เลือดออกใต้เล็บ หรือ เลือดคั่งใต้เล็บ ส่วนใหญ่อาจเกิดจากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในส่วนของเล็บ ทำให้ความดันใต้เล็บเพิ่มมากขึ้น และเกิดเป็นอาการเลือดออกใต้เล็บได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเจ็บปวด และมีเลือดออกเล็กน้อย แต่หากอาการเจ็บป่วยมีความรุนแรง รวมถึงเลือดไม่หยุดไหล ควรเข้าพบคุณหมอ เพื่อทำการรักษา
[embed-health-tool-heart-rate]
สาเหตุของเลือดออกใต้เล็บ
เลือดออกใต้เล็บ หรือ เลือดคั่งใต้เล็บ (Subungual Hematoma) ส่วนใหญ่เกิดจากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในส่วนของเล็บ ทำให้ความดันใต้เล็บเพิ่มมากขึ้น และเกิดเป็นอาการเลือดออกใต้เล็บได้ โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเลือดออกใต้เล็บ อาจมีดังต่อไปนี้
- การโดนค้อนทุบบริเวณนิ้วมือ
- โดนของหนักตกใส่นิ้วเท้า
- ปิดประตูรถทับนิ้วมือหรือปิดประตูบ้านทับนิ้วเท้า
- นิ้วเท้ากระทบกับพื้นผิวที่แข็ง เช่น พื้นบ้าน พื้นถนน
- เป็นนักกีฬา เช่น นักวิ่ง
- อุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ
- การใส่รองเท้าที่ไม่พอดีหรือคับเกินไป
ในบางกรณี เลือดออกใต้เล็บอาจมีสาเหตุมาจากสิ่งอื่น ๆ เช่น เนื้องอก ซึ่งเนื้องอกใต้เล็บเท้าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังมีสีคล้ำขึ้นได้เช่นกัน
เมื่อไหร่ที่คุณควรพบคุณหมอ
หากเลือดออกใต้เล็บทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและมีเพียงเลือดออกเล็กน้อย ก็อาจไม่จำเป็นต้องทำการรักษา แต่หากมีอาการเจ็บปวดมาก เลือดไม่หยุดไหล หรือเลือดออกใต้เล็บเกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้างทั่วเล็บ ควรรีบติดต่อคุณหมอทันที
วิธีรักษาอาการเลือดออกใต้เล็บ
หากเลือดออกใต้เล็บทำให้มีอาการปวดมาก คุณหมออาจแนะนำให้ทำการระบายเลือดออก เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด โดยใช้การผ่าตัดเพื่อลดแรงดัน (Decompression) ในบริเวณที่มีอาการ โดยอาจมีขั้นตอนดังนี้
- คุณหมออาจจะทำให้บริเวณที่มีเลือดคั่งมีอาการชาด้วยการบล็อกเส้นประสาท (Digital Nerve Block) ทั้ง 2 ฝั่งของนิ้วเท้า หลังจากนั้นก็เริ่มระบายเลือด
- คุณหมอจะใช้คาร์บอนเลเซอร์ ซึ่งเป็นตัวทำความร้อน จี้เจาะรูบนเล็บ หลังจากทำการเจาะเปิดแผลก็อาจใช้ความเย็นประคบที่ส่วนเล็บ โดยทั่วไป การจี้ด้วยความร้อนจะทำด้วยความรวดเร็วโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บใด ๆ
- คุณหมออาจใช้เข็มเจาะรูที่เล็บ หลังจากนั้น ค่อยระบายเลือดผ่านทางออกมาทางรูที่ทำการเจาะ
หลังจากทำการรักษาอาการเลือดคั่งใต้เล็บ คุณหมอจะพันผ้าพันแผลรอบบริเวณที่ทำการรักษา ปิดแผลไว้ 12 ชั่วโมงเพื่อรอดูอาการ หากเกิดอาการบวมอาจใช้น้ำแข็งประคบ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรให้น้ำแข็งสัมผัสกับเล็บที่เป็นแผลโดยตรง เพราะอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ
ในบางกรณี คุณหมออาจต้องทำการถอดเล็บ (Nail Extraction) ซึ่งหลังจากที่ทำการถอดเล็บที่ได้รับผลกระทบออกไปแล้ว เล็บใหม่ก็จะงอกขึ้นมาทดแทน โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 6-9 เดือน