เป็นที่รู้กันว่าวิตามินดีนั้นเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง แต่ในความจริงแล้ว วิตามินดีอาจจะมีประโยชน์มากกว่านั้น โดยเฉพาะกับในเรื่องของการต้านมะเร็ง เพราะนักวิทยาศาสตร์บางส่วนมีความเห็นว่า วิตามินดี อาจสามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ แต่ก็ยังมีงานวิจัยบางส่วนที่ออกมาโต้แย้งกับความเห็นนี้ วันนี้ Hello คุณหมอ จะมานำเสนอเกี่ยวกับ วิตามินดีและโรคมะเร็ง ว่ามีความสัมพันธ์กับอย่างไร และสามารถใช้ วิตามินดีป้องกันมะเร็ง ได้จริงหรือไม่
งานวิจัยพบอะไรเกี่ยวกับ วิตามินดีและโรคมะเร็ง
ความเห็นจากฝั่งที่สนับสนุนแนวคิดที่ว่า วิตามินดีนั้นสามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้นั้น เนื่องจากงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Public Health ได้ศึกษาเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของวิตามินดี และความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ ได้แก่ มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก
งานวิจัยนั้นพบว่า ภาวะขาดวิตามินดี เมื่อรวมกับปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งอื่น ๆ แล้ว อาจเป็นตัวการที่เพิ่มโอกาสในการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเนื่องจากโรคมะเร็งได้ ได้ ดังนั้น การรักษาระดับและรับประทานวิตามินดีให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย อาจสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง หรือการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเหล่านี้ได้
อีกหนึ่งงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิชิแกน ได้พบว่า การรับประทานอาหารเสริมวิตามินดี เป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป อาจสามารถช่วยรักษาชีวิต และช่วยยืดชีวิตให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง สามารถมีชีวิตได้ยืนยาวนานมากยิ่งขึ้น งานวิจัยนั้นได้ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง และมีอายุเฉลี่ยประมาณ 68 ปี จำนวนมากกว่า 80,000 ราย โดยมุ่งเน้นไปที่ผลของการใช้อาหารเสริมวิตามินดี ต่อความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง
งานวิจัยนั้นพบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับอาหารเสริมวิตามินดี เป็นเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป จะมีโอกาสในการเสียชีวิตเนื่องจากโรคมะเร็งลดลงเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับยาหลอก
วิตามินดีป้องกันมะเร็ง ได้จริงเหรอ
แม้ว่าจะหลากหลายงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า การรับประทานอาหารเสริมวิตามินดี อาจสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ และยังอาจสามารถช่วยลดโอกาสในการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งได้จริง แต่งานวิจัยนั้น ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยง หรือประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างที่รับประทานอาหารเสริมวิตามินดีนั้น มักจะเป็นกลุ่มตัวอย่างที่มีปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง น้อยกว่ากลุ่มตัวอย่างที่ไม่ได้รับประทานอาหารเสริมวิตามินดีอยู่แล้วตั้งแต่ต้น เช่น ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีน้ำหนักเกิน หรือมีสุขภาพที่ดีกว่า การวิจัยที่ทำการศึกษาคนในสองกลุ่มนี้ โดยไม่ควบคุมตัวแปรอื่นๆ จึงอาจให้ผลที่ไม่น่าเชื่อถือเท่าที่ควร
ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุด จึงควรทำการศึกษาวิจัย โดยการควบคุมตัวแปรที่อาจส่งผลกระทบต่อการป้องกันโรค เพื่อให้สามารถได้ข้อสรุปจริงๆ ว่า การรับประทานอาหารเสริมวิตามินดีนั้น สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้จริงหรือไม่
สุดท้ายนี้ แม้ว่าเราอาจจะยังไม่สามารถทราบข้อสรุปเกี่ยวกับการรับประทานวิตามินดีเพื่อป้องกันโรคมะเร็ง แต่วิตามินดีก็ยังคงเป็นวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย และยังอาจสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอื่นๆ เช่น โรคกระดูกพรุนได้ ดังนั้น เราทุกคนจึงควรรับประทานวิตามินดีให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน
สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณที่เหมาะสมในการบริโภควิตามินดีในแต่ละวัน คือ
- อายุ 1 – 50 ปี บริโภควันละ 200 หน่วย (IU)
- อายุ 51 -70 ปี บริโภควันละ 400 หน่วย (IU)
- อายุ 70 ปีขึ้นไป บริโภควันละ 600 หน่วย (IU)
[embed-health-tool-bmi]