ประจำเดือนไม่มา หมายถึง ภาวะขาดประจำเดือนหลังจากครบกำหนดทุก ๆ 21-35 วัน ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งครรภ์ การหยุดใช้ยาคุมกำเนิด ความเครียด หรือการออกกำลังกายอย่างหนัก หากถามว่า ประจำเดือนไม่มา กินยาอะไรดี คำตอบของคุณหมอหรือเภสัชกรมักเป็นยาเมดรอกซีโปรเจสเตอโรน (Medroxyprogesterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสังเคราะห์ มีคุณสมบัติปรับการทำงานของฮอร์โมนภายในร่างกายที่อาจช่วยให้ประจำเดือนมาตามปกติได้
[embed-health-tool-ovulation]
ประจำเดือนไม่มามีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง
ประจำเดือนไม่มา เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งครรภ์หรือวัยทอง รวมถึงจากปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- ยาคุมกำเนิด หลังหยุดใช้ยาคุมกำเนิด ผู้หญิงบางคนอาจพบว่าประจำเดือนไม่มา มากะปริบกะปรอย มาไม่สม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ความผิดปกตินี้จะเกิดขึ้นเพียง 1-3 เดือนเท่านั้น และหากเกิดขึ้นนานกว่านั้นควรไปพบคุณหมอ
- ความเครียด ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมา ซึ่งออกฤทธิ์รบกวนการทำงานของสมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตฮอร์โมน และทำให้ประจำเดือนไม่มา ทั้งนี้ หากความเครียดลดลงหรือหาวิธีกำจัดความเครียดได้ ประจำเดือนอาจกลับมาตามปกติ
- การออกกำลังกายอย่างหนัก อาจทำให้ร่างกายหลั่งคอร์ติซอลมากกว่าปกติและทำให้ประจำเดือนขาดได้เช่นเดียวกับความเครียด
- อาการป่วย เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ ซึ่งทำให้รังไข่ทำงานผิดปกติ จนฮอร์โมนในร่างกายขาดความสมดุล และทำให้ประจำเดือนไม่มาหรือมาน้อยกว่าปกติ เนื้องอกต่อมใต้สมอง (Pituitary Adenoma) ภาวะฮอร์โมนโปรแลคตินสูง (Hyperprolactinemia ) ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroidism)
- ยาบางชนิด เช่น ยาต้านอาการทางจิต ยาต้านซึมเศร้า ยารักษาความดันโลหิตสูง ยาแก้แพ้ อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอย่างประจำเดือนไม่มาเนื่องจากยาเหล่านี้มักมีส่วนประกอบที่ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงจนขาดความสมดุล
- ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน หากมีน้ำหนักเกินเกณฑ์หรือเป็นโรคอ้วน ร่างกายของผู้หญิงจะผลิตฮอร์โมนเพศเอสโตรเจน (Estrogen) มากกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้ประจำเดือนไม่มาหรือประจำเดือนมาไม่ปกติ
ประจำเดือนไม่มา กินยาอะไรดี
หากประจำเดือนไม่มา โดยไม่ได้มีสาเหตุมาจากการตั้งครรภ์หรือวัยทอง คุณหมออาจจ่ายยากลุ่มโปรเจสเตอโรนให้รับประทาน ซึ่งจะช่วยให้ประจำเดือนมาตามปกติ เนื่องจากยาชนิดนี้มีคุณสมบัติปรับการทำงานของฮอร์โมนภายในร่างกาย
โดยทั่วไป คุณหมอจะจ่ายยากลุ่มโปรเจสเตอโรนให้ผู้ที่ประจำเดือนไม่มารับประทานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 7-14 วัน ขึ้นกับชนิดของยา
เมื่อรับประทานยานี้อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ดังนี้
- เจ็บเต้านมหรือมีของเหลวไหลออกมา
- สิวขึ้น
- ขนบนใบหน้าเพิ่มขึ้น
- ผมร่วง
- ง่วงซึม
- น้ำหนักเพิ่มหรือลด
- ปวดท้อง
ทั้งนี้ หากรับประทานยากลุ่มโปรเจสเตอโรนขณะประจำเดือนมาตามปกติหรือมามาก จะทำให้ประจำเดือนมาน้อยลง เนื่องจากมีฤทธิ์ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง
อย่างไรก็ตาม ในการรักษาอาการประจำเดือนไม่มา คุณหมออาจจ่ายยาตัวอื่นในกลุ่มยา Progesteroneเพื่อรักษาอาการประจำเดือนไม่มาได้เช่น Duphaston, Primolut-N
ประจำเดือนไม่มา ดูแลตัวเองอย่างไร
เมื่อประจำเดือนไม่มา โดยเลยระยะเวลาตามกำหนดไปแล้ว 7 วัน อาจเลือกตรวจครรภ์ หากผลตรวจระบุว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ ควรไปพบคุณหมอ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย และรักษาตามสาเหตุ หรือเลือกดูแลตัวเองเบื้องต้นตามคำแนะนำต่อไปนี้
- หยุดรับประทานยาคุมกำเนิดเมื่อหมดแผง เพื่อให้เกิดการตกไข่ที่ทำให้ประจำเดือนมาปกติในรอบเดือนถัดไป หรืออาจต้องรอประมาณ 2-3 เดือนเพื่อให้รอบเดือนกลับมาตามปกติ
- หาวิธีกำจัดความเครียด ด้วยการทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายและชื่นชอบ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ถ่ายรูป ออกไปเที่ยวข้างนอก
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหักโหม
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม เพราะอาจช่วยให้ระดับฮอร์โมนสมดุล และมีผลให้ประจำเดือนมาตามปกติได้