เลือดคั่งในสมอง (Intracerebral Hemorrhage: ICH) คือ โรคหลอดเลือดสมองชนิดหนึ่ง เป็นภาวะที่มีเลือดออกในเนื้อสมองอย่างกะทันหัน ทำให้มีเลือดคั่งอยู่ภายในสมอง และสร้างความเสียหายให้แก่สมองโดยรวม
คำจำกัดความ
เลือดคั่งในสมอง คืออะไร
เลือดคั่งในสมอง (Intracerebral Hemorrhage: ICH) คือ โรคหลอดเลือดสมองชนิดหนึ่ง เป็นภาวะที่มีเลือดออกอย่างกะทันหันในเนื้อสมอง ทำให้มีเลือดคั่งอยู่ภายในสมอง และสร้างความเสียหายให้แก่สมองโดยรวม เลือดที่ไหลออกมาจะสร้างความระคายเคืองต่อเนื้อสมอง ส่งผลให้เกิดการบวม ซึ่งเรียกอาการดังกล่าวว่า สมองบวม (Cerebral Edema) โดยเลือดที่ไหลออกมาจะรวมตัวจับเป็นก้อน สภาวะเหล่านี้จะเพิ่มแรงกดบนเนื้อเยื่อสมองโดยรอบ และฆ่าเซลล์สมองในที่สุด
การเกิดเลือดออกในสมองสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายบริเวณ เช่น เลือดออกระหว่างตัวเนื้อสมองกับเยื่อหุ้มสมอง ระหว่างชั้นของเยื่อหุ้มสมอง หรือระหว่างกะโหลกศีรษะกับเยื่อหุ้มสมอง
เลือดออกในสมองเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาทันที คนส่วนใหญ่ต้องพิการตลอดชีวิต เพราะรักษาไม่ทัน แต่คนไข้บางรายก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ โรคแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นได้ ประกอบไปด้วย โรคหลอดเลือดสมอง สมองทำงานบกพร่อง รวมถึงผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการรับยาหรือการรักษา ผู้มีอาการอาจถึงขั้นเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว แม้จะได้รับการรักษาทางการแพทย์แล้วก็ตาม
เลือดคั่งในสมอง พบได้บ่อยเพียงใด
ภาวะเลือดคั่งในสมอง พบได้ทั่วไป เกิดขึ้นได้ในคนทุกวัย ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง สามารถจัดการได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
อาการ
อาการของภาวะ เลือดคั่งในสมอง
อาการโดยทั่วไปของ ภาวะเลือดคั่งในสมอง ได้แก่
- ปวดหัวหนักอย่างกะทันหัน
- แขนขารู้สึกอ่อนแรง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ความตื่นตัวลดน้อยลง
- พูดลำบากหรือพูดเข้าใจยาก
- มีปัญหาในการพูด
- กลืนน้ำลายลําบาก
- มีปัญหาการมองเห็นในดวงตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
- สูญเสียการทรงตัว การประสานงานของร่างกาย วิงเวียนศีรษะ
- เหม่อลอย เซื่องซึม เฉื่อยชา
- หมดสติ
- สับสน มีอาการเพ้อ
- การรับรู้รสชาติผิดปกติ
หลายอาการอาจไม่ได้รวมอยู่ในอาการข้างต้นเหล่านี้ หากคุณมีข้อกังวลเกี่ยวกับอาการ โปรดปรึกษาแพทย์
ควรไปพบหมอเมื่อใด
หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ เนื่องจากร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์ เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ
สาเหตุ
สาเหตุของเลือดคั่งในสมอง
ภาวะเลือดคั่งในสมอง อาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- บาดเจ็บที่ศีรษะ การบาดเจ็บที่ศีรษะคือสาเหตุเลือดออกในสมองที่พบได้ทั่วไป สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 50 ปี
- ความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูงที่เกิดขึ้นเรื้อรังจะทำให้ผนังของหลอดเลือดอ่อนแอ หากไม่ได้รับการรักษา จะกลายเป็นสาเหตุใหญ่ของเลือดออกในสมอง แต่สามารถป้องกันได้
- หลอดเลือดสมองโป่งพอง เกิดจากผนังหลอดเลือดอ่อนแอจนเกิดการบวมและแตกออก ทำให้เลือดออกในสมอง
- ความผิดปกติของหลอดเลือด คือภาวะหลอดเลือดอ่อนแอ ภายในหรือบริเวณรอบสมอง อาจเป็นได้แต่กำเนิด และจะถูกตรวจพบก็ต่อเมื่อแสดงอาการแล้วเท่านั้น
- เลือดออกในเนื้อสมองชนิด Amyloid Angiopathy คือความผิดปกติของผนังหลอดเลือด ซึ่งบางครั้งก็ขึ้นอยู่กับอายุ และภาวะความดันโลหิตสูง ส่งผลให้มีเลือดออกในสมองเล็กน้อยและไม่เป็นที่สังเกต ก่อนที่จะกลายเป็นก้อนเลือดขนาดใหญ่ในภายหลัง
- ภาวะเลือดออกผิดปกติ ซึ่งประกอบด้วยโรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) และ โรคโลหิตจางเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (Sickle Cell Anemia) ซึ่งสามารถทำให้เกล็ดเลือดลดจำนวนลงได้ทั้งคู่
- โรคตับ เป็นโรคที่ส่งผลให้เลือดออกในสมองเพิ่มมากขึ้น
- มะเร็งสมอง เป็นสาเหตุให้ความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงของเลือดคั่งในสมอง
ปัจจัยเสี่ยงของ ภาวะเลือดคั่งในสมอง ได้แก่
- ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ เช่น โรคความดันโลหิตสูง
- เลือดคั่งในสมองเกิดขึ้นได้บ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
- เลือดคั่งในสมองพบได้ทั่วไป ทั้งในวัยหนุ่มสาวและวัยกลางคน
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลที่นำเสนอในที่นี้ ไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ ให้ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัย ภาวะเลือดคั่งในสมอง
คุณหมอจะวินิจฉัยว่าส่วนใดของสมองได้รับผลกระทบตามอาการที่มี ณ ขณะนั้น รวมทั้งยังต้องทำการตรวจหลายขั้นตอน เช่น การทำซีทีสแกน ซึ่งจะช่วยแสดงภาพการตกเลือดภายใน หรือจุดที่เลือดคั่ง รวมถึงการทำเอ็มอาร์ไอ
นอกจากนั้น ยังอาจต้องมีการตรวจระบบประสาทและตรวจดวงตา ซึ่งแสดงเห็นถึงเส้นประสาทตาที่บวมโต ปกติแล้ว จะไม่นิยมเจาะน้ำไขสันหลัง เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่อันตรายและทำให้อาการเลวร้ายขึ้น
การรักษาโรคเลือดคั่งในสมอง
การรักษา ภาวะเลือดคั่งในสมอง ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง สาเหตุ และขอบเขตของเลือดที่ออก ในผู้ป่วยบางรายอาจจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อลดการบวมและป้องกันเลือดออก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของก้อนเลือด ว่าจะเอื้อต่อการผ่าตัดแบบเปิดกะโหลกศีรษะ หรือ ต้องผ่าตัดด้วยระบบนำวิถี (Stereotactic Surgery)
การรักษาอาจรวมถึงการรับประทานยา ซึ่งมีทั้งยาแก้ปวด ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ หรือยาขับปัสสาวะ เพื่อลดการบวม และใช้ยาต้านชัก เพื่อควบคุมอาการชักของคนไข้
ส่วนการรักษาในระยะยาวนั้น จำเป็นต้องทำเพื่อเยียวยาความเสียหายของสมอง ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้ การรักษานั้นมักจะประกอบไปด้วยกายภาพบำบัด การฝึกพูด และการทำกิจกรรมบำบัด
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเอง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองเพื่อรับมือกับเลือดคั่งในสมอง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองดังต่อไปนี้ อาจช่วยให้คุณรับมือกับภาวะเลือดคั่งในสมอง ได้ดียิ่งขึ้น
- รักษาภาวะความดันโลหิตสูง ผลการวิจัยเปิดเผยว่าร้อยละ 80 ของเหตุเลือดคั่งในสมอง คือ ผู้ป่วยเคยมีประวัติความโลหิตสูง สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ผู้ป่วยควรควบคุมอาหาร การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการทานรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
- ไม่สูบบุหรี่
- ระวังการรับสารอันตรายเข้าร่างกาย เช่น เฮโรอีน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดคั่งในสมอง
- ขับรถอย่างระมัดระวัง คาดเข็มขัดนิรภัยอยู่เสมอ
- สวมหมวกกันน็อคทุกครั้งเมื่อขี่มอเตอร์ไซค์
- ระวังการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดว าร์ฟาริน (Warfarin) หรือที่รู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า คูมาดิน (Coumadin) ซึ่งมีอีกชื่อว่า ถ้าผู้ป่วยรับยาชนิดนี้ โปรดปรึกษาแพทย์เป็นประจำเพื่อทำให้แน่ใจว่าเลือดอยู่ในระดับปกติที่ควรจะเป็น
- รักษาโรคเบาหวานให้อยู่ในการควบคุม
- มีวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ
หากมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณได้ดีขึ้น
[embed-health-tool-bmi]