซลทามิเวียร์ ฟอสเฟต) สามารถละลายได้ในตัวเชื่อมบางตัวเท่านั้น และไม่สามารถละลายได้ในวัตถุดิบบางชนิดทำให้กลายเป็นสารแขวนลอย
ทั่วไป
- ยังไม่มีจัดทำยาที่มีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ป่วยที่เริ่มรักษาหลังจากมีอาการไปแล้ว 48 ชั่วโมง
- ไม่สามารถใช้ยานี้แทนยาวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปีได้
- ยังไม่มีจัดทำยาที่มีประสิทธิภาพสำหรับการเจ็บป่วยใดๆ อันเนื่องมาจากเชื้อโรคอื่นที่ไม่ใช่ไวรัส อินฟลูเอนซ่า เอและบี
- เนื่องจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซ่ามีการระบาดเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล การดื้อยา หรือการกลายพันธุ์อาจจะเกิดขึ้นและลดประสิทธิภาพของยาต้านไวรัส ควรมีการพิจารณาเกี่ยวกับยาแก้ไข้หวัดแบบรู้สึกไว และผลของการรักษาขณะที่กำลังตัดสินใจว่าจะใช้ยานี้หรือไม่
- ปริมาณของสารซอร์บิทอลในยาน้ำแขวนตะกอน 75 มก. คือ 2 กรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณของสารที่ควรได้รับสุงสุดต่อวัน สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการแพ้น้ำตาลฟรุคโดสที่สืบทอดทางพันธุกรรม
การเฝ้าสังเกต
- จิตเวช: สัญญาณของลักษณะนิสัยที่ผิดปกติของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
ขนาดยาโอเซลทามิเวียร์สำหรับเด็ก
ขนาดยาปกติสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคไข้หวัดใหญ่
อายุ 2 สัปดาห์ ไปจนถึงน้อยกว่า 1 ปี: 3 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง
อายุ 1 ถึง 12 ปี
- 15 กก. หรือน้อยกว่า: 30 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
- 15.1 ถึง 23 กก.: 45 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
- 23.1 ถึง 40 กก.: 60 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
- 40.1 กก. ขึ้นไป: 75 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
- 13 ปีหรือมากกว่า: 75 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
ระยะเวลาในการรักษา: 5 วัน
คำแนะนำ
- สำหรับผู้ป่วยที่อายุต่ำกว่า 1 ปี ควรจัดเตรียมอุปกรณ์ตวงขนาดยาที่เหมาะสมซึ่งสามารถตวงและให้ยาในขนาดที่น้อยได้
วิธีใช้: สำหรับการรักษาผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ในผู้ป่วย (2 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น) ที่มีอาการไม่เกิน 48 ชั่วโมง
คำแนะนำจากหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกา และคณะกรรมการแนะนำเวชปฏิบัติการสร้างภูมิคุ้มกัน:
ทารกคลอดก่อนกำหนด
- อายุในครรภ์ต่ำกว่า 38 สัปดาห์: 1 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง
- อายุในครรภ์ 38 ถึง 40 สัปดาห์: 1.5 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง
- อายุในครรภ์มากกว่า 40 สัปดาห์: 3 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง
- ทารกที่ครบกำหนด 8 เดือน หรือน้อยกว่านั้น: 3 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง
- ทารก 9ถึง 11 เดือน: 3.5 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง
เด็กอายุ 12 เดือนขึ้นไป
- 15 กก. หรือน้อยกว่า: 30 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
- มากกว่า 15 ถึง 23 กก.: 45 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
- มากกว่า 23 ถึง 40 กก.: 60 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
- มากกว่า 40 กก.: 75 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
คำแนะนำ
- ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องการติดเชื้อในเด็ก สำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนดมาก (อายุก่อนตั้งครรภ์ต่ำกว่า 28 สัปดาห์)
ขนาดยาปกติสำหรับเด็กเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
อายุ 1 ถึง 12 ปี
- 15 กก. หรือน้อยกว่า: 30 มก. รับประทานวันละครั้ง
- 15.1 ถึง 23 กก.: 45 มก. รับประทานวันละครั้ง
- 23.1 ถึง 40 กก.: 60 มก. รับประทานวันละครั้ง
- 40.1 กก. ขึ้นไป: 75 มก. รับประทานวันละครั้ง
- 13 ปีหรือมากกว่า: 75 มก. รับประทานวันละครั้ง
ระยะเวลาในการรักษา
- หลังจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ:10 วัน
- ขณะที่มีการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ในชุมชน: อาจจะต้องรักษาต่อเนื่องนานถึง 6 สัปดาห์
คำแนะนำ
- การรักษาควรเริ่มภายใน 48 ชั่วโมงหลังการสัมผัสกับเชื้อ
- องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกายังไม่ให้การยอมรับการใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่อายุต่ำกว่า 1 ปี
คำแนะนำจากหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกา และคณะกรรมการแนะนำเวชปฏิบัติการสร้างภูมิคุ้มกัน:
- ทารกครบกำหนดคลอดที่อายุต่ำกว่า 3 เดือน: ไม่แนะนำ ยกเว้นว่าจะเป็นกรณีจำเป็น
- ทารกครบกำหนดคลอดที่อายุ 3 ถึง 8 เดือน: 3 มก./กก รับประทานวันละครั้ง
- ทารกอายุ 9 ถึง 11 เดือน: 3.5 มก./กก รับประทานวันละครั้ง
เด็กที่อายุ 12 เดือนขึ้นไป
- 15 กิโลกรัมหรือน้อยกว่า: 30 มก.รับประทานวันละครั้ง
- มากกว่า 15 ถึง 23 กิโลกรัม: 45 มก.รับประทานวันละครั้ง
- มากกว่า 23 ถึง 40 กิโลกรัม: 60 มก.รับประทานวันละครั้ง
- มากกว่า 40 กิโลกรัม: 75 มก.รับประทานวันละครั้ง
ข้อควรระวัง
ยังไม่มีวิธีการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ป่วยที่อายุต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ยังไม่มีวิธีการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ป่วยที่อายุต่ำกว่า 1 ปี
รูปแบบของยา
จุดเด่นและรูปแบบการใช้งานมีดังนี้
- ยาแคปซูลสำหรับรับประทาน
- ยาผงละลายน้ำ
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมรับประทานยาควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]