ผู้หญิงตั้งครรภ์สามารถ มี เพศ สัมพันธ์ ตอน ท้อง ได้ตลอดช่วงตั้งครรภ์ไปจนถึงช่วงใกล้คลอดโดยไม่ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม หากมีภาวะแทรกซ้อนบางประการ เช่น เคยคลอดก่อนกำหนด เคยแท้งลูก มีภาวะแท้งคุกคาม ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ตอนท้องเนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของแม่และทารกในครรภ์ได้
[embed-health-tool-due-date]
มี เพศ สัมพันธ์ ตอน ท้อง สามารถทำได้หรือไม่
การมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่และการขยับร่างกายขณะร่วมรักในช่วงตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ตามปกติ ส่วนใหญ่จะไม่ส่งผลกระทบหรือเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ เนื่องจากมีหน้าท้อง ผนังกล้ามเนื้อมดลูก และน้ำคร่ำคอยปกป้องทารกในครรภ์ไว้อย่างดี เด็กจึงยังเจริญเติบโตได้อย่างปลอดภัย
ความต้องการทางเพศของผู้หญิง ตั้งครรภ์ เป็นอย่างไร
ความต้องการทางเพศของผู้หญิงตั้งครรภ์มีความแตกต่างกันในแต่ละคน ซึ่งอาจเป็นผลจากระดับฮอร์โมนในร่างกาย ผู้หญิงตั้งครรภ์บางคนอาจไม่รู้สึกมีความต้องการทางเพศ ในขณะที่บางคนกลับมีความต้องการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ความเครียดที่เกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ อาจทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์และคู่นอนมีความต้องการทางเพศน้อยลง หรือมีความต้องการไม่สอดคล้องกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรจะพูดคุยเรื่องเหล่านี้อย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา เพื่อให้เข้าใจตรงกันมากที่สุด
รูปแบบความใคร่ของผู้หญิงในช่วงตั้งครรภ์ที่พบได้บ่อย มีดังนี้
- ไตรมาสแรก หรือเดือนที่ 1-3 คนท้องอาจมีอารมณ์ทางเพศน้อยเนื่องจากมีอาการแพ้ท้อง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อาการคัดตึงเต้านม แต่ก็จะกลับมามีความต้องการตามปกติได้ในเวลาไม่นาน
- ช่วงไตรมาสที่ 2 หรือเดือนที่ 4-6 คนท้องอาจมีอารมณ์ทางเพศเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีระดับฮอร์โมนในร่างกายและระดับการไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ถึงจุดสุดยอดได้ดีขึ้นด้วย
- ช่วงไตรมาสที่ 3 หรือช่วงเดือนที่ 7-9 การมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเนื่องจากอยู่ในช่วงใกล้คลอดที่หน้าท้องขยายใหญ่ขึ้นและขยับร่างกายได้ยากกว่าปกติ
ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ตอนท้อง
ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะดังต่อไปนี้ ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ตอนท้อง
- เคยมีประวัติคลอดก่อนกำหนด
- มีสัญญาณของการคลอดก่อนกำหนด เช่น มีการหดตัวของมดลูกก่อนกำหนด
- เคยแท้งลูกหรือกำลังมีภาวะแท้งคุกคาม
- ตั้งครรภ์ลูกแฝด
- ถุงน้ำคร่ำรั่ว
- มีเลือดออกทางช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีภาวะปากมดลูกอ่อนแอหรือหลวม (Cervical incompetence) ซึ่งทำให้เสี่ยงแท้งลูกและคลอดก่อนกำหนด
- มีภาวะรกเกาะต่ำ เป็นภาวะที่รกซึ่งโดยปกติจะอยู่ด้านบนของมดลูก เลื่อนลงมาปกคลุมปากมดลูกบางส่วนหรือทั้งหมด
- มีการติดเชื้อ STD (Sexually transmitted diseases) ในขณะตั้งครรภ์ในคู่สามีภรรยา
ท่าร่วมรักที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์
โดยทั่วไปคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์สามารถมีกิจกรรมทางเพศได้ตามปกติ และอาจรู้สึกสบายตัวมากขึ้นหากเป็นท่าร่วมรักที่อยู่ในตำแหน่งที่สามารถควบคุมความลึกและความเร็วในการสอดใส่ได้
ท่าร่วมรักที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ อาจมีดังนี้
- ท่านอนตะแคง ผู้หญิงตั้งครรภ์และคู่นอนอาจใช้วิธีนอนตะแคง ทั้งแบบนอนหันหน้าเข้าหากัน และแบบนอนตะแคงไปทางเดียวกันโดยให้อีกฝ่ายนอนซ้อนตัวอยู่ด้านหลัง พร้อมใช้มือกระตุ้นคลิตอริสไปด้วย
- ท่าเข้าทางด้านหลัง ผู้หญิงตั้งครรภ์คุกเข่าลงและทิ้งน้ำหนักไปที่ศอกและเข่า กางศอกทั้งสองข้างให้กว้างออกแล้วท้าวศอกบนที่นอน และทำกิจกรรมจากด้านหลัง อาจใช้หมอนมาวางรองแขนหรือบริเวณลำตัวเพื่อให้อยู่ในท่าที่สบายตัวที่สุด
- ท่าออนท็อป ผู้หญิงตั้งครรภ์สามารถขึ้นคร่อมบนลำตัวของคู่นอนได้ โดยพยายามเอนตัวไปข้างหลังมากกว่าด้านหน้าเพื่อป้องกันหน้าท้องถูกกดทับมากเกินไป และช่วยไม่ให้น้ำหนักของหน้าท้องทำให้เอนไปด้านหน้า ในช่วงไตรมาสที่ 1 และ ไตรมาสที่ 2 ท่านี้จะช่วยให้สามารถถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น
ท่าร่วมรักที่ไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ มีดังนี้
- ผู้ที่มีออรัลเซ็กส์หรือมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ไม่ควรให้คู่นอนเป่าลมเข้าไปทางช่องคลอด เพราะอาจเสี่ยงเกิดฟองอากาศไปอุดหลอดเลือด แต่เป็นกรณีที่พบได้น้อย
- หลังสัปดาห์ที่ 20 ไม่ควรให้ผู้หญิงตั้งครรภ์นอนราบอยู่ด้านล่าง เนื่องจากผู้ที่อยู่ด้านบนอาจกดทับหน้าท้องของผู้หญิงตั้งครรภ์ จนส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิตของทั้งแม่และทารกในครรภ์
- ในไตรมาสที่ 3 ท่าออนท็อปอาจทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์รู้สึกอึดอัด ไม่สบายท้อง อาจหลีกเลี่ยงการทำท่าออนท็อปที่มีการสอดใส่ลึกจนเกินไป เพราะอาจทำให้ระคายเคืองปากมดลูกหรือทำให้เลือดออกได้
สิ่งที่ควรพึงระวังเมื่อ มี เพศสัมพันธ์ ตอน ท้อง
ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ควรพึงระวังการมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่ทราบประวัติกิจกรรมทางเพศ หรือผู้ที่มีความเสี่ยงว่าอาจเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเริม โรคหูดหงอนไก่ โรคหนองในเทียม โรคติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจากอาจติดเชื้อแล้วส่งผ่านเชื้อเหล่านั้นไปยังทารกในครรภ์ได้ นอกจากนี้ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษหากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ และควรหลีกเลี่ยงท่าร่วมรักที่เพิ่มแรงกดทับบริเวณหน้าท้อง เพราะอาจทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์หายใจไม่ออกและกระทบต่อทารกในครรภ์ได้