backup og meta

นอนกรน สาเหตุเกิดจากอะไร และวิธีรับมือกับอาการนอนกรน

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย Sopista Kongchon · แก้ไขล่าสุด 03/08/2020

    นอนกรน สาเหตุเกิดจากอะไร และวิธีรับมือกับอาการนอนกรน

    อาการ นอนกรน จะเกิดขึ้นขณะหลับ ซึ่งจะเกิดเมื่อกล้ามเนื้อหย่อนตัวลง ทำให้ทางเดินหายใจแคบเกินไป อากาศที่หายใจเข้าไปก็จะเคลื่อนผ่านทางเดินหายใจที่แคบลง ทำให้เกิดการสั่นของเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดเสียงกรนขึ้น ซึ่งมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้เกิด อาการนอนกรน ส่วนการรักษาก็จะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความรุนแรงและผลกระทบที่เกิดกับร่างกาย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอาการของเราหนักเกินไปจนต้องไปปรึกษาแพทย์แล้ว วันนี้ Hello คุณหมอ ได้รวบรวมข้อมูลเหล่านี้มาให้อ่านกันแล้วค่ะ

    ทำความรู้จักอาการนอนกรน

    หากคนรักของคุณบอกว่าคุณนอนกรนจนรบกวนการนอนหลับของเขา ถือว่างานเข้าแล้วแหละ คุณควรรีบหาวิธี แก้การ นอนกรน อย่างเร่งด่วน แต่ถ้าหากคุณไม่เชื่อว่าตัวเองนอนกรนให้ลองอัดเสียงตัวเองเวลานอน เพื่อตรวจสอบว่าคุณนอนกรนจริงหรือไม่ ส่วนสาเหตุที่ทำให้นอนกรนและวิธีรับมือกับอาการมีดังนี้

    นอนกรน หรือการกรนเป็นเสียงที่เกิดจาก ลมผ่านทางเดินหายใจส่วนบนที่แคบลงและเกิดการสั่น สะเทือนของเนื้อเยื่อบริเวณนั้น มีความสัมพันธ์อย่างมากกับโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น หรือ Obstructive Sleep Apnea (OSA) โดยถ้าช่องทางเดินหายใจแคบจนส่งผลให้ลมหายใจผ่านได้น้อยกว่าปกติ หรือไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ จนเกิดภาวะเลือดมีออกซิเจนน้อย (Hypoxemia) อาจส่งผลให้เกิดอาการคล้ายอดนอน ไม่สดชื่น ทั้งยังส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้หลายอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดหัวใจตีบ ภาวะหัวใจวาย เป็นต้น

    สาเหตุของการ นอนกรน

    สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนอนกรนมีมากมาย รวมถึงปัจจัยที่ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการนอนกรน มีดังต่อไปนี้

    • อายุ การนอนกรนเป็นอาการที่พบบ่อยตอนที่คุณมีอายุมากขึ้น
    • เพศ ผู้ชายมีแนวโน้มว่าจะนอนกรนมากกว่าผู้หญิง
    • น้ำหนัก ความอ้วนหรือน้ำหนักเกินเป็นสาเหตุให้มีเนื้อเยื่อมากบริเวณคอ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการนอนกรน
    • ทางเดินหายใจแคบ คุณอาจมีแนวโน้มที่จะนอนกรนมากกว่าถ้าคุณมีทางเดินหายใจด้านบนแคบ
    • พันธุกรรม คุณอาจมีความเสี่ยงมากกว่าที่จะเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หากมีสมาชิกในครอบครัวมีภาวะนี้
    • การติดเชื้อหรือภูมิแพ้ การติดเชื้อหรือภูมิแพ้ตามฤดูกาลอาจเป็นสาเหตุของการอักเสบในโพรงจมูกและลำคอ ซึ่งอาจนำไปสู่การนอนกรน
    • การดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์จะคลายกล้ามเนื้อซึ่งทำให้เกิดอาการนอนกรน
    • ท่านอน การนอนกรนมักจะเกิดขึ้นบ่อยกว่าหากคุณนอนในท่านอนหงาย

    อาการนอนกรน

    หากคุณมีอาการนอนกรนบ่อย ควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากคุณอาจเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับหรือเป็นโรคร้ายแรงอื่น โดยคุณหมอจะทำการทดสอบ หรือศึกษาการนอนหลับเพื่อวินิจฉัยรูปแบบ  โดยอาการนอนกรนจะมีลักษณะอาการ ดังต่อไปนี้

    • การหายใจทางปาก
    • มีอาการคัดจมูก
    • ตื่นนอนตอนเช้าด้วยอาการคอแห้ง

    แต่หากคุณมีอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณกว่าคุณนอนกรนบ่อยหรือมีอาการรุนแรง

    • ตื่นระหว่างกลางคืนเนื่องจากหายใจไม่ออก
    • หายใจเฮือก หรือสำลักอากาศ
    • กรนดังเป็นประจำ
    • งีบหลับบ่อย
    • ความจำและสมาธิไม่ค่อยดี
    • รู้สึกง่วงนอนระหว่างวัน
    • เจ็บคอ
    • เจ็บหน้าอก หรือความดันโลหิตสูง

    นอนกรน-สาเหตุ-การรักษา

    วิธีรับมือกับอาการนอนกรน

    1.ใช้ยารักษา

    ยารักษาอาการคัดจมูก เช่น ยาพ่นจมูกกลุ่มสเตียรอยด์ (Intranasal steroid) ยาลดบวมของ เยื่อบุจมูกแบบใช้เฉพาะที่ (Topical Decongesant) และยาต้านลิวโคไตรอีน (Anti- Leukotrienes) สามารถช่วยบรรเทาอาการนอนกรนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอาการนอนกรนของ คุณมีสาเหตุจากการเป็นโรคจมูกอักเสบเรื้อรัง (Chronic Rhinitis) โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิแพ้ แต่การใช้ยาเหล่านี้ คุณควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์เสียก่อน

    2.หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์

    แอลกอฮอล์ผ่อนคลายกล้ามเนื้อคอของคุณ อาจส่งผลให้เกิดอาการนอนกรน ลองหยุดดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะช่วงเวลา 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน

    3.เลิกบุรี่

    การสูบบุหรี่ไม่ดีต่อสุขภาพ และยังสามารถทำให้อาการนอนกรนแย่ลง คุณควรปรึกษาคุณหมอเพื่อรับคำแนะนำในการเลิกบุหรี่

    4.นอนตะแคงด้านข้าง

    การนอนหงายอาจเป็นสาเหตุของการนอนกรน เนื่องจากลิ้นอาจลงไปอยู่บริเวณคอ ทำให้ทางเดินอากาศแคบลง ส่งผลให้เกิดอาการนอนกรน การนอนตะแคงจะช่วยป้องกันไม่ให้ลิ้นปิดกั้นทางเดินอากาศได้ ซึ่งจะส่งผลให้อาการนอนกรนดีขึ้น

    5.ใช้ฟันยางสำหรับแก้ปัญหานอนกรน (Oral appliances)

    หากการกินยาไม่ได้ผล คุณอาจลองใช้ฟันยางเพื่อแก้ปัญหาการนอนกรน โดยให้เลือกฟันยางที่มีขนาดพอดีกับช่องปาก ที่จะทำให้กราม ลิ้น และเพดานอ่อนอยู่ในตำแหน่งที่จะช่วยป้องกันอาการ นอนกรน นอกจากนี้คุณอาจต้องพบทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อทำให้แน่ใจว่าฟันยางยังคงมีประสิทธิภาพ

    6.ลดน้ำหนัก

    คุณมีแนวโน้มว่าจะนอนกรนถ้าคุณอ้วนหรือน้ำหนักเกิน โดยเฉพาะถ้ารอบคอของคุณมีขนาดมากกว่า 17 นิ้ว คุณสามารถลดน้ำหนักได้ด้วยการควบคุมอาหาร และออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ผลการศึกษาพบว่า ช่วยลดอาการและความรุนแรงของโรคได้

    7.ใช้เครื่องอัดอากาศแรงบวก (Continuous Positive Airway Pressure : CPAP) 

    เครื่องตัวนี้จะมีลักษณะคล้ายเครื่องช่วยหายใจ โดยเครื่องจะอัดอากาศแรงดันบวกต่อเนื่องเพื่อค้ำยันให้ทางเดินหายใจส่วนบนเปิดตลอดเวลา ทำให้ไม่เกิดการยุบตัวหรืออุดกลั้นจาก เนื้อเยื่อรอบข้าง ซึ่งจะช่วยลดการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หากคุณไปพบคุณหมอ ด้วยอาการนอนกรน และได้รับการวินิจฉัยว่าคุณเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย คุณหมออาจ แนะนำให้ใช้เครื่องนี้

    8.การผ่าตัด

    การผ่าตัด มีจุดประสงค์เพื่อ แก้ไขลักษณะทางกายวิภาคโดยเพิ่มขนาดของช่องทางเดินหายใจส่วน บน หรือเพิ่มความตึงตัวของเนื้อเยื่อในตำแหน่งที่อาจเป็นสาเหตุของโรค การผ่าตัดควรแก้ไขให้ตรงจุดที่มีปัญหา ซึ่งอาจเป็นตำแหน่งเดียวหรือหลายตำแหน่ง อาจเป็นการผ่าตัดเพื่อนำเส้นใยไปใส่ในเพดานอ่อน ผ่าตัดทอนซิล หรือผ่าตัดตกแต่งลิ้นไก่เพดานอ่อน ซึ่งคุณควรปรึกษาคุณหมอว่า คุณควรรักษาอาการนอนกรนด้วยการผ่าตัดหรือไม่

    9.รักษาอาการภูมิแพ้เรื้อรัง

    อาการภูมิแพ้สามารถลดการไหลเวียนอากาศทางจมูก อาจทำให้คุณต้องหายใจทางปากซึ่งเพิ่มความเป็นไปได้ในการนอนกรน คุณควรปรึกษาคุณหมอเพื่อทำให้อาการภูมิแพ้ดีขึ้น

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย Sopista Kongchon · แก้ไขล่าสุด 03/08/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา