ในการเลือกซื้อถุงยางอนามัย ไซส์หรือขนาดของถุงยางจัดเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา เพราะการใช้ถุงยางผิดไซส์อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของถุงยางอนามัยในการคุมกำเนิดและการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สำหรับ วิธีวัดไซส์ถุงยาง นั้น สามารถทำได้ด้วยการวัดความยาวและความกว้างขององคชาตโดยใช้สายวัดหรือไม้บรรทัด แล้วนำค่าที่ได้ไปเปรียบกับความยาวและความกว้างสูงสุดของถุงยางอนามัยที่ระบุอยู่บนบรรจุภัณฑ์ของถุงแต่ละรุ่นตามท้องตลาด
[embed-health-tool-ovulation]
ไซส์ถุงยางอนามัยที่เหมาะสม มีความสำคัญอย่างไร
ถุงยางอนามัยเป็นถุงขนาดเล็ก ทรงกระบอก ทำจากยางพาราหรือวัสดุสังเคราะห์ ใช้สวมครอบองคชาตระหว่างมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน ซิฟิลิส เอดส์ รวมถึงการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
ทั้งนี้ ควรเลือกใช้ถุงยางอนามัยที่มีไซส์เหมาะสมกับองคชาตของตัวเอง เพราะการใช้ถุงยางอนามัยผิดไซส์อาจทำให้ถุงยางแตกหรือหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพของถุงยางอนามัยในการป้องกันโรคติดต่อและการตั้งครรภ์ลดลง
ในประเทศไทย ไซส์ของถุงยางอนามัยที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป คือ 49, 52 และ 56 มิลลิเมตร โดยไซส์ถุงยางอนามัยที่ชายไทยนิยมใช้ได้แก่ ขนาด 49 และ 52 เพราะเป็นไซส์ที่เหมาะสมกับไซส์องคชาตของชายไทยส่วนใหญ่มากที่สุด
ขณะเดียวกัน ความกว้างของถุงอนามัยในท้องตลาดจะอยู่ระหว่าง 1.75 นิ้วถึง 2 นิ้วขึ้นไป
วิธีวัดไซส์ถุงยาง ทำอย่างไร
ผู้ชายควรเลือกซื้อถุงยางอนามัยที่มีไซส์เหมาะสมกับความยาวและความกว้างขององคชาตตัวเอง โดยควรวัดขนาดองคชาตตามวิธีการต่อไปนี้
ขนาดของถุงยางอนามัยที่ระบุข้างซองหมายถึงขนาดรอบวงขององคชาตในขณะแข็งตัว เพราะฉะนั้นการวัดขนาดจะต้องใช้สายวัดวัดรอบองคชาตในขณะแข็งตัวโดยมีหน่วยเป็นมิลลิเมตร ซึ่งจะมีขนาดของถุงยางอนามัยที่ขายโดยทั่วไปในประเทศไทยคือขนาด 49, 52,54 และ 56 มิลลิเมตร
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยระบุว่าของความยาวองคชาตของชายไทยนั้นอยู่ที่ประมาณ 4 นิ้ว หรือ 10.16 เซนติเมตร
ตัวเลขนี้ใกล้เคียงกับผลสำรวจไซส์องคชาตของผู้ชายหลาย ๆ ประเทศของเว็บไซต์ From Mars ที่ระบุว่า ชายไทยมีความยาวอวัยวะเพศเฉลี่ยราว ๆ 11.45 เซนติเมตร
จะรู้ได้อย่างไรว่าใช้ถุงยางผิดไซส์อยู่
การใช้ถุงยางอนามัยผิดไซส์ อาจสังเกตได้จากลักษณะของถุงยางอนามัยหลังสวมเข้ากับองคชาตแล้ว ดังนี้
- ถุงยางอนามัยหลวม ขยับไปมาได้ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ได้
- ถุงยางอนามัยสั้นเกินไป ครอบองคชาตได้ไม่หมด
- ถุงยางปริหรือแตกระหว่างมีเพศสัมพันธ์
- ปลายถุงยางอนามัยห้อยจากปลายองคชาต
- ส่วนปลายของถุงยางอนามัยมีพื้นน้อยเกินไปสำหรับรองรับน้ำอสุจิที่หลั่งออกมาเมื่อถึงจุดสุดยอด
- ถุงยางอนามัยกองอยู่ตรงโคนองคชาตมากเกินไป
คำแนะนำในการใช้ถุงยางอนามัย
นอกเหนือจากการรู้จัก วิธีวัดไซส์ถุงยาง ควรรู้จักวิธีใช้ถุงยางอนามัย โดยผู้ชายควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- ก่อนซื้อหรือสวมถุงยางอนามัย ควรตรวจสอบวันเดือนปีที่หมดอายุก่อน เพราะหากหมดอายุจะทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดและป้องกันโรคลดลง
- หลังแกะถุงยางอนามัยออกจากห่อแล้ว ควรตรวจดูว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานไหม หากถุงยางแข็งเกินไป มีรอยฉีกหรือขาด หรือสัมผัสแล้วรู้สึกเหนอะมือ ควรเปลี่ยนใช้อันใหม่
- เมื่อสวมถุงยางอนามัยแล้ว ควรบีบส่วนปลายเพื่อไล่อากาศออกและเหลือส่วนปลายให้มีพื้นที่ว่างไว้เล็กน้อยเพื่อเก็บน้ำอสุจิ
- ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ควรสวมถุงยางอนามัยเพียงอันเดียว หากสวมซ้อน 2 ชั้นจะทำให้ถุงยางอนามัยเสียดสีกัน และเสี่ยงถุงยางขาดได้ง่าย
- หากพบว่าถุงยางอนามัยฉีกขาดระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ควรหยุดมีเพศสัมพันธ์ทันที แล้วเปลี่ยนใช้ถุงยางอนามัยอันใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงตั้งครรภ์ หรือความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- หากสวมถุงยางอนามัยแล้วรู้สึกแสบหรือคันองคชาต ควรถอดออกทันทีเพราะอาจมีสาเหตุมาจากการแพ้ยางพารา โดยวิธีรับมือกับปัญหานี้ คือการเปลี่ยนไปใช้ถุงยางอนามัยที่ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ เช่น พอลิยูรีเทน (Polyurethane) พอลิไอโซพรีน (Polyisoprene)
- ขณะสวมถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ไม่ควรใช้สารหล่อลื่นที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ เช่น โลชั่น มอยเจอร์ไรเซอร์ วาสลีน เบบี้ออยล์ รวมถึงสารฆ่าเชื้ออสุจิ เพราะอาจทำให้ถุงยางอนามัยเสียหาย ฉีก หรือขาดได้ง่าย หากต้องการให้การสอดใส่ง่ายขึ้น ควรใช้สารหล่อลื่นที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก
- ก่อนทิ้งถุงยางอนามัยลงถังขยะ ควรห่อด้วยกระดาษชำระ และไม่ควรทิ้งลงชักโครก เพราะอาจทำให้อุดตันได้