ข้อบ่งใช้ ไรรูโซล
ไรรูโซล ใช้สำหรับ
ไรรูโซล (Riluzole) ใช้เพื่อรักษาโรคเส้นประสาทบางชนิดที่เรียกว่า โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอส (amyotrophic lateral sclerosis) หรือที่เรียกว่าโรคลูเกริก (Lou Gehrig’s disease) และอาจช่วยบรรเทาอาการของโรคไม่ให้ทรุดลงไปกว่าเดิม
แต่ยานี้อาจไม่สามารถรักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอสให้หายขาด และไม่สามารถฟื้นฟูเส้นประสาทที่เสียหายอย่างหนักให้กลับมาเหมือนเดิมได้ในทันที เพียงแต่เป็นยาที่ใช้ในการปกป้องเส้นประสาทในสมอง และไขสันหลัง จากสารตามธรรมชาติที่มีมากเกินไปอย่างสารกลูตาเมต (glutamate) ที่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เส้นประสาทเสียหายได้เท่านั้น
วิธีการใช้ยา ไรรูโซล
- รับประทานยานี้ตามที่แพทย์สั่ง โดยปกติคือทุกๆ 12 ชั่วโมงขณะท้องว่าง อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนหรือ 2 ชั่วโมงหลังจากมื้ออาหาร
- ใช้ยานี้เป็นประจำ เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากยาสูงสุด และเพื่อให้ง่ายต่อการจำ ควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
- อย่าเพิ่มขนาดยา รับประทานบ่อยกว่า หรือรับประทานนานกว่าที่กำหนดเนื่องจากความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงอาจเพิ่มขึ้น
การเก็บรักษายา ไรรูโซล
- ยาไรรูโซลควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงแดดหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย
- ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง
- ยาไรรูโซลบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย
- โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็ก และสัตว์เลี้ยง
- ไม่ควรทิ้งยาไรรูโซลลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์ที่จำหน่ายยา
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา ไรรูโซล
- ก่อนใช้ยาไรรูโซล แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่น ๆ
- ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในสภาวพทางสุขภาพเกี่ยวข้องกับโรคตับ และโรคไต
- ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน ง่วงซึม ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาในขณะที่ขับยานพาหนะ และทำงานใกล้ชิดกับเครื่องจักรอันตราย
- งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เกิดอาการง่วงซึมรุนแรงขึ้นได้
- สมรรถภาพของไตและตับจะลดลง เมื่อคุณมีอาการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุจะมีปฏิกิริยาไวต่อผลข้างเคียงของยาได้มากกว่า
- ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยา
- ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า ยานี้สามารถเข้าสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาไรรูโซลจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยา ไรรูโซล
- อาจเกิดอาการวิงเวียน หน้ามืด ง่วงซึม เหนื่อยล้า
- คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง
- เบื่ออาหาร ปวดท้อง
- เหน็บชาที่ปาก
หากอาการเหล่านี้ไม่หายไป หรือรุนแรงขึ้น เช่น อาเจียนไม่ยอมหยุด ดวงตาและผิวหนังเป็นสีเหลือง ปวดท้องอย่างรุนแรง ปัสสาวะสีคล้ำ หายใจติดขัด โปรดรีบเข้าขอรับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที
โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากคำนวณแล้วว่า ยามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ ได้แก่
- ยาอื่นที่อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับตับ เช่น อัลโลพูรินอล (allopurinol) เมทิลโดปา (methyldopa) หรือซัลฟาซาลาซีน (sulfasalazine)
- ยาที่ส่งผลกระทบต่อเอ็นไซม์ตับที่กำจัดยาไรรูโซลออกจากร่างกาย เช่น อะมิทริปไทลีน (amitriptyline) คาเฟอีน โอเมพราโซล (omeprazole) ไรแฟมพิน (rifampin) ทาครีน (tacrine) ควิโนโลน (quinolone) หรือยาปฏิชีวนะไซโปรฟลอกซาซิน (ciprofloxacin)
ยาไรรูโซลอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาไรรูโซลอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาไรรูโซลอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาไรรูโซลสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอส (Amyotrophic Lateral Sclerosis)
- 50 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง
- การใช้ยาในขนาดที่สูงกว่านั้นไม่สามารถคาดหวังว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าได้แต่อาการไม่พึงประสงค์อาจจะเพิ่มขึ้น
- ควรรับประทานยาเม็ดไรรูโซลอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนหรือ 2 ชั่วโมงหลังจากมื้ออาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงการดูดซึมลดลงที่เกี่ยวข้องกับอาหาร
การปรับขนาดยาสำหรับไต
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจำเป็นต้องปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่มีภาวะไตบกพร่องหรือไม่ แต่เนื่องจากกระบวนการย่อยสลายยาไรรูโซลและยาในปริมาณน้อยนั้นจะจำกัดโดยไต แนะนำให้ใช้ด้วยความระมัดระวังหากต้องใช้ยาไรรูโซลในผู้ป่วยที่มีภาวะไตบกพร่อง
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
- ยาไรรูโซลส่วนมากนั้นจะถูกย่อยสลายที่ตับ ควรใช้ยาไรรูโซลด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่เป็นหรือเคยเป็นโรคตับ การทดลองทางการแพทย์ที่ได้รับการเผยแพร่นั้น ไม่รวมกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอยู่ด้วย ดังนั้น จึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการปรับขนาดยาในกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้
- หากผู้ป่วยกำลังใช้ยาไรรูโซล และมีค่าเอแอลทีน้อยกว่า 5 เท่าของขีดกำจัดบนของค่าปกติ ควรดำเนินการรักษาต่อไปด้วยความระมัดระวัง ยังไม่มีรายงานทางการแพทย์เกี่ยวกับผู้ป่วยที่มีค่าเอแอลทีมากกว่า 5 เท่าของขีดกำจัดบนของค่าปกติ แพทย์ ผู้ป่วย และ/หรือผู้ดูแลควรพิจารณาอัตราส่วนความเสี่ยงต่อประโยชน์ในการดำเนินการรักษาต่อไป หากยังคงดำเนินการรักษาด้วยยาไรรูโซลต่อไป ผู้ผลิตแนะนำให้ควรมีการเฝ้าระดับสมรรถภาพของตับอย่างสมบูรณ์เป็นประจำทุกสัปดาห์ ควรหยุดการรักษาหากค่าเอแอลทีมากกว่า 10 เท่าของขีดกำจัดบนของค่าปกติ
- ยังไม่เคยมีการทดลองให้ยาซ้ำอีกครั้ง ในผู้ป่วยที่เคยหยุดใช้ยาไรรูโซล เนื่องจากค่าเอแอลทีสูงเกินไป
ขนาดยาไรรูโซลสำหรับเด็ก
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ดสำหรับรับประทาน
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
[embed-health-tool-bmi]