ไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ โดยเป็นยาที่จัดอยู่ในยาปฏิชีวนะกลุ่มควิโนโลน (quinolone) ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย แต่ไม่สามารถใช้กับการติดเชื้อไวรัสได้ เช่น โรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่
[embed-health-tool-bmr]
ข้อบ่งใช้
วิธีการใช้ยา ไซโปรฟลอกซาซิน
- ยาไซโปรฟลอกซาซิน สามารถรับประทานพร้อมกับอาหาร หรือรับประทานแยกต่างหากตามที่แพทย์สั่ง โดยปกติคือวันละ 1-2 ครั้งเวลาเช้า เย็น
- เขย่าขวดยาประมาณ 15 วินาที ก่อนเทยา ควรตวงยาอย่างระมัดระวัง ด้วยถ้วยตวงสำหรับตวงยา อย่าใช้ช้อนธรรมดา เพราะอาจจะได้ขนาดยาที่ไม่ถูกต้อง และโปรดอย่าเคี้ยวยาที่มีลักษณะแขวนตะกอน
- ห้ามใช้ยาแขวนตะกอนกับสายให้อาหาร เนื่องจากตัวยาอาจอุดตันในสายได้
- ขนาดยา และระยะเวลาในการรักษา ขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ และการตอบสนองทางการรักษา ควรดื่มน้ำให้มากขณะที่กำลังใช้ยานี้ เว้นแต่แพทย์จะกำหนดเป็นอย่างอื่น
- รับประทานยาไซโปรฟลอกซาซินอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อน หรือ 6 ชั่วโมงหลังจากใช้ยาอื่นที่อาจมาผูกติดกับยานี้ เพราะอาจทำให้ลดประสิทธิภาพของยานี้ลงได้
- สอบถามแพทย์เกี่ยวกับยาอื่นที่กำลังใช้ เช่น ควินาพริล (quinapril) ซูคราลเฟต (sucralfate) รวมถึงอาหารที่เรารับประทานร่วม ดังนี้ วิตามิน แร่ธาตุ รวมถึงอาหารเสริมธาตุเหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม อะลูมิเนียม และแคลเซียม โดยอาจสามารถอยู่ในนม โยเกิร์ต หรือแม้แต่อาหารเสริมต่าง ๆ
- ยาปฏิชีวนะจะออกฤทธิ์ได้ดี เมื่อปริมาณยาในร่างกายอยู่ในระดับคงที่ ดังนั้น โปรดรับประทานยาในเวลาที่ห่างเท่า ๆ กัน เพื่อช่วยเตือนความจำ หรือรับประทานในเวลาเดียวกันของแต่ละวัน
- ไม่ควรหยุดยา เพิ่ม และลดขนาดยาเอง จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากแพทย์
- แจ้งให้แพทย์ทราบ หากยังคงมีอาการหรืออาการแย่ลง
การเก็บรักษา ยาไซโปรฟลอกซาซิน
- ยาไซโปรฟลอกซาซิน ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง และหลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย
- ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำ หรือช่องแช่แข็ง
- ไม่ควรทิ้งยาไซโปรฟลอกซาซินลงในชักโครก หรือในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
- เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็ก และสัตว์เลี้ยง
ยาไซโปรฟลอกซาซินบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน หากมีข้อกังวล หรือข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้จากเภสัชกร และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งได้ในทันที
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา ไซโปรฟลอกซาซิน
ก่อนใช้ยาไซโปรฟลอกซาซิน
- แจ้งให้แพทย์ทราบ หากมีอาการผิดปกติ หรืออาการแพ้ต่อยานี้ หรือยาอื่น ๆ
- โปรดระบุถึงโรคประจำตัว หรือประวัติทางการแพทย์ร่วมโดยเฉพาะ โรคภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นแพ้อาหาร แพ้สีย้อม แพ้สารกันบูด เป็นต้น อีกทั้งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อเอง ควรอ่านฉลากยา หรือส่วนประกอบอย่างระมัดระวังก่อนนำมาใช้งาน
- แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาที่กำลังใช้อยู่ร่วมไม่ว่าจะเป็นยาที่แพทย์กำหนด หรือยาตามร้านขายยา รวมถึงสมุนไพร และอาหารเสริมต่าง ๆ
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อวิเคราะห์ถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ก่อนใช้ยาไซโปรฟลอกซาซิน จากอ้างอิงจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ยานี้จัดเป็นยากลุ่มเสี่ยงสำหรับสตรีมีครรภ์ประเภท C
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ ยาไซโปรฟลอกซาซิน
แจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากมีผลข้างเคียงที่รุนแรง ดังนี้
- อาการแพ้
- ลมพิษ
- หายใจติดขัด
- ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอบวม
- วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง หมดสติ หัวใจเต้นเร็ว
- อาการปวดกล้ามเนื้อ และข้อต่อฉับพลัน
- รอยช้ำ บวม กดเจ็บ แข็งเกร็ง หรือสูญเสียการเคลื่อนไหวในข้อต่อส่วนใดส่วนหนึ่ง
- ท้องเสีย อุจจาระมีเลือดปน
- สับสน เห็นภาพหลอน ซีมเศร้า และพฤติกรรมที่ผิดปกติ
- มีอาการชัก
- หูอื้อ
- มีปัญหาด้านการมองเห็น
- ผิวซีด หรือเป็นสีเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม เป็นไข้ อ่อนแรง
- ปัสสาวะน้อยกว่าปกติหรือไม่ปัสสาวะเลย
- เกิดรอยช้ำหรือมีเลือดออกได้ง่าย
- มีอาการเหน็บชาหรืออาการปวดที่ผิดปกติขึ้นที่บางส่วนในร่างกาย
- มีสัญญาณแรกของผดผื่นผิวหนัง ไม่ว่าจะเบาแค่ไหนก็ตาม
- ปฏิกิริยาที่ผิวหนังอย่างรุนแรง ทำให้เกิดแผลพุพองและผิวลอก
ไม่ใช่ทุกคนที่จะแสดงอาการอันเนื่องมาจากผลข้างเคียงเหล่านี้ อาจมีผลข้างเคียงอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากมีความกังวลเรื่องผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาไซโปรฟลอกซาซิน อาจมีปฏิกิริยากับยาอื่น ๆ ที่กำลังใช้ร่วมด้วย โดยอาจเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพการทำงานของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการมีปฏิกิริยาดังกล่าว ควรแจ้งรายชื่อยาทั้งหมดที่ใช้ให้แพทย์ทราบ ไม่ว่าจะเป็นยาที่ได้รับคำสั่งจากทางแพทย์ ยาที่หาซื้อเองโดยการจำหน่ายทางเภสัชกร ดังนี้
- อะโกเมลาทีน (Agomelatine)
- แอมิแฟมพริดีน (Amifampridine)
- ซิซาไพรด์ (Cisapride)
- โดรเนดาโรน (Dronedarone)
- โลมิทาไพด์ (Lomitapide)
- เมโซไรดาซีน (Mesoridazine)
- พิโมไซด์ (Pimozide)
- ไพเพอราควิน (Piperaquine)
- สปาร์ฟลอกซาซิน (Sparfloxacin)
- ไทโอริดาซีน (Thioridazine)
- ทิซานิดีน (Tizanidine)
การใช้ยานี้กับยาดังต่อไปนี้ โดยปกติแล้วจะไม่แนะนำ แต่อาจจำเป็นต้องใช้ในบางกรณี หากได้รับสั่งยาทั้งสองร่วมกัน แพทย์อาจต้องเปลี่ยนขนาดยา ชนิดใดหนึ่ง หรือทั้งสองชนิด
- อะคาร์โบส (Acarbose)
- แอซีเคไนด์ (Acecainide)
- อะซีโตเฮกซาไมด์ (Acetohexamide)
- อัลฟูโซซิน (Alfuzosin)
- อะโลกลิปทิน (Alogliptin)
- อโลเซตรอน (Alosetron)
- อะมิโอดาโรน (Amiodarone)
- อะมิทริปไทลีน (Amitriptyline) และยาอื่น ๆ
การใช้ยานี้กับยาต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้ แต่การใช้ยาทั้งสองชนิดร่วมกัน อาจเป็นการรักษาที่ดีที่สุด หากได้รับการจ่ายยาทั้งสองร่วมกัน บางครั้งแพทย์อาจต้องปรับเพิ่ม-ลดยาชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือทั้งสองชนิด
- อะลูมิเนียมคาร์บอเนต (Aluminum Carbonate)
- อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (Aluminum Hydroxide)
- อะลูมิเนียมฟอสเฟต (Aluminum Phosphate)
- เบต้าเมทาโซน (Betamethasone)
- แคลเซียม (Calcium)
- คลอโรควิน (Chloroquine)
- คอร์ติโซน (Cortisone)
- โคซินโทรปิน (Cosyntropin)
- โซลพิเดม (Zolpidem)
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาไซโปรฟลอกซาซินอาจอาจทำปฏิกิริยากับอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจะปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพการทำงานของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงรุนแรงอื่น ๆ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาไซโปรฟลอกซาซิน อาจส่งผลให้อาการโรคต่าง ๆ เหล่านี้ แย่ลง
- โรคเบาหวาน
- ท้องร่วง
- อาการหัวใจขาดเลือดฉับพลัน
- โรคหัวใจ จังหวะการเต้นของหัวใจมีปัญหา
- ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia)
- ภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ (Hypomagnesemia)
- โรคตับ
- โรคลมชัก (epilepsy)
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคไตขั้นรุนแรง
- มีประวัติการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น หัวใจ ไต หรือปอด
- มีประวัติการเกิดอาการผิดปกติของเส้นเอ็น เช่น โรคข้อรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis)
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาไซโปรฟลอกซาซินสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อป้องกันโรคแอนแทรกซ์ (Anthrax)
- ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ : 400 มก. ทุก ๆ 12 ชั่วโมง
- รับประทาน : 500 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชั่วโมง
- ควรเริ่มต้นการรักษาโดยเร็วที่สุดหลังจากต้องสงสัยหรือยืนยันแล้วว่าเปิดรับเชื้อ ระยะเวลาในการรักษาทั้งหมด (รวมทั้งการให้ยาทางหลอดเลือดดำและรับประทาน) คือ 60 วัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด (Bacteremia)
- 400 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๆ 12 ชั่วโมง
- ควรดำเนินการรักษาอย่างต่อเนื่อง 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับสภาวะและความรุนแรงของการติดเชื้อ
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)
อาการหลอดลมอักเสบเรื้อรังกำเริบฉับพลัน ระดับเบา-ปานกลาง
- ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ : 400 มก. ทุก ๆ 12 ชั่วโมง
- รับประทาน : 500 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชั่วโมง
ระดับรุนแรง/มีอาการแทรกซ้อน
- ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ : 400 มก. ทุก ๆ 8 ชั่วโมง
- รับประทาน : 750 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชั่วโมง
- ระยะเวลาการรักษา : 7 ถึง 14 วัน
ขนาดยาไซโปรฟลอกซาซินสำหรับเด็ก
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อป้องกันโรคแอนแทรกซ์ (Anthrax)
- ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ : 10 มก./กก. ทุก ๆ 12 ชั่วโมง (ขนาดยาสูงสุด: 400 มก./ครั้ง)
- รับประทาน : 15 มก./กก. รับประทานทุก ๆ 12 ชั่วโมง (ขนาดยาสูงสุด: 500 มก../ครั้ง)
- ควรเริ่มต้นการรักษาโดยเร็วที่สุดหลังจากต้องสงสัยหรือยืนยันแล้วว่าเปิดรับเชื้อ ระยะเวลาในการรักษาทั้งหมด (รวมทั้งการให้ยาทางหลอดเลือดดำและรับประทาน) คือ 60 วัน
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection)
เด็กอายุ 1-18 ปี
- ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ : 6-10 มก./กก. ทุก ๆ 8 ชั่วโมง (ขนาดยาสูงสุด 400 มก./ครั้ง)
- รับประทาน : 10-20 มก./กก. รับประทานทุก ๆ 12 ชั่วโมง (ขนาดยาสูงสุด 750 มก./ครั้ง)
- ระยะเวลาการรักษาทั้งหมด (รวมทั้งการให้ยาทางหลอดเลือดดำและรับประทาน) คือ 10-21 วัน
ยาไซโปรฟลอกซาซินไม่ใช่ตัวเลือกยาอันดับแรก เนื่องจากมีอัตราการเกิดอาการไม่พึงประสงค์สูงกว่า ดังนั้น จึงควรเข้ารับการตรวจสอบจากแพทย์อีกครั้ง เพราะอาจมียา หรือเทคนิคอื่น ๆ ที่เหมาะสมกว่าในการรักษา
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาไซโปรฟลอกซาซิน รูปแบบเม็ดเคลือบแผ่นฟิล์ม 250 มก. 500 มก.
- ยาไซโปรฟลอกซาซิน รูปแบบยาแขวนตะกอน 5% (100 มล.) 10% (100 มล.)
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งโรงพยาบาลใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากลืมรับประทานยาควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา