ตาเหล่ ข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกัน อาจเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงวัย 6 เดือนแรกหลังคลอด และจะมีอาการที่ชัดเจนเรื่อย ๆ ตามการเจริญเติบโต โดยสังเกตได้จากลูกตาที่ไม่สามารถมองตรงไปข้างหน้าพร้อมกันได้
คำจำกัดความ
ตาเหล่ คืออะไร
ตาเหล่ คือ ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการมองเห็น เนื่องจากลูกตาทั้งสองข้างไม่สามารถมองไปที่จุดใดจุดหนึ่งในเวลาเดียวกันได้ ซึ่งปกติดวงตาจะมีกล้ามเนื้อยึดติดเพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวให้ไปในทิศทางเดียวกัน แต่หากกล้ามเนื้อนั้นทำงานผิดปกติ ก็จะเกิดเป็นอาการตาเหล่ขึ้น
ตาเหล่สามารถแบ่งประเภทตามตำแหน่งของลูกตา ดังนี้
- ตาเหล่ขึ้นไปด้านบน (Hypertropia)
- ตาเหล่ลงด้านล่าง (Hypotropia)
- ตาเหล่เข้าด้านใน (Esotropia)
- ตาเหล่ออกด้านนอก (Exotropia)
อาการ
อาการของตาเหล่
อาการตาเหล่ที่พบบ่อย อาจสังเกตได้จาก
- ลักษณะของดวงตาที่ไม่สมส่วน และมีการเคลื่อนไหวดวงตาที่ไม่พร้อมเพรียงกัน
- กระพริบตา หรือหรี่ตาบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเมื่อเจอแสงจ้า
- เอียงศีรษะขณะดูสิ่งของรอบตัว
- มองเห็นไม่ชัด เดินชนสิ่งของ
สาเหตุ
สาเหตุที่ส่งผลให้ตาเหล่
ยังไม่มีสาเหตุแน่ชัดที่ส่งผลให้เกิดอาการตาเหล่ แต่อาจมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับระบบประสาทส่วนที่ควบคุมกล้ามเนื้อตา หรือผลข้างเคียงจากปัญหาทางสายตา เช่น สายตายาว สายตาสั้น สายตาเอียง รวมถึงโรคตาเรื้อรัง และการติดเชื้อไวรัสบางชนิด ที่เข้าไปสร้างความเสียหายแก่หลอดเลือด เส้นประสาท
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงของภาวะตาเหล่
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้ตาเหล่ ทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่ ได้แก่
- ประวัติของบุคคลในครอบครัวที่เคยมีหรือกำลังมีอาการตาเหล่
- สายตาผิดปกติ อาจทำให้เกิดอาการตาเหล่ได้ เนื่องจากต้องเพ่งสายตาเพื่อมองเห็นสิ่งรอบตัวได้ชัดเจนขึ้น
- โรคอื่น ๆ เช่น ดาวน์ซินโดรม สมองพิการ โรคหลอดเลือดในสมอง โรคต้อหิน โรคต้อกระจก โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยภาวะตาเหล่
คุณหมออาจวินิจฉัยหาสาเหตุของ ภาวะตาเหล่ และความผิดปกติของลูกตาด้วยการทดสอบต่าง ๆ ดังนี้
- สอบถามประวัติผู้ป่วยถึงอาการ ยาที่ใช้ และปัญหาสุขภาพทั่วไปที่ผู้ป่วยเป็น
- ทดสอบความสามารถในการมองเห็น ด้วยการให้อ่านตัวเลข หรือตัวอักษรที่มีขนาด และระยะการอ่านที่แตกต่างกัน
- วัดการหักเหของแสงจากการส่องไฟ และอุปกรณ์เฉพาะทาง
- ตรวจการโฟกัส และการเคลื่อนไหวของดวงตาขณะที่มองสิ่งของ
- ตรวจโครงสร้างดวงตาทั้งภายใน และภายใน เพื่อหาสาเหตุที่ส่งผลให้ตาเหล่
การรักษาภาวะตาเหล่
ควรเร่งรักษาอาการตาเหล่ทันที เมื่อเริ่มสังเกตเห็นว่าลูกตาเคลื่อนที่อย่างผิดปกติด้วยวิธี ดังต่อไปนี้
- การใส่แว่นตา หรือคอนแทคเลนส์ ซึ่งอาจใช้ในกรณีที่ตาเหล่เพียงเล็กน้อย
- การบำบัดการมองเห็นเพื่อปรับปรุงการทำงานของดวงตาให้มีการโฟกัสวัตถุรอบข้าง และฝึกให้สมองกับดวงตาทำงานอย่างสอดคล้องกัน
- ผ่าตัดกล้ามเนื้อตา เพื่อประสานการทำงานของดวงตาไม่ให้ดวงตาหักเหผิดทิศทาง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกัน ภาวะตาเหล่
ภาวะตาเหล่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่วัยทารก ดังนั้นจึงควรตรวจสุขภาพตาตั้งแต่ช่วงก่อนอายุ 6 เดือน และ 3-5 ปี หรือเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพราะหากตรวจพบความผิดปกติของดวงตาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็อาจสามารถเข้ารับการรักษาภาวะตาเหล่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปรับปรุงด้านการมองเห็นให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังอาจต้องบำบัดการทำงานของดวงตา โดยฝึกการเคลื่อนไหวดวงตาด้วยตัวเอง ตามคำแนะนำของคุณหมอ