อาการคัน จากโรคเอดส์ เป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเอชไอวีเฉียบพลัน จนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง เพิ่มความเสี่ยงติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น ไวรัสเริม โรคหูดข้าวสุก มากขึ้น นอกจากนั้น อาการคันอาจเกี่ยวข้องกับภาวะสุขภาพอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดโรคผิวหนังในผู้ป่วยเอชไอวีและมีอาการคันรุนแรงขึ้น
[embed-health-tool-ovulation]
อาการคัน จากโรคเอดส์ มีสาเหตุจากอะไร
อาการคัน จากโรคเอดส์ เป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีและเอดส์ ซึ่งมีสาเหตุมาจากระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอของผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ก่อให้เกิดปัญหาโรคผิวหนังในลักษณะต่าง ๆ ที่ทำให้มีอาการคันรุนแรงในบางกรณี อาจไม่สามารถรักษาได้จนทำให้เกิดรอยด่าง แผลเป็นบนผิวหนัง หรือมีอาการคันจนนอนไม่หลับ ส่งผลต่อความเครียดทางจิตใจ สาเหตุของอาการคัน จากโรคเอดส์ที่พบบ่อย ได้แก่
- การติดเชื้อเอชไอวีเฉียบพลัน เป็นอาการติดเชื้อเอชไอวีระยะแรก มีอาการภายใน 2-6 สัปดาห์ ได้แก่ ปวดหัว เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองบวม ผื่นแดง คันที่ลำตัว มีไข้ แผลในช่องปาก หลอดอาหาร ทวารหนัก หรืออวัยวะเพศ
- ติดเชื้อฉวยโอกาส เป็นระยะติดเชื้อแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในระยะที่ 3 ของการติดเชื้อเอชไอวีหรืออาการโรคเอดส์ เช่น
- ติดเชื้อที่ผิวหนัง อาจเกิดจากไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อรา ทำให้เกิดผื่น ตุ่มสีแดงบนผิวหนังและมีอาการคัน
- ซิฟิลิส มีผื่นขึ้นบนผิวหนังประมาณ 2-8 สัปดาห์หลังการติดเชื้อ โดยเฉพาะที่ฝ่าเท้าและฝ่ามือ ทำให้คันบริเวณผื่น
- ไวรัสเริม ทำให้เกิดแผลบริเวณอวัยวะเพศหรือปาก เป็นผื่นพุพอง รู้สึกเจ็บปวดและมีอาการคัน
- โรคหูดข้าวสุก ก่อให้เกิดผื่นคัน เป็นตุ่มสีชมพูบนผิวหนัง
- ภาวะผิวแห้ง (Dry skin หรือ Xerosis) อาจทำให้มีอาการคันซึ่งเกิดจากการแพ้หรือโรคผิวหนัง
- โรคกลุ่มที่เป็นผื่นแดงลอกเป็นสะเก็ดหรือขุย (Papulosquamous Diseases)
- โรคผิวหนังอักเสบจากแสง อาการคัน ตุ่มพอง แผลลักษณะคล้ายกลาก ปวด แดงและบวม
- รูขุมขนอักเสบ อาการเป็นตุ่มสีแดงคล้ายสิว หรือตุ่มหนอง อาจทำให้รู้สึกคันและไม่สบายตัว
- ความผิดปกติของต่อมน้ำเหลือง อาจเป็นตุ่ม รอยด่าง ผิวแห้ง แดง คัน และมีสะเก็ด
- แมลงกัดต่อย อาจทำให้ผิวหนังบริเวณโดยรอบที่ถูกแมลงกัดต่อยแดง บวม และคัน จากพิษของแมลง หรืออาจทำให้มีอาการเจ็บปวดได้
- มะเร็งผิวหนัง อาการเป็นจุดด่างดำสีน้ำตาล สีม่วง หรือสีแดง มีอาการบวมและคันบนผิวหนัง
- ปฏิกิริยาของยารักษาเอชไอวีและการติดเชื้อที่เกี่ยวข้อง อาจทำให้มีผื่นคันบนผิวหนัง ไข้ เหนื่อยล้า ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดท้องและอาเจียน
นอกจากนี้ อาการคันจากโรคเอดส์อาจเป็นผลมาจากโรคแทรกซ้อนบางอย่างในผู้ป่วยโรคเอดส์ เช่น ภาวะไตวายเรื้อรัง โรคตับ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
อาการคันจากโรคเอดส์ มีวิธีรักษาอย่างไร
การวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุเบื้องต้นของอาการคันจากโรคเอดส์ อาจต้องใช้วิธีตรวจผิวหนัง ผม เล็บ และเยื่อเมือก แต่หากไม่พบสาเหตุ คุณหมออาจต้องวินิจฉัยจากการตรวจหาเชื้อ หรือโรคประจำตัวของผู้ป่วย หรืออาจเกี่ยวข้องกับยา ทั้งนี้ การรักษาโรคผิวหนังในผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี เพื่อบรรเทาอาการคัน จากโรคเอดส์ อาจคล้ายคลึงกับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี โดยต้องรักษาที่ต้นเหตุของอาการคัน ซึ่งคุณหมออาจรักษาด้วยวิธี ดังนี้
- ให้ยาต้านไวรัสที่ออกฤทธิ์สูง (HAART) เพื่อช่วยลดตุ่มเอดส์และป้องกันการเกิดซ้ำ รวมทั้งป้องกันการติดเชื้อฉวยโอกาส และช่วยบรรเทาอาการคัน
- รักษาด้วยยารับประทาน เช่น ยาแก้แพ้ (Antihistamine) เพื่อช่วยบรรเทาอาการคัน
- ให้ยารักษาเฉพาะที่ เช่น สเตียรอยด์เฉพาะที่ (Topical Steroids) ไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) เพื่อบรรเทาอาการคัน
- รักษาด้วยแสง (Phototherapy) เป็นทางเลือกในการรักษา สำหรับผู้ที่ไม่สามารถรับประทานยาได้ ผู้ที่มีปัญหาโรคผิวหนังที่เกี่ยวข้องกับเอชไอวีและอาการคันที่ไม่ทราบสาเหตุ วิธีนี้ ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการรักษาด้วยแสงบ่อยครั้งจนกว่าอาการคันจะหายไป
- หลีกเลี่ยงการเกาผิวหนังเพราะอาจทำให้เกิดบาดแผลและติดเชื้อเพิ่มได้
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำด้วยน้ำอุ่น การเผชิญกับแสงแดดโดยตรง เพราะผู้ป่วยเอชไอวีผิวมักไวต่อแสงและความร้อน อาจทำให้เกิดผื่นและลุกลามมากขึ้น จนเกิดอาการคันมากขึ้น