ไซโดวูดีน (Zidovudine) ยาต้านไวรัสที่ช่วยไม่ให้เชื้อเอชไอวีเพิ่มจำนวน และใช้ขณะตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หญิงที่ติดเชื้อเอชไอวีถ่ายทอดเชื้อไปยังทารก
ข้อบ่งใช้
ไซโดวูดีน ใช้สำหรับ
ไซโดวูดีน (Zidovudine) เป็นยาต้านไวรัส ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเอชไอวี (human immunodeficiency virus) ในร่างกายเพิ่มจำนวน
ไซโดวูดีน ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่สามารถทำให้เกิดโรคเอดส์ หรือกลุ่มอาการภูมิคุ้มกันบกพร่อง (acquired immunodeficiency syndrome) ยาไซโดวูดีนยังใช้ขณะตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หญิงที่ติดเชื้อเอชไอวีถ่ายทอดเชื้อไปยังเด็กทารก อย่างไรก็ตาม ยานี้ไม่สามารถรักษาการติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์ให้หายขาดได้
ยาไซโดวูดีนยังอาจใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น นอกเหนือจากในคู่มือการใช้ยาได้ด้วย
วิธีใช้ ยาไซโดวูดีน
ควรทำตามวิธีการใช้ยาทั้งหมดบนฉลากยา ในบางครั้งแพทย์อาจต้องเปลี่ยนขนาดยาของคุณ อย่าใช้ยานี้ในขนาดที่มากกว่า น้อยกว่า หรือใช้ยานานกว่าที่แนะนำ
ยาไซโดวูดีนสามารถรับประทานพร้อมกับอาหาร หรือรับประทานแยกต่างหากก็ได้
หากเด็กใช้ยานี้ โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบ หากน้ำหนักของเด็กมีความเปลี่ยนแปลง ขนาดของยาไซโดวูดีนนั้นจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของเด็ก และความเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบกับขนาดยาของเด็กได้
ยาไซโดวูดีนอาจลดจำนวนเซลล์เม็ดเลือดที่ช่วยร่างกายของคุณต่อสู้กับการติดเชื้อ และช่วยหมุนเวียนออกซิเจนภายในร่างกาย คุณอาจติดเชื้อ หรือรู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ และต้องเข้ารับการตรวจเลือดเป็นประจำ
เอชไอวีหรือโรคเอดส์นั้นมักจะรักษาโดยการใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน ควรใช้ยาทั้งหมดตามที่แพทย์กำหนด อ่านคู่มือการใช้ยาหรือคำแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับมากับยาแต่ละชนิด อย่าเปลี่ยนขนาดยาหรือตารางการใช้ยาเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ทุกคนที่ติดเชื้อเอชไอวีหรือเป็นโรคเอดส์นั้น ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
การเก็บรักษา ยาไซโดวูดีน
ควรเก็บรักษายาไซโดวูดีนที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาไซโดวูดีนบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งยาไซโดวูดีนลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกร
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา ไซโดวูดีน
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์ทราบหาก
- คุณกำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากในช่วงที่คุณตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
- หากคุณกำลังใช้ยาอื่นอยู่ หรือมีแผนจะใช้ยาอื่น เช่น ยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่หาซื้อเอง วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพร
- หากคุณแพ้สารออกฤทธิ์หรือไม่มีฤทธิ์ในการรักษาของยาไซโดวูดีน หรือยาอื่น ๆ
- หากคุณมีอาการป่วย มีความผิดปกติ หรือมีสภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ
อย่าใช้ ยาไซโดวูดีน หากคุณเคยมีอาการแพ้ต่อยารีโทรเวียร์ (Retrovir) หรือยาอื่น ๆ ที่มีส่วนผสมของยาไซโดวูดีน รวมถึงยาคอมบิเวียร์ อย่าใช้ยารีโทรเวียร์พร้อมกับยาที่มีส่วนผสมของยาไซโดวูดีนหรือยาสตาวูดีน (stavudine) รวมถึงยาคอมบิเวียร์ ยาไตรซิเวียร์ หรือยาเซริต (Zerit)
บางคนที่ใช้ยาไซโดวูดีน อาจเกิดภาวะเลือดเป็นกรดแล็กติก (lactic acidosis) ซึ่งถือเป็นสภาวะทางการแพทย์รุนแรงอย่างหนึ่ง ภาวะนี้มักเกิดกับผู้หญิง ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ผู้ที่เป็นโรคตับ และผู้ที่ใช้ยารักษาการติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์เป็นเวลานาน โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงของคุณ
ยาไซโดวูดีนยังสามารถส่งผลกระทบรุนแรงต่อตับจนอาจถึงแก่ชีวิตได้ โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณเป็นโรคตับ โดยเฉพาะโรคตับอักเสบซี (hepatitis C)
หากคุณเคยเป็นโรค หรือสภาวะทางการแพทย์ต่อไปนี้ โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ ยาไซโดวูดีน
- โรคไต
- ปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ
- การกดไขกระดูก
- อาการเลือดออกหรือเซลล์เม็ดเลือดผิดปกติ
- คุณดื่มสุราในปริมาณมาก
คาดกันว่า ยาไซโดวูดีน ไม่เป็นอันตรายกับทารกในครรภ์ แต่เชื้อเอชไอวีสามารถถ่ายทอดไปยังลูกของคุณได้ หากคุณไม่ทำการรักษาอย่างถูกต้องขณะตั้งครรภ์ ควรใช้ยารักษาการติดเชื้อเอชไอวีทั้งหมดของคุณตามที่กำหนด เพื่อควบคุมการติดเชื้อ
ผู้หญิงที่ติดเชื้อเอชไอวีหรือเป็นโรคเอดส์ไม่ควรให้นมบุตร แม้ว่าลูกของคุณจะเกิดมาโดยไม่มีเชื้อเอชไอวี เพราะเชื้อไวรัสอาจถ่ายทอดผ่านทางน้ำนมจากแม่ไปยังลูกของคุณ
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาไซโดวูดีนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A = ไม่มีความเสี่ยง
- B = ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C = อาจจะมีความเสี่ยง
- D = มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X = ห้ามใช้
- N = ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาไซโดวูดีน
รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันที หากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่
- ลมพิษ
- หายใจติดขัด
- บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
หรือมีปฏิกิริยาผิวหนังที่รุนแรง ได้แก่
- เป็นไข้ เจ็บคอ
- แสบร้อนที่ดวงตา ปวดผิว
- ผดผื่นผิวหนังสีแดงหรือสีม่วงที่แพร่กระจาย และทำให้เกิดแผลพุพองและผิวลอก
ทุกอาการของภาวะเลือดเป็นกรดแล็กติกนั้นอาจรุนแรงขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป และสภาวะนี้อาจเป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิต ควรเข้ารับการรักษาทันทีแม้ว่าคุณจะมีอาการระดับเบา อาการปวดกล้ามเนื้อหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการชาหรือรู้สึกเย็นที่แขนหรือยา หายใจติดขัด ปวดท้อง คลื่นไส้และอาเจียน หัวใจเต้นผิดปกติ วิงเวียน หรือรู้สึกอ่อนแรงหรือเหนื่อยมาก
โปรดติดต่อแพทย์ทันที หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้
- เซลล์เม็ดเลือดขาวต่ำ – เป็นไข้ มีอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ เหงือกบวม มีแผลภายในปาก มีอาการปวดขณะกลืน มีแผลบนผิวหนัง ไอ หายใจติดขัด
- เซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำ (ภาวะโลหิตจาง) – ผิวซีด เหนื่อยล้าผิดปกติ รู้สึกหน้ามืดหรือหายใจลำบาก มือและเท้าเย็น
- ปัญหาเกี่ยวกับตับ – อาการบวมที่ช่วงลำตัว ปวดท้องส่วนบน เหนื่อยล้าผิดปกติ เบื่ออาหาร ปัสสาวะสีคล้ำ อุจจาระสีดินเหนียว ดีซ่าน (ดวงตาหรือผิวหนังเป็นสีเหลือง)
ยาไซโดวูดีน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อบางชนิด หรืออาจเปลี่ยนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน จนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์หรือเดือน หลังจากคุณเริ่มใช้ยาไซโดวูดีน โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีอาการ
- สัญญาณของการติดเชื้อครั้งใหม่ – เป็นไข้ มีเหงื่อตอนกลางคืน ต่อมบวม มีแผลในปาก ท้องร่วง ปวดท้อง น้ำหนักลด
- ปวดหน้าอก (โดยเฉพาะเวลาหายใจ) ไอแห้ง หายใจมีเสียงหวีด รู้สึกหายใจลำบาก
- เริมที่ริมฝีปาก มีแผลที่บริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก
- หัวใจเต้นเร็ว รู้สึกวิตกกังวลหรือหงุดหงิด อ่อนแรง หรือรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกแทง มีปัญหากับการทรงตัวหรือการเคลื่อนไหวของดวงตา
- พูดลำบากหรือกลืนลำบาก มีอาการปวดรุนแรงที่หลังส่วนล่าง สูญเสียการควบคุมกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้
- มีอาการบวมที่คอหรือลำคอ (ต่อมไทรอยด์โต) ประจำเดือนเปลี่ยนแปลง เกิดอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ สูญเสียความสนใจทางเพศ
ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปมีดังนี้
- ปวดศีรษะ
- เป็นไข้ รู้สึกป่วยทั่วไป
- ไอ
- คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
- รูปร่างหรือตำแหน่งของไขมันในร่างกายเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะที่แขน ขา ใบหน้า คอ เต้านม หรือเอว
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาไซโดวูดีน อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ ได้แก่
- ยาด็อกโซรูบิซิน (Doxorubicin)
- ยาแกนซิโคลเวียร์ (Ganciclovir)
- ยาอินเตอร์เฟรอน อัลฟ่า (Interferon alfa)
- ยาริบาเวียร์ริน (Ribavirin)
- ยาที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแรง เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง ยาสเตียร์รอยด์ ยาป้องกันการต่อต้านอวัยวะใหม่จากการปลูกถ่ายอวัยวะ
ปฎิกิริยาต่ออาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาไซโดวูดีน อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยาต่ออาการโรคอื่น
ยาไซโดวูดีน อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาไซโดวูดีนสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อเอชไอวี
- รับประทาน : 300 มก. ทุก ๆ 12 ชั่วโมง หรือ 200 มก. ทุก ๆ 8 ชั่วโมง
- ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ : 1 มก./กก. ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ (หยอดยานานกว่า 1 ชั่วโมง) ทุก ๆ 4 ชั่วโมง ตลอดทั้งวัน สำหรับขนาดยาต่อวันโดยรวมที่ 5 ถึง 6 มก./กก.
- ระยะเวลาการรักษา : ควรดำเนินการรักษาอย่างต่อเนื่องนานเท่าที่ผู้ป่วยจะทนได้ หรือจนกว่าจะเปลี่ยนไปใช้ยาต้านไวรัสชนิดอื่น
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อลดโอกาสการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากมารดาสู่ทารก
- ขนาดยาทางฝั่งของมารดา : 100 มก. รับประทานวันละ 5 ครั้งจนเริ่มคลอดบุตร (ขนาดยาอาจขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์) ขนาดยาพื้นฐานคือ 300 มก. ทุก ๆ 12 ชั่วโมง หรือ 200 มก. ทุก ๆ 8 ชั่วโมง
- ระหว่างการคลอดบุตร : 2 มก./กก. ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ (หยอดยานานกว่า 1 ชั่วโมง) ตามด้วยหยอดยาเข้าหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่องที่ขนาด 1 มก./กก./ชั่วโมง จนตัดสายสะดือ
- ควรเริ่มต้นการรักษาตั้งแต่สัปดาห์ที่ 14-34 ของการตั้งครรภ์ และควรทำการรักษาทารกเป็นเวลา 6 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม แม้จะใช้ยาตามสูตรนี้แล้ว แต่ก็ยังมีบางกรณีที่เกิดการถ่ายทอดเชื้อไปยังทารก
ขนาดยาไซโดวูดีนสำหรับเด็ก
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อเอชไอวี
อายุ 4 สัปดาห์ ถึง น้อยกว่า 18 ปี :
ขนาดยาที่รับประทานขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว ดังนี้
- น้ำหนัก 4 ถึงน้อยกว่า 9 กก. : 12 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง หรือ 8 มก./กก. รับประทานวันละสามครั้ง
- น้ำหนัก 9 ถึงน้อยกว่า 30 กก. : 9 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง หรือ 6 มก./กก. รับประทานวันละสามครั้ง
- น้ำหนัก 30 กก. ขึ้นไป : 300 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง หรือ 200 มก./กก. รับประทานวันละสามครั้ง
ขึ้นอยู่กับพื้นที่ผิวของร่างกาย 240 มก./ตารางเมตร (ขนาดยาสูงสุด 300 มก./ครั้ง) รับประทานวันละสองครั้ง หรือ 160 ก./ตารางเมตร (ขนาดยาสูงสุด 200 มก./ครั้ง) รับประทานวันละสามครั้ง
ขนาดยาที่คำนวณโดยใช้น้ำหนักตัวไม่เหมือนกับขนาดยาที่คำนวณโดยใช้พื้นที่ผิวของร่างกายในกรณีเดียวกัน
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อลดโอกาสการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากมารดาสู่ทารก
ทารกแรกเกิด
- รับประทานยา 2 มก./กก. รับประทานทุกๆ 6 ชั่วโมง
- ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ 1.5 มก./กก. ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ (หยอดยานานกว่า 30 นาที) ทุก ๆ 6 ชั่วโมง
ควรเริ่มให้ยาทารกแรกเกิดภายใน 12 ชั่วโมงหลังคลอด และรักษาต่อเนื่องจนถึงอายุ 6 สัปดาห์ อาจใช้วิธีฉีดยาไซโดวูดีนเข้าหลอดเลือดดำ กับทารกที่ไม่สามารถใช้ยาแบบรับประทานได้
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ด
- ยาสำหรับฉีด
กรณีฉุกเฉินหรือการใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]